คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 144 ท่าทีโอนอ่อน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 144 ท่าทีโอนอ่อน

Ink Stone_Romance

เมื่อได้ยินฉีเชียนถามถึงชื่อเล่นของนาง หั่วหลางมุมปากกระตุกเล็กน้อย รู้สึกพูดไม่ออก แต่ก็ไม่สามารถตำหนิเจ้านายของตัวเองที่มีความเป็นบุรุษมากเกินไป มีที่ไหนที่ถามถึงชื่อเล่นของสตรีเช่นนี้

“จวิ้นอ๋อง ชื่อเล่นของสตรีจะบอกคนอื่นไปทั่วเช่นนี้ได้อย่างไร ส่วนใหญ่เป็นชื่อเล่นที่คนในครอบครัวตั้งให้ แต่ว่าคนรุ่นเล็กของตระกูลฉินไม่ว่าจะหญิงหรือชายล้วนใช้คำว่า ‘หมิง’ ตั้งชื่อพ่ะย่ะค่ะ”

ฉีเชียนเข้าใจในทันที หมดความสนใจโดยสิ้นเชิง

หั่วหลางเล่าเกี่ยวกับเรื่องของอีกสองบ้าน เอ่ยว่า “ภรรยาของฉินปั๋วชิงคลอดก่อนกำหนด ให้กำเนิดลูกแฝด แม่และเด็กปลอดภัยดี แต่ตระกูลฉินเรียกได้ว่ากำลังประสบปัญหาจริงๆ จวิ้นอ๋อง ท่านว่าฉินหยวนซานดำรงตำแหน่งเสนาบดีสำนักกวงลู่มาหลายปีแล้ว เขาไม่ได้ทำผิดพลาดใดๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าเขาระมัดระวังในการทำงาน แต่เขากลับทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงในพิธีกรรมบวงสรวงใหญ่ในปีนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”

หากบอกว่าฉินหยวนซานทำผิดพลาดครั้งใหญ่เมื่อพึ่งเข้ารับตำแหน่งก็ไม่เป็นไร ยังไม่ได้มีความคุ้นเคยกับงานนี้ก็สามารถเข้าใจได้ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารับผิดชอบจัดพิธีกรรม เขานั่งตำแหน่งนี้มาหลายปีแล้วยังทำผิดพลาดนับว่าไม่ใช่เรื่องปกติ

ฉีเชียนเอ่ยว่า “ไม่ว่าจะเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อหรือถูกใส่ร้าย หากความผิดนี้ตกอยู่ที่เขา ก็ล้วนเป็นความผิดของเขา ฝ่าบาทจะไม่พิจารณาว่าเขาบริสุทธิ์หรือไม่ พระองค์ดูเพียงผลลัทธ์เท่านั้น”

ทันทีที่คำพูดหลุดออกจากปาก เขาก็ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อนึกถึงคำพูดของฉินหลิวซี

‘หากฝ่าบาทเชื่อในตัวท่าน ถึงจะผิดก็ไม่ผิด แต่หากฝ่าบาทไม่เชื่อในตัวท่าน ถึงไม่ผิดก็ยังผิด’

หั่วหลางเอ่ยว่า “จวิ้นอ๋อง เช่นนั้นจะยังสืบเรื่องตระกูลฉินหรือไม่ กระหม่อมว่าพวกเขามีแต่คนแก่ สตรีและเด็ก เกรงว่าจะไม่มีแรงไปสร้างปัญหาอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่พวกเขาทำให้ตระกูลจ้าวขุ่นเคือง เกรงว่าหลังจากนี้จะลำบากกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ”

“จัดการข่าวสารให้เรียบร้อย กลับไปข้าจะรายงานตามความจริง” ฉีเชียนกำชับว่า “ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ให้สังเกตผู้คนที่ไปมาหาสู่กับตระกูลฉิน”

“ขอรับ”

ทันทีที่พวกเขาทั้งสองพูดจบ เป่ยอิงก็มารายงานว่ารองนายอำเภอจ้าวผู้นั้นมาขอพบ บอกว่าได้รับข่าวว่าฉีเชียนมาเมืองหลีจึงได้เตรียมเหล้าและอาหารมาต้อนรับ ขอจวิ้นอ๋องโปรดชิมดู

ฉีเชียนไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อตระกูลเหมิง จึงปฏิเสธอย่างเย็นชา “ไม่พบ” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยต่อว่า “บอกเขาว่ามีคนเข้าออกประตูเมืองมากมาย หากมีรถม้ากีดขวางจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ ให้เขาดูแลคนในตระกูลให้ดี ประตูเมืองนี้ไม่ได้เปิดสำหรับตระกูลจ้าว”

นี่เป็นคำเตือน

อิงเป่ยถอยออกไป

หลังจากที่รองนายอำเภอจ้าวได้ยินคำพูดจากฉีเชียนก็มีสีหน้ามึนงง กลับจวนด้วยความรู้สึกที่เหมือนมีเหงื่อเย็นออกไปทั่วทั้งตัว รีบเรียกผู้ดูแลมาสอบถาม ทันได้นั้นดวงตาของเขาก็มืดลง

นังจิ้งจอกช่างหาเรื่องให้ข้าเสียจริง!

เขารีบไปที่ห้องของภรรยา แต่เห็นน้องสาวภรรยาคนสวยกำลังฟ้องฮูหยินด้วยความน้อยใจ เมื่อเห็นว่าเขามาจึงได้ลุกขึ้น ย่อเคารพด้วยท่าทางอ่อนแอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “พี่เขยกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”

หากเป็นเมื่อก่อนน้ำเสียงอันไพเราะนี้คงทำให้รองนายอำเภอจ้าวรู้สึกดี แต่หลังจากได้รับคำเตือนจากรุ่ยจวิ้นอ๋อง ทั้งยังอยู่ต่อหน้าภรรยา จึงทำได้เพียงเอ่ยตอบรับเสียงเรียบ “อืม”

“พี่เขย ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ” สะใภ้เล็กเจิ้งเหลือบมองด้วยสีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย เอ่ยด้วยความน้อยใจ “ยากนักที่ข้าจะได้มาเยี่ยมท่านกับพี่หญิง แต่กลับถูกชนแล้วก็โดนรังแกด้วยเจ้าค่ะ”

สะใภ้เจิ้งคนโตเหลือบมองนาง ขมวดคิ้วพลางถามว่า “เจ้าอย่าพึ่งพูดถึงเรื่องนั้น เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าเหตุใดจู่ๆ จึงมาที่นี่ หรือว่าทะเลาะกับน้องเขยอีกแล้วหรือ”

สะใภ้เจิ้งคนน้องหลบสายตา เอ่ยว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น เป็นเพราะข้าคิดถึงพวกท่าน จึงอยากมาพูดคุยกับพี่หญิง ใครจะไปรู้ว่าจะเจอกับคนไม่ดีตอนเข้าเมือง ช่างโชคร้ายเสียจริง พี่เขย ท่านต้องทวงความเป็นธรรมให้กับข้า ก็แค่ตระกูลขุนนางที่ทำความผิด แต่กล้าเพิกเฉยต่อตระกูลจ้าว ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่เห็นท่านอยู่ในสายตานะเจ้าคะ”

หากเป็นเมื่อก่อนไม่แน่รองนายอำเภอจ้าวอาจจะตกลงทันที แต่เขาพึ่งได้รับคำเตือนจากฉีเชียน มีหรือจะกล้ารับปาก เอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “ไม่ต้องพูดแล้ว สิ่งที่เจ้าทำที่ประตูเมือง ทำให้ข้าถูกคนชั้นสูงตำหนิแล้ว”

สะใภ้เจิ้งคนโตตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง กวาดสายตามอง คนที่ปรนนิบัติในห้องต่างพากันถอยออกไป รีบถามว่า “นายท่าน หมายความว่าอย่างไร ตำหนิอะไรหรือเจ้าคะ”

“ก็เป็นเพราะลี่เหนียง” รองนายอำเภอจ้าวมองไปที่สะใภ้เจิ้งคนน้องด้วยสีหน้าค่อนข้างไม่พอใจ

สะใภ้เจิ้งคนน้อง “!”

ไม่สิ เห็นได้ชัดว่านางน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ ไยพี่เขยถึงตำหนินาง

“รุ่ยจวิ้นอ๋องมาเมืองหลีวันนี้พอดี ความขัดแย้งระหว่างลี่เหนียงกับคนตระกูลฉินถูกรุ่ยจวิ้นอ๋องพบเข้า เมื่อครู่ข้าอยากจะไปต้อนรับเขา ไม่ได้เห็นแม้แต่เงา ซ้ำยังถูกเอ่ยตักเตือน” รองนายอำเภอจ้าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “บอกว่าประตูเมืองหลีไม่ได้เปิดสำหรับตระกูลจ้าว พวกเจ้าฟังสิ นี่คือคำชมหรือ”

สะใภ้เจิ้งคนน้องอุทานด้วยความตกใจ “รุ่ยจวิ้นอ๋องหรือ พี่เขยหมายถึงคนจวนหนิงอ๋องผู้นั้นหรือ เขามาที่เมืองหลี ตามอยู่ข้างหลังรถม้าของข้างั้นหรือ”

สวรรค์ นางทำผิดพลาดกับชนชั้นสูงเข้าแล้ว!

“ลี่เหนียงเจ้าหุบปากซะ” สะใภ้เจิ้งคนโตโกรธเป็นอย่างมาก ถามรองนายอำเภอจ้าวด้วยใบหน้าซีดเซียว “นายท่าน รุ่ยจวิ้นอ๋องคงไม่โกรธเคืองท่านด้วยเรื่องนี้หรอกกระมัง”

“คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกกระมัง” รองนายอำเภอจ้าวก็กังวลเล็กน้อย

สะใภ้เจิ้งคนโตขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นายท่านควรกระทำการใดๆ อย่างระมัดระวังจะดีกว่า อย่าอวดเบ่งเกินไป อย่างไรเสียเมืองหลีก็อยู่ภายใต้เขตอำนาจศักดินาของหนิงอ๋อง อีกอย่าง เหตุใดรุ่ยจวิ้นอ๋องจึงได้มาเมืองหลี นายท่านควรสืบดูสักหน่อย หวังว่าจะไม่ได้มาจับผิดอะไรพวกเราหรอกนะเจ้าคะ”

รองนายอำเภอจ้าวรู้สึกหนาวจนขนลุกชัน เอ่ย “ข้าจะวางแผนกับที่ปรึกษาสักสองสามคนเอง”

เมื่อเห็นรองนายอำเภอจ้าวจากไปเช่นนี้ สะใภ้เจิ้งคนน้องก็มึนงง เอ่ยว่า “พี่เขย แล้วข้าจะทำอย่างไร ตระกูลฉินทำให้ข้าอับอายขนาดนี้ จะปล่อยไปเช่นนี้หรือเจ้าคะ”

สีหน้าของสะใภ้เจิ้งคนโตมืดครึ้ม กวาดสายตาไปอย่างเย็นชา “หากไม่ใช่เพราะเจ้าไม่รู้จักขอบเขต พี่เขยของเจ้าคงไม่ถูกรุ่ยจิ้นอ๋องจับจ้อง เจ้ายังกล้าจะเอาเรื่องอีกหรือ หรือเจ้าคิดว่าตำแหน่งของพี่เขยเจ้ามั่นคงเกินไปหรือ”

สะใภ้เจิ้งคนน้องหดคอ เอ่ยอย่างน้อยใจ “ข้าแค่เห็นว่าตระกูลฉินเย่อหยิ่ง หากไม่สั่งสอนบทเรียนพวกเขาสักหน่อย เดี๋ยวจะคิดว่าตัวเองนั่งบนหัวพี่เขยของข้าได้!”

“ตระกูลฉินล้มลงแล้ว ตอนนี้คนที่เหลือในเมืองหลีก็เป็นเพียงสตรี เด็กและคนชรา พวกเขาจะยังสร้างปัญหาอะไรได้อีก” สะใภ้เจิ้งคนโตตะคอก “ในภายหน้ายังมีเวลาอีกมากในการจัดการกับพวกเขา ตอนนี้เราต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยมภายใต้สายตาของรุ่ยจวิ้นอ๋อง”

รองนายอำเภอจ้าวยังเอ่ยอีกว่า “ใช่ เมื่อรุ่ยจวิ้นอ๋องไปแล้ว ทุกอย่างจะง่ายขึ้น”

ตราบใดที่ตำแหน่งยังอยู่ การระบายความโกรธย่อมไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรเสียบ้านเดิมของตระกูลฉินก็อยู่ในเมืองหลีใต้จมูกของเขา แต่ถ้าเสียตำแหน่งไปทุกอย่างก็จะจบลง !

ความสำคัญของสิ่งต่างๆ เขาเข้าใจดี

สะใภ้เจิ้งคนน้องรู้สึกไม่พอใจที่ถูกทั้งสองคนขัดขวาง แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยอะไร เพียงแค่สะบัดผ้าเช็ดหน้าแล้วออกไปด้วยความโกรธ

สะใภ้เจิ้งคนโตส่ายหน้า น้องหญิงผู้นี้ถูกท่านพ่อท่านแม่ตามใจจนเสียนิสัย ไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร แต่กลับสั่งสอนไม่ได้

“นายท่านรีบไปจัดการเถิดเจ้าค่ะ”

รองนายอำเภอจ้าวพยักหน้าแล้วรีบออกจากเรือนหลัก แต่ระหว่างทางไปห้องหนังสือ เขาก็ถูกมือหนึ่งลากไปหลังต้นกล้วย เขาตกใจมากจนแทบจะเสียสติไป

“ลี่เหนียง? เจ้ามาหลบอยู่ตรงนี้ทำไม จะทำให้พี่เขยเจ้าตกใจตายหรือ”

“พี่เขย ท่านทนเห็นลี่เหนียงได้รับความน้อยใจได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ” สะใภ้เจิ้งคนโตทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ซ้ำมือที่อ่อนนุ่มเหมือนไม่มีกระดูกของนางยังคงเกี่ยวอยู่บนสายคาดเอวของเขา

รองนายอำเภอจ้าวหน้ามืดตามัว ในไม่ช้าก็มีท่าทีโอนอ่อน เอ่ยว่า “ไม่อย่างแน่นอน เจ้ารอก่อน พี่เขยจะระบายความโกรธให้เจ้าอย่างแน่นอน”

จากนั้นสะใภ้เจิ้งคนน้องก็ยิ้มและขยิบตาให้เขา รู้สึกพอใจมาก นางแค่รอดูว่านายหญิงฉินผู้นั้นจะร้องไห้อย่างขมขื่นแค่ไหน แล้วก็เด็กเมื่อวานซือนั่น เหอะ!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท