คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 107 สั่งสอนสะใภ้เซี่ย ตอนที่ 108 แม่ใหญ่ปกป้อง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 107 สั่งสอนสะใภ้เซี่ย / ตอนที่ 108 แม่ใหญ่ปกป้อง

Ink Stone_Romance

ตอนที่ 107 สั่งสอนสะใภ้เซี่ย

สะใภ้เซี่ยไม่เคยคิดมาก่อนว่า แม้แต่ห้องของฉินหลิวซี นางก็เข้าไปไม่ได้ กลับต้องยืนคารวะอยู่ข้างหน้าและได้เลือดมาเช่นนี้

เสียงกรีดร้องอันแหลมสูงดังไปทั่วเรือน พวกฉินหมิงเย่ว์สองพี่น้องที่เดิมทีคิดจะตามนางเข้าไปในห้องด้วย พอเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้ พวกนางก็ตกใจจนหน้าซีด ตะโกนเรียกหาหมอขณะที่เข้าไปพยุงสะใภ้เซี่ย

สะใภ้เซี่ยรู้สึกเจ็บจมูกจนทนไม่ไหว น้ำตาที่พรั่งพรูออกมาผสมปนเปไปกับเลือด หน้าตาเลอะเทอะไปหมด

“เจ้ารีบไปตามท่านหมอสิ” ฉินหมิงเย่ว์ตะโกนใส่ฉีหวงโดยไม่สนใจจะรักษากิริยาแบบกุลสตรีไว้อีก

ฉีหวงยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร เสียงสะใภ้หวังก็ดังลอยมาเสียก่อน “เกิดอันใดขึ้น”

สะใภ้หวังได้ยินเสียงกรีดร้องของสะใภ้เซี่ยมาแต่ไกลจึงรีบเร่งฝีเท้าเข้ามา จากนั้นก็เห็นหลานสาวทั้งสองคนพยุงมารดาตนเองซ้ายคนขวาคน จึงอดรู้สึกตกใจขึ้นมาไม่ได้

ฉีหวงก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วคารวะนาง “คารวะฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรองคิดถึงคุณหนูเจ้าค่ะ แม้คุณหนูจะไม่อยู่ก็ยังอยากที่จะเข้าไปนั่งในห้อง เกรงว่าแค่ได้กลิ่นก็คงทำให้สบายใจได้กระมังเจ้าคะ”

สะใภ้หวัง “…”

ใครช่างเลี้ยงสาวใช้แบบนี้ออกมาได้ ปากของนางผู้นี้คงกินหน่อไม้เข้าไปมากกระมัง

คนอย่างสะใภ้เซี่ยหรือจะคิดถึงฉินหลิวซี เจ้าตัวไม่อยู่ยังอยากจะเข้าไปดมกลิ่นหรือ

ถุย!

เจตนาของนางคงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก

สะใภ้เซี่ยหันหน้ามาแล้ว พอนางได้ยินคำพูดของฉีหวงก็โกรธจนลมออกหู นางกุมจมูกชี้ไปทางฉีหวง “เจ้า เจ้า!”

สะใภ้หวังเห็นใบหน้าเละเทะของสะใภ้เซี่ยแล้วก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ “เลือด เลือดออกได้อย่างไร”

“ฮูหยินรองน่าจะตื่นเต้นไปหน่อยก็เลยล้มลงเจ้าค่ะ” ฉีหวงเอ่ย “เช่นนั้นแล้ว ในเมื่อพวกท่านก็มากันหมดแล้ว ในห้องของคุณหนูมียาอยู่ เข้าไปทำแผลข้างในดีหรือไม่เจ้าคะ”

สะใภ้เซี่ยกำลังจะเอ่ยอะไร แต่แล้วนางก็รู้สึกเหมือนมีใครเป่าลมเย็นๆ ใส่หูนาง มันน่าขนลุก แถมยังฟังดูเหมือนเสียงหัวเราะแหลมสูงน่าหวาดกลัว

สะใภ้เซี่ยขนลุกชันไปทั้งร่าง นางกรีดร้อง “ไม่ ข้าไม่ไป รีบไปกันเถิด”

นางไม่สนใจสะใภ้หวัง รีบออกจากเรือนเล็กที่แปลกๆ นี้ทันทีจนแทบเหมือนวิ่งหนี

น่ากลัว น่ากลัวมากจริงๆ

ที่นางสะดุดล้มคว่ำหน้าลงก็แปลกมาก

เรือนนี้ไม่ดีแล้ว!

สะใภ้เซี่ยเดินกะโผลกกะเผลกไป ต้องขอบคุณบุตรสาวทั้งสองของนางที่คอยพยุงไว้ นางจึงไม่ล้มลงไปอีก

สะใภ้หวังมองหน้าฉีหวง “?”

ฉีหวงรู้ดีอยู่แก่ใจแต่ใบหน้ากลับนิ่งเรียบ “ดูท่าว่าฮูหยินรองจะไม่คิดถึงคุณหนูแล้วนะเจ้าคะ”

สะใภ้หวังยกนิ้วชี้ขึ้นชี้หน้านาง “ฮูหยินใหญ่เองก็คิดถึงคุณหนูของเจ้าแล้ว ทั้งยังคิดที่จะไปอารามเต๋าเพื่อจุดธูปทำบุญ คุณหนูของเจ้า ไม่ได้บอกหรือว่าจะออกมาจากกักตนเมื่อไหร่”

ฉีหวงเอ่ย “ยังบอกไม่ได้แน่นอนเจ้าค่ะ” นางหยุดไปเล็กน้อยพลางมองสะใภ้หวัง ก่อนจะเผยข้อมูลให้เล็กน้อย “หากคุณหนูออกจากการกักตนบำเพ็ญ แล้วบังเอิญมีคนมาเชิญพอดี ก็อาจจะไปออกไปรักษาคน”

นิ้วชี้ของสะใภ้หวังสั่นเทา “ออกไปรักษาคน? เป็นหมอประจำโรงหมออย่างนั้นหรือ”

ฉีหวงเอ่ย “ไม่ขอปิดบังฮูหยินใหญ่ คุณหนูเป็นหมอนักพรต วิชาแพทย์…พอตัว”

ลมหายใจสะใภ้หวังปั่นป่วนเล็กน้อย ริมฝีปากของนางสั่นระริก สักพักจึงเอ่ย “เป็นตระกูลฉินที่ผิดต่อนาง”

เดิมทีนางเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี แต่เพราะดวงชะตาของนางทำให้ต้องอยู่ห่างบ้าน ไม่ต่างอะไรกับเด็กกำพร้าคนหนึ่ง

ฉีหวงเห็นสีหน้ารู้สึกผิดของสะใภ้หวัง จึงยิ้มบางๆ “ฮูหยินใหญ่ควรจะไปตามท่านหมอมาให้ฮูหยินรองดีกว่านะเจ้าคะ หากนางเสียโฉมขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการคุณหนูอย่างไรอีก”

สะใภ้หวังนึกถึงนิสัยของสะใภ้เซี่ยแล้วก็พยักหน้าลงรีบจากไปทันที

เมื่อรอจนไม่มีใครอยู่ในเรือนแล้ว ฉีหวงจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แค่บทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ อย่าได้ไปทำอันใดพวกนางอีก หากทำอันใดเกินเลยไป พอคุณหนูกลับมาเกรงว่าจะตำหนิพวกเราเอาได้”

ลมเย็นๆ พัดผ่านไปราวตอบรับคำพูดของนาง

ตอนที่ 108 แม่ใหญ่ปกป้อง

ฉีหวงคิดไม่ผิดจริงๆ เรื่องสะใภ้เซี่ย นางออกจากอาณาเขตของฉินหลิวซีไปแล้วก็ไม่ได้กลับไปที่เรือนของตน แต่กลับตรงไปที่เรือนของฮูหยินฉินผู้เฒ่าเพื่อฟ้องทันที

ตอนที่สะใภ้หวังตามไปถึง สะใภ้เซี่ยกำลังใส่ไฟฟ้องฮูหยินฉินผู้เฒ่าทั้งน้ำหูน้ำตา จมูกก็มีเลือดหยดออกมา

“ท่านแม่ ข้าเป็นอาสะใภ้คนหนึ่ง แค่จะเข้าไปนั่งในห้องหลานสาวสักหน่อย แต่สาวใช้ของนางกลับขวางข้าเหมือนข้าเป็นขโมย ข้าอยู่มานานเพียงนี้ ยังไม่เคยเห็นสาวใช้ที่โอหังเช่นนี้มาก่อนเลย ช่างไม่รู้จักเคารพกฎเกณฑ์จริงๆ”

สะใภ้หวังเหยียดมุมปาก นี่เจ้าก็ได้เห็นแล้วมิใช่หรือ!

นางแสร้งทำเป็นร้อนใจก้าวเข้าไป “น้องสะใภ้ เหตุใดเจ้าจึงมาหาท่านแม่ที่นี่ได้ อยู่ดีๆ ก็สะดุดล้มลงไป จมูกแตกแล้วยังไม่รีบไปใส่ยา เจ้าไม่กลัวเสียโฉมหรือ”

เสียโฉมหรือ

สะใภ้เซี่ยหน้าถอดสีทันที นางโอดครวญ “ท่านแม่ ท่านจะต้องออกหน้าจัดการให้ข้านะเจ้าคะ”

นางฉินผู้เฒ่านวดขมับตนเองเล็กน้อย “เจ้าเข้ามาได้ก็พูดไม่หยุด ข้านึกว่าเจ้าไม่สนใจแล้วว่าจะเจ็บหรือไม่”

สะใภ้เซี่ยสะอึกไป

นางฉินผู้เฒ่าหันไปมองสะใภ้หวังซึ่งกำลังยอบกายคารวะนางอยู่ “ท่านแม่ ข้าสั่งให้พ่อบ้านหลี่ไปเชิญท่านหมอมาแล้ว ฉีหวงบอกแล้วว่าในห้องของซีเอ๋อร์มียาอยู่ เดิมทีก็คิดจะให้น้องสะใภ้เข้าไปใส่ยา แต่น้องสะใภ้กลับปฏิเสธ ข้าจึงได้แต่ต้องให้เสี่ยวเสวี่ยนำมา”

ในมือเสี่ยวเสวี่ยมีกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเปิดออกก็พบว่ามียาจินซวงสมานแผลอะไรประเภทนั้นอยู่

สะใภ้เซี่ยกลับเอ่ย “ข้าไม่ต้องการยาของนาง จะไปรู้หรือว่าข้างในมีอันใดบ้าง”

คำพูดนั้นทำให้สะใภ้หวังมีสีหน้าเย็นชาลงทันที และสั่งให้เสี่ยวเสวี่ยถอยออกไป “น้องสะใภ้ไม่ต้องการ เช่นนั้นก็แล้วไป รอท่านหมอมาเถิด” นางหันไปมองฉินหมิงเย่ว์ “เย่ว์เอ๋อร์ เจ้าไปยกน้ำมาให้ท่านแม่ของเจ้าล้างหน้าหน่อยไป ไม่อย่างนั้นท่านหมอมาแล้วจะดูแผลได้อย่างไร”

ฉินหมิงเย่ว์พยักหน้าก่อนจะออกไปยกน้ำมา ในใจนางกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อก่อนนางใช่จะต้องทำงานเช่นนี้ เป็นงานของพวกสาวใช้ทั้งนั้น ท่านป้าใหญ่เองก็เหมือนกัน ทั้งๆ ที่มีสาวใช้อยู่ด้วย แต่กลับไม่สั่งสาวใช้ มาใช้ให้นางที่เป็นเจ้านายทำงานหยาบๆ นี้แทน

แต่นางก็บ่นได้แค่ในใจเท่านั้น

สะใภ้เซี่ยถูกสะใภ้หวังขัดจังหวะ ในใจจึงเกิดโทสะ นางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาก่อนจะเอ่ยต่อ “ท่านแม่ ท่านจะต้องจัดการนางสักหน่อยนะเจ้าคะ บ้านเราล้มแล้วก็จริง แต่ก็ไม่ควรจะปล่อยให้เป็นเหมือนหญิงในหมู่บ้านป่าเขาที่ไม่รู้อันใดควรไม่ควรพวกนั้นนะเจ้าคะ เป็นบ่าวรับใช้ยังว่างท่าใหญ่โตยิ่งกว่าเจ้านายเสียอีก หากเรื่องนี้ลือออกไปข้างนอก เราจะไม่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่ก็เหมือนกัน ท่านเป็นนายหญิงของบ้าน ไม่กลัวคนภายนอกจะพูดบ้างหรือว่ากฎเกณฑ์มารยาทของสะใภ้ตระกูลหวังก็แค่นี้เอง”

มารยาทของบ่าวรับใช้บ่งบอกความสามารถของนายหญิงของบ้านได้ดีที่สุด

สะใภ้หวังยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นปิดปากพลางเอ่ยเรียบๆ “น้องสะใภ้คิดไกลเกินไปแล้ว กฎเกณฑ์มารยาทของสะใภ้ตระกูลหวังไม่มีหรอกนะที่จะให้ใครบุกเข้าไปในห้องของเจ้านายได้ตอนที่เจ้านายไม่อยู่”

“พี่สะใภ้ใหญ่!” สะใภ้เซี่ยกัดฟันด้วยความโกรธ

สะใภ้หวังเอ่ยต่อ “อีกอย่างภายหลังฉีหวงก็ไม่ได้ขวางเจ้านี่ เจ้าเดินอยู่ดีๆ ก็ล้มลงไปจมูกกระแทก เดินสะดุดไปเอง จะว่ามีใครผลักเจ้าก็คงไม่ได้กระมัง ที่ตรงนั่นเป็นพื้นราบ”

สีหน้าของสะใภ้เซี่ยเปลี่ยนไปทันที นางหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที นางโพล่งออกมาโดยไม่คิด “เรือนของนางหนูซีมีสิ่งใดผิดปกติ มีแต่ของชั่วร้าย อย่างที่พี่สะใภ้ใหญ่เอ่ย ที่ตรงนั้นเป็นที่ราบ ไม่มีสิ่งใดมาขวางเท้าข้า แต่ข้าก็ล้มลง ราวกับว่า ราวกับกว่าจู่ๆ ก็มีคนมาคว้าจับเท้าข้าไว้อย่างไรอย่างนั้น ท่านแม่ หรือว่าที่ตรงนั้นจะไม่ดี?”

ข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดของหญิงชราคือการพูดเรื่องผีสางชั่วร้ายพวกนี้ ตราบใดที่ข้องแวะกับของพวกนี้ ล้วนไม่ใช่เรื่องดี หากลือกันออกไปจะยิ่งไม่น่าฟัง

ดังนั้นเมื่อสะใภ้เซี่ยเอ่ยเช่นนั้นออกมา สีหน้าของนางจึงไม่น่าดูทันที เอ่ยดุเสียงเข้ม “เหลวไหล กลางวันแสกๆ อย่างนี้ จะมีผีสางได้อย่างไร”

“ท่านแม่ ข้าไม่ได้โกหกท่านนะเจ้าคะ ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าที่ข้าล้มลงเพราะมีคนจับเท้าข้าไว้ อีกอย่างท่านก็เคยเอ่ยว่าดวงของนังหนูซีแปลกๆ มิใช่หรือเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นจะส่งนางมาที่บ้านเก่านี้ด้วยเหตุอันใด เรือนของนางจะดึงดูดสิ่งสกปรกพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ จริงสิ มิน่าตอนแรกฉีหวงถึงไม่ยอมให้ข้าเข้าไป ข้าก็ว่านางมีสิ่งใดที่ให้คนอื่นเห็นไม่ได้หรือไม่ หรือจะเป็นเพราะสาเหตุนี้”

สะใภ้เซี่ยรู้สึกว่าตนเองเดาความจริงออกแล้ว

นางฉินผู้เฒ่าโกรธจนหน้าเขียว

ใบหน้าของสะใภ้หวังไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย เอ่ยเสียงเข้ม “น้องสะใภ้รอง นังหนูซีทำอันใดให้เจ้าไม่พอใจหรือ เจ้าก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง เหตุใดจึงได้ใส่ร้ายผู้น้อยเช่นนี้ เจ้ายังเอ่ยเองว่านางเป็นหลานของเจ้า ตัวนางเองก็ไม่อยู่ เจ้าสร้างเรื่องให้ร้ายนางเช่นนี้ ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือ”

“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าก็แค่เอ่ยความจริง!”

“ความจริงเป็นเช่นไรข้ารู้ดี ก็คือเจ้าต้องการที่จะเข้าไปนั่งดื่มชาในห้องของนังหนูซี แต่กลับถูกห้ามไว้จึงบังเกิดความไม่พอใจ และไม่ระมัดระวังจนล้มลง แต่เจ้ากลับเอาเรื่องอุบัติเหตุที่ว่านี้มาทำให้กลายเป็นว่าเรือนของเด็กคนนั้นไม่ดีไม่สะอาด” สะใภ้หวังเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “เด็กสาวคนหนึ่งยังไม่ทันจะได้ทำอันใด เรือนของนางก็เล็กแค่มองปราดเดียวทั่วแล้ว แต่กลับถูกเจ้ากล่าวหาว่าไม่ดีไม่สะอาด เจ้าอยากเห็นนางตายหรือ หรือคิดว่าหญิงสาวตระกูลฉินชื่อเสียงดีงามเกินไป จึงต้องสาดน้ำโคลนใส่นางถึงจะดี น้องสะใภ้รอง เจ้าเองก็มีบุตรสาว แถมยังมีตั้งสองคน ตอนที่เจ้าใส่ความพี่หญิงใหญ่ของพวกนาง ก็น่าจะนึกถึงเย่ว์เอ๋อร์พวกนางสองพี่น้องบ้าง”

เมื่อเอ่ยมาถึงตอนหลัง น้ำเสียงของนางก็ยิ่งเข้มขึ้นแล้ว

สะใภ้เซี่ยถูกด่าจนแทบไม่มีที่ยืน

สะใภ้หวังไม่มีวันตามใจนาง เอ่ยต่อด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าจะเอ่ยเรื่องผีผลักอันใดนั่น ในบ้านนี้ทั้งหลังไม่มีที่ไหนที่รู้สึกสบายเท่ากับในเรือนของซีเอ๋อร์แล้ว พอก้าวเข้าไปในเรือนของนางก็จะรู้สึกสงบลงได้ทันที อีกอย่าง เจ้าเอ่ยเรื่องผีผลัก น้องสะใภ้รองคงลืมไปแล้วว่าซีเอ๋อร์เป็นใคร อาจารย์ของนางคือใคร นักพรตชื่อหยวนเจ้าอาวาสอารามชิงผิง นางเองก็เข้าสู่ลัทธิเต๋าแล้ว อ่านคัมภีร์กำจัดสิ่งชั่วร้ายขับไล่ปีศาจเป็นปกติ ถ้าเจ้าเป็นผี เจ้าคิดว่าผีจะกล้าเข้าใกล้หรือ พวกเราไม่ว่าใครก็มีโอกาสถูกผีเข้าใกล้กันทั้งนั้น มีแต่ซีเอ๋อร์เท่านั้นที่ไม่มีผีร้ายตนไหนกล้าเข้าใกล้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าอาวาสชื่อหยวนจะไม่ให้ของวิเศษนางไว้ปกป้องคุ้มกาย”

สีหน้าสะใภ้เซี่ยเดี๋ยวก็หน้าแดงด้วยความโกรธ ประเดี๋ยวก็ซีดขาว นางอดเหน็บแนมออกไปไม่ได้ “พี่สะใภ้ใหญ่ฝีปากไม่เบาจริงๆ ข้าสู้ท่านไม่ได้หรอก เห็นท่านกางปีกปกป้องนางอย่างนี้ คนที่ไม่รู้ก็คงจะคิดว่านังหนูซีเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของท่าน”

“นางเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของข้า!” สะใภ้หวังเชิดหน้าขึ้นเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “เจ้าอย่าลืมว่า นางอยู่ภายใต้ชื่อของข้า เป็นบุตรสาวคนโตของข้า และยังเป็นบุตรสาวคนโตคนเดียวของบ้าน เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลฉิน หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเยี่ยนเอ๋อร์ที่อยู่ระหว่างถูกเนรเทศ ต่อไปข้าก็จะบันทึกชื่อฉุนเอ๋อร์ภายใต้ชื่อของข้าด้วย เด็กทั้งสองคนนี้เป็นหัวใจหลักของบ้านใหญ่ เช่นนี้แล้ว ข้ากางปีกปกป้องพวกเขาก็สมเหตุสมผลแล้วมิใช่หรือ”

สะใภ้เซี่ยไม่ได้มีเลือดไหลออกจากจมูกแล้ว แต่กลับกระอักเลือดด้วยความโกรธออกมาแทน!

นางฉินผู้เฒ่าเห็นว่าสะใภ้หวังพูดจารุนแรงไปแล้วจึงได้กระแอมออกมาทีหนึ่ง “พวกเจ้าพอได้แล้วหรือไม่ ถ้ายังทะเลาะกันไม่พอก็ให้ออกไปต่อกันข้างนอก อย่ามาทะเลาะกันต่อหน้าข้า ข้าไม่ชอบเสียงดัง”

สะใภ้หวังคุกเข้าลงรับผิดอย่างผ่าเผย “ข้าผิดไปแล้ว ขอท่านแม่ลงโทษด้วย”

สะใภ้เซี่ยน้อยเนื้อต่ำใจสุดแสน นางลูบจมูกพลางเอ่ย “ท่านแม่ จมูกของข้า…”

ด้านนอก ฉีหวงที่ตามมาถึงตั้งนานแล้วได้ยินคำพูดตอบโต้ของสะใภ้หวังด้วยเช่นกัน นางเอ่ยเสียงดัง “เรียนฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินใหญ่ ท่านหมอมาแล้วเจ้าค่ะ”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท