คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 146 ให้ปู้ฉิวหยอกล้อสักหน่อย ตอนที่ 147

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 146 ให้ปู้ฉิวหยอกล้อสักหน่อย / ตอนที่ 147 โรคตานี้นางรักษาได้!

Ink Stone_Romance

ตอนที่ 146 ให้ปู้ฉิวหยอกล้อสักหน่อย

“คุณชาย มันกำลังปีนขึ้นไปบนเอวของท่านขอรับ”

“คุณชาย มันปีนขึ้นไปบนหน้าอกของท่านแล้ว ไอ้หยา มันกระโดดลงมาบนแขนท่านแล้วขอรับ”

“คุณชาย มัน…”

เสียงร้องด้วยความตกใจของซื่อฟังดังอยู่ข้างหูอวี้ฉังคงไม่หยุด ดังเกินไปแล้ว

“หยุด” อวี้ฉังคงอดตะโกนไม่ได้

ซื่อฟังปิดปากทันที จ้องมองไปที่ตุ๊กตากระดาษตัวน้อย เอ่ยเสียงเบาว่า “บ่าวอยากจะบอกกับคุณชายว่าเจ้าตุ๊กตากระดาษตัวน้อยนี้เหมือนกับของจริงเลย น่าสนุกมากขอรับ”

ลุงเฉียนเขม่นตาใส่เขา อะไรที่ไม่ควรพูดก็อย่าพูด กำลังตอกย้ำความเจ็บปวดจากโรคตาของคุณชายอยู่หรือ

ซื่อฟังเองก็ตระหนักได้เช่นกัน รีบเอ่ยว่า “คุณชาย บ่าวจะไม่พูดแล้ว ท่านอย่าได้อารมณ์เสียไปเลยขอรับ”

อวี้ฉังคงสบถเบาๆ รู้สึกรำคาญเล็กน้อย

ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ฝึกฝนนิสัยไม่ให้ตนเองแปลกใจเมื่อเจอสิ่งต่างๆ มานานแล้ว และไม่มีอะไรสามารถกระตุ้นความสนใจของเขาได้ แต่ตอนนี้รู้ว่ามีตุ๊กตากระดาษเล็กๆ กำลังปีนป่ายไปมาบนร่างกายของตัวเอง ทำให้นึกจินตนาการถึงความมหัศจรรย์ของมัน แต่กลับไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาของตัวเอง

เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่อวี้ฉังคงรู้สึกหดหู่และโกรธเคืองดวงตาของตัวเอง ทำไมต้องเป็นเขา

ทันใดนั้นหลังมือก็รู้สึกเย็นๆ อวี้ฉังคงก้มศีรษะลง ราวกับมองเห็นว่าตุ๊กตากระดาษตัวน้อยกำลังนอนหมอบอยู่บนหลังมือ ใช้มือเกี่ยวนิ้วของเขาไว้

อวี้ฉังคงอดพลิกมือไม่ได้ ตุ๊กตากระดาษตัวน้อยก็พลิกตัวนอนกางแขนกางขาบนฝ่ามือของเขาด้วยเช่นกัน เขาอดยกมุมปากไม่ได้ รีบเก็บสีหน้าทันที

ฉีเชียนจ้องไปที่ตุ๊กตากระดาษตัวน้อย บนพุงใหญ่ๆ ของมันเขียนตัวอักษรไว้สองคำว่า ‘รอข้า’ หันไปมองชิงหย่วน เอ่ยว่า “เหตุใดเจ้าตุ๊กตากระดาษตัวนี้ถึงเล่นแต่กับอวี้ฉังคง”

แม้ว่าตัวเองจะยื่นมือออกไป มันก็ไม่กระโดดมา

ชิงหย่วนถือไม้ปัดไว้ในมือพลางเอ่ยว่า “ท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าศิษย์พี่ปู้ฉิวชอบสิ่งของสวยงาม เขาชอบสีสัน ชอบสิ่งของที่ดูดีทุกอย่าง รวมถึงผู้คน เจ้าตุ๊กตากระดาษนี้ถูกตัดด้วยมือของเขาจึงมีการถ่ายทอดพลังวิญญาณ คาดว่าคงติดนิสัยความชอบของเขามา”

ฉีเชียนมองไปใบหน้าของอวี้ฉังคง “!”

เป็นเพราะเขาไม่ได้รูปงามเท่าอวี้ฉังคงอย่างนั้นหรือ

ช่างเป็นความชอบที่ผิวเผินเสียจริง!

อวี้ฉังคง “…”

ทันใดนั้นก็สงสัยเล็กน้อยว่านักพรตผู้นั้นเป็นคนอย่างไร

“อาจารย์มาแล้วขอรับ” นักพรตเต๋าน้อยตะโกนอยู่ที่หน้าประตูอารามเต๋า

ทุกคนหันไปมองทันที

เห็นฉินหลิวซีสวมเสื้อชุดสีเขียวล้วน คลุมด้วยเสื้อคลุมขนเพียงพอนสีไผ่เขียวปักลายสีขาว เดินเอามือไขว้หลังเข้ามาจากด้านนอก สีหน้าเรียบเฉย มุมปากแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม…

ยิ้มค่อนข้างกว้างเลย!

เป็นเพราะสัญญาว่าจะสร้างรูปปั้นร่างทองคำแก่เจ้าลัทธิเต๋าอย่างนั้นหรือ!

“ทุกท่าน ศิษย์พี่มาแล้ว” ชิงหย่วนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ฉีเชียนและคนอื่นๆ รู้สึกเฉยๆ แต่ผู้ที่ได้เห็นฉินหลิวซีเป็นครั้งแรกอย่างลุงเฉียนกับซื่อฟัง แม้กระทั่งองครักษ์ต้าฉยงที่ยืนอยู่ด้านข้างเหมือนเสา พวกเขาต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นใบหน้าของฉินหลิวซีอย่างชัดเจน

“ท่านนักพรต นี่คือ ศิษย์พี่ของท่านหรือขอรับ” ลุงเฉียนถามด้วยความไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อย

หากจะบอกว่ารุ่นเดียวกับบุตรชายของเขาก็ไม่เกินจริงหรอกกระมัง เป็นศิษย์พี่อย่างนั้นหรือ

ชิงหย่วนลูบหน้าตัวเอง เอ่ยว่า “ในเสวียนเหมินไม่ได้ตัดสินผู้คนตามอายุ แต่เรียงตามลำดับการเข้ามา ศิษย์พี่กราบฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ก่อนข้า ดังนั้นจึงได้เป็นศิษย์พี่ อีกอย่าง วิชาเต๋าของศิษย์พี่ก็ก้าวหน้ากว่าข้า”

ทุกคน “…”

เมื่อฉินหลิวซีเดินมาถึง มองไปที่ฉีเชียนพลางเอ่ยว่า “รุ่ยจวิ้นอ๋องช่างมีเวลาว่างเสียจริง เราได้พบกันอีกแล้ว”

ฉีเชียนเอ่ยว่า “ข้ามาทำธุระที่เมืองหลี จึงได้พาสหายสนิทมารับการรักษาด้วย”

“อาจารย์ปู้ฉิว” ลุงเฉียนกับซื่อฟังยกมือโค้งคำนับฉินหลิวซี

แม้ว่าจะดูอายุน้อยแต่กลับมีความสามารถ ดูเจ้าตุ๊กตากระดาษตัวน้อยนั่นสิว่าเก่งแค่ไหน มันกระโดดจากมือของคุณชายไปหาฉินหลิวซีแล้ว

ฉินหลิวซีประคองตุ๊กตากระดาษไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง มายืนอยู่ตรงหน้าอวี้ฉังคง มองดูใบหน้าและดวงตาของเขา แววตาลุ่มลึก “กลิ่นหอมของดอกไม้ได้หอบคนมาอยู่ตรงหน้า แซ่อวี้นามฉางคงหรือ รูปงามจริงๆ!”

ไหนๆ ก็มาแล้ว ให้ปู้ฉิวหยอกล้อเล่นสักหน่อย!

อวี้ฉังคงสูดลมหายใจ สายตาสงบ พยายามจ้องมองดูราวกับว่ามีแสงรอดเข้ามา ภาพในจินตนาการขยับเคลื่อนไหว

ตอนที่ 147 โรคตานี้นางรักษาได้!

ฉินหลิวซีจ้องมองใบหน้าอวี้ฉังคงโดยไม่ละสายตา มองดูอย่างละเอียด ซ้ำยังใช้มือวาดตาม ทำเอาลุงเฉียนและคนอื่นๆ พากันคาดเดา

วิธีการรักษาของอาจารย์ปู้ฉิวท่านนี้ วินิจฉัยโรคด้วยวิธีนี้อย่างนั้นหรือ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นหมอท่านไหนทำเช่นนี้ ล้วนแต่ถามอาการก่อนแล้วจับชีพจร เหตุใดท่านนี้เอาแต่มองหน้า

ฉีเชียนนึกถึงคำพูดของชิงหย่วน ในใจรู้สึกเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก เอ่ยว่า “ท่านหมอฉิน ใบหน้าของอวี้ฉังคงมีอะไรหรือ”

ถึงได้ดูหลงใหลขนาดนี้!

“แน่นอนว่ามีความงดงาม! ” ฉินหลิวซีตอบอย่างส่งๆ กลับไป

ฉีเชียน “…”

อวี้ฉังคงและคนอื่นๆ “!”

ชิงหย่วนกระแอมเบาๆ รู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย มองไปที่ฉินหลิวซีพลางขยับมุมปาก ‘ค่าตอนแทนคือรูปปั้นทองเชียวนะ!’

ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ยว่า “ใบหน้าของคุณชายฉังคงช่างงดงามจริงๆ หากท่านนำผ้าสีเดียวกับชุดที่ใส่อยู่มาพันตา บอกตามตรง สตรีจำนวนไม่ถ้วนในใต้หล้านี้ต้องยอมสยบแทบเท้าท่าน”

ฟังสิ นี่คือสิ่งที่หมอควรพูดหรือ

ปลายนิ้วอวี้ฉังคงงอเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือ”

หยอกล้อไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า คงทนไม่ไหวแล้วกระมัง!

“หืม ล้อเล่นหรือ ข้าพูดความจริงต่างหาก!” ดูเหมือนว่าฉินหลิวซีจะฟังไม่ออกถึงความโกรธในน้ำเสียงนั้น เอ่ย “ดวงตาของท่านบอดมาเป็นเวลานานกลับยังใสอยู่ แต่หากสังเกตดีๆ จะเห็นได้ว่าลูกตาของท่านเริ่มหดตัวและจมลง หนังตาเริ่มตก ในตามีสีแดง ลูกตากลอกไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ ซ้ำยังไม่นิ่ง ส่งผลต่อรูปลักษณ์ของท่าน ดังนั้นหากท่านพันผ้าไว้ย่อมดูงดงามยิ่งขึ้นแน่นอน”

หลังจากได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็หันไปมอง พวกเขาไม่เคยสังเกตมาก่อน เพราะอวี้ฉังคงไม่ชอบให้คนอื่นจ้องมองเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จ้องมองอวี้ฉังคงโดยปริยาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น

อวี้ฉังคงรู้สึกได้ว่าสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ดวงตาของเขา จึงอยากจะหลีกเลี่ยงตามสัญชาตญาณ

“ท่านอาจารย์ เช่นนั้นดวงตาของคุณชายพวกเรายังสามารถรักษาให้หายได้หรือไม่ขอรับ” ลุงเฉียนถามอย่างระมัดระวัง

อวี้ฉังคงมองไปทางอื่น สีหน้าเรียบเฉย ซ่อนนิ้วที่ดูเป็นกังวลไว้ใต้แขนเสื้อของเขา ในใจตื่นเต้นเล็กน้อย

“นั่นสิ โรคตาของอวี้ฉังคงนี้เป็นมาสิบปีแล้ว”

“สิบปีหรือ ก็นานพอสมควร”

อวี้ฉังคงตัดใจ หัวเราะหยันตัวเอง เป็นอย่างที่คาดไว้ เขาลุกขึ้น อยากจะเดินจากไป

“มันเป็นเพียงโรคต้อหินที่เกิดจากผลกระทบของอารมณ์ แต่ถูกพวกท่านปล่อยไว้เป็นเวลาสิบปี ไม่อยากให้คุณชายอวี้รักษาหายหรือ ไปหาหมอที่ไหนมาวินิจฉัยก็ไม่รู้” ฉินหลิวซีหยิบลูกวอลนัทโยนเข้าปากเคี้ยว ตาบอดมาเป็นสิบปี ช่างน่าเสียดายจริงๆ

ทุกคนตกตะลึง

อวี้ฉังคงหันกลับมาเผชิญหน้ากับฉินหลิวซี เอ่ยว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

หมายความว่าโรคตาของเขาไม่สามารถรักษาให้หายได้เพราะความล่าช้าใช่หรือไม่

หรือจะบอกว่านางรักษาได้!

“อาจารย์ ท่านกำลังจะบอกว่าท่านสามารถรักษาโรคตาของคุณชายพวกเราได้อย่างนั้นหรือขอรับ” ลุงเฉียนถามด้วยความตื่นเต้น

กรอบแกรบ กรอบแกรบ

ฉินหลิวซีเคี้ยววอลนัทคั่วเกลือคำใหญ่ เอ่ยว่า “ก็แค่โรคต้อหิน เหตุใดจะรักษาไม่ได้ รักษาง่ายจะตายไป สิ่งที่รักษายากคือโรคทางจิตใจ หากคุณชายฉังคงถูกฝันร้ายตามหลอกหลอนทั้งกลางวันและกลางคืนจนไม่สามารถหลับได้ ข้าไม่ได้สาปแช่งท่าน แต่ท่านจะตายไม่ช้าก็เร็ว”

ทุกคน “!”

อวี้ฉังคงตกตะลึง ในหัวของเขาเหมือนมีฟ้าผ่าลงมา รู้สึกมึนๆ ไม่รู้ว่าฉินหลิวซีพูดอะไรไปบ้าง ยกเว้นประโยคที่เอ่ยว่า ‘รักษาง่ายจะตายไป’

เขารักษาได้ เขารักษามันได้!

ซ้ำฉินหลิวซียังรู้เรื่องที่เขานอนไม่หลับด้วย

ลุงเฉียนกับซื่อฟังได้สติกลับมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “โรคนี้รักษาได้จริงๆ หรือ ท่านอาจารย์ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมขอรับ”

ฉีเชียนตบไหล่อวี้ฉังคงอย่างแรง เม้มริมฝีปากเพื่อระงับความตื่นเต้น

“เรื่องรักษามันได้อยู่แล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อว่า “แต่ไม่ใช่ว่าวันเดียวจะรักษาหายได้ อีกอย่างเราตกลงกันไว้แล้วว่าจะสร้างรูปปั้นทองคำให้เจ้าลัทธิเต๋าของพวกเรา…”

“สร้าง สร้างแน่นอน ข้าจะให้คนไปเตรียมเดี๋ยวนี้ พวกเราจะสร้างรูปปั้นทั้งหมดในอารามขอรับ” ลุงเฉียนปรบมือด้วยความดีใจ เทียบกับดวงตาของคุณชายแล้ว เงินก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท