คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 150 อยากจะเชยชมความงามของอวี้ฉังคง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 150 อยากจะเชยชมความงามของอวี้ฉังคง

Ink Stone_Romance

“คุณชาย อาจารย์ปู้ฉิวมาแล้วขอรับ” ลุงเฉียนเชิญฉินหลิวซีเข้าไปในห้องด้วยตัวเอง

อวี้ฉังคงยืนอยู่กลางห้อง หันมาโค้งคำนับฉินหลิวซีตามทิศทางของกลิ่นยา “ท่านอาจารย์”

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าเขาแม่นยำในการแยกแยะตำแหน่งเช่นนี้ จึงเอ่ยว่า “คนตาบอดนอกจากตาแล้ว ประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เหลือค่อนข้างไวมาก คำพูดนี้ดูเหมือนจะไม่ผิด คุณชายฉังคงแยกแยะตำแหน่งได้ถูกต้อง อาศัยการฟังในการแยกแยะตำแหน่งหรือ”

“แล้วก็ยังมีประสาทสัมผัสด้านกลิ่น” อวี้ฉังคงเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านอาจารย์มีกลิ่นยาติดมาด้วย”

ที่จริงแล้วนอกจากกลิ่นของยา ยังมีกลิ่นหอมของสตรีด้วย เพียงแต่เขาตาบอดจึงไม่กล้าคาดเดาไปมากกว่านี้

ฉินหลิวซียกมือตัวเองขึ้นมาดม เอ่ยหยอกล้อว่า “โชคดีที่เป็นกลิ่นยา หากเป็นกลิ่นอื่นคงจะขายหน้าคุณชายฉังคงแย่”

ซื่อฟังยกชามาวาง ยื่นให้ฉินหลิวซีด้วยมือทั้งสองข้าง เอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ ท่านยอดเยี่ยมมาก หลังจากที่ท่านฝังเข็มแล้ว คุณชายของเราก็หลับไปตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้จริงๆ อายุของท่านอาจารย์คงยังไม่ถึงยี่สิบปีกระมัง แต่วิชาแพทย์กลับเก่งกาจเช่นนี้”

อวี้ฉังคงเอ็ดเขาเบาๆ “ซื่อฟัง อย่าเสียมารยาท นักพรตเต๋ามีสามอย่างที่ห้ามถามคือเรื่องอายุ เรื่องทางโลก และถิ่นกำเนิด”

เมื่อซื่อฟังได้ฟังดังนั้นก็รีบยกมือประสานคำนับฉินหลิวซี “เป็นซื่อฟังที่ล่วงเกินท่าน ไม่เข้าใจธรรมเนียมเต๋าเหล่านี้ ขอท่านอาจารย์โปรดอย่าโกรธเคืองเลยขอรับ”

ลุงเฉียนรีบเอ่ยว่า “พวกเราคนธรรมดาทั่วไปไม่ค่อยรู้เรื่องเหล่านี้มากนัก ขออภัยที่ล่วงเกินท่านอาจารย์ขอรับ”

ฉินหลิวซีโบกมือ “ผู้ที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังเช่นนี้ ว่าแต่คุณชายฉังคงรู้เรื่องสามสิ่งที่ห้ามถามนี้ได้อย่างไรหรือ”

“ก่อนที่จะตาบอด ฉังคงก็นับว่าเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ตอนที่ติดตามบิดามารดาออกไปผจญภัยข้างนอก ก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับธรรมเนียมของลัทธิเต๋ามาบ้างเล็กน้อย” อวี้ฉังคงอธิบาย

“คนรูปงามซ้ำยังเต็มไปด้วยพรสวรรค์ ทำให้คนอิจฉาจริงๆ ” ฉินหลิวซีหัวเราะ

อวี้ฉังคง “?”

ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าคุณชายฉังคงจะหลับสบาย เช่นนั้นเริ่มการรักษาเลยดีหรือไม่”

“รบกวนท่านอาจารย์แล้ว” อวี้ฉังคงนั่งลง

ฉินหลิวซีนั่งลงก่อนที่จะหยิบพู่กันกับกระดาษมาเขียนใบสั่งยาพลางเอ่ย “ดังที่เอ่ยไปข้างต้น ข้าจะรักษาด้วยการฝังเข็ม การนวดและการใช้ยา ยานี้แบ่งออกเป็นยาภายในและภายนอก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะช่วยลดความดันในลูกตา”

“บ่าวขอถามอาจารย์ได้หรือไม่ ความดันลูกตาคืออะไรหรือขอรับ” ลุงเฉียนและคนอื่นๆ อยู่กับอวี้ฉังคงมาหลายปี ตอนที่ท่านหมอคนก่อนๆ วินิจฉัยพวกเขาก็อยู่ด้วย แต่กลับไม่เคยได้ยินเรื่องความดันลูกตาเลย

ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “อธิบายเช่นนี้ก็แล้วกัน เดิมทีฟองอากาศจะนิ่ม แต่ถ้าพองลม ความกดอากาศภายในจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนทำให้แตกใช่หรือไม่ ดวงตาก็สามารถเข้าใจด้วยหลักการนี้ หากความดันสูงเกินไปลูกตาจะบวมมองไม่ชัดเจน หากเกิดจากผลกระทบของอารมณ์ เมื่อโกรธมากเกินไปจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของแรงดัน เมื่อแรงดันเพิ่มสูงขึ้น แต่การไหลเวียนของเลือดในตาลดลง ส่งผลให้การมองเห็นลดลงอย่างรวดเร็ว โรคตาของคุณชายฉังคงเกิดจากความโศกเศร้ามากเกินไปและเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน”

“หากตอนนั้นท่านสามารถปรับอารมณ์ได้ บวกกับการกินยาและฝังเข็มก็จะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่ท่านไม่ได้ทำเช่นนั้น แม้แต่จิตใต้สำนึกของท่านก็ไม่อยากเห็นโลกที่โหดร้ายเช่นนี้อีกต่อไป เมื่อคนป่วยต่อสู้กับโรคร้ายโดยปราศจากหัวใจที่มองโลกในแง่ดีก็ยากที่จะต่อกรกับโรคร้ายได้ หากท่านสะกดจิตใจตัวเองไม่อยากเห็นแสงอีกครั้ง แล้วจะดีขึ้นได้อย่างไร”

อวี้ฉังคงรู้สึกประหลาดใจ นางพูดถูกแล้ว

“ท่านกำลังบอกว่าหากตอนนั้นคุณชายสามารถสงบอารมณ์ทั้งเจ็ดนี้ได้ก็จะดีขึ้นอย่างนั้นหรือขอรับ”

“แน่นอนว่าต้องได้พบหมอที่ดีด้วย” ฉินหลิวซีเลิกคิ้วพลางเอ่ยว่า “หากได้พบผู้ที่ไม่อยากให้เขาเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เช่นนั้นต่อให้สงบอารมณ์ได้เพียงใดก็ยากที่จะหาย”

นอกจากอวี้ฉังคงแล้ว ลุงเฉียนกับซื่อฟังต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป

ฉินหลิวซีไม่ได้มองสีหน้าของพวกเขา เอาแต่ก้มหน้าเขียนใบสั่งยา เอ่ยว่า “ใบสั่งยานี้เป็นยาใช้ภายนอกเพื่อลดความดันในลูกตาและช่วยในการมองเห็น ส่วนยาใช้ภายในนี้ก็ให้ผลเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังช่วยปรับอวัยวะภายในทั้งห้า ช่วยสร้างเม็ดเลือด ปรับสมดุลหยินหยาง”

นางลงมือเขียนอย่างรวดเร็ว เริ่มเขียนยาใช้ภายนอกส่งให้ไปก่อน ลุงเฉียนรับมาดู บนกระดาษล้วนเป็นส่วนประกอบยาที่หาได้ทั่วไป เช่น โสมตังกุย โปร่งรากสน โกโบ[1] หนีเจินจื่อ[2] เป็นต้น

ฉินหลิวซีเขียนใบสั่งยาอีกแผ่นส่งให้ “ยาประคบภายนอกบริเวณดวงตาก่อนนอน ส่วนนี่คือยาต้มบำรุงตา ทานทั้งเช้าเย็นเพียงแค่หนึ่งช้อนก็พอ”

“ผงเขาละมั่งยี่ห้าเฉียน[3] เอี้ยงเซียม[4]สามเฉียน โป่งรากสน[5]สามเฉียน ผักกาดน้ำสามเฉียน ต้าหวง…” ลุงเฉียนเอ่ยพึมพำ เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า “ยาเหล่านี้ไม่แพงเลย จะได้ผลหรือขอรับ”

ฉินหลิวซีหันมามอง ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ยานั้นไม่แพง แต่ยาหยอดตามีราคาแพงมาก หากพวกท่านต้องการ พรุ่งนี้ข้าจะเอามาด้วย”

“ยาหยอดตาคืออะไรหรือขอรับ”

“แน่นอนว่าเป็นยาน้ำสำหรับรักษาโรคตาของคุณชายฉังคง มีกระบวนการเตรียมการที่ยุ่งยากและซับซ้อนมาก ดังนั้นจึงมีราคาแพง เดิมทีข้าก็ไม่ได้อยากเขียนใบสั่งยานี้…” อย่างไรเสียของสิ่งนั้นต้องใช้เวลากลั่น เหนื่อยจะตายไป!

ลุงเฉียนรีบเอ่ยว่า “ตราบใดที่มันได้ผล ไม่ว่าจะแพงแค่ไหนก็จ่ายได้ทั้งนั้น อาจารย์จ่ายใบสั่งยาเถิดขอรับ”

“ได้” ฉินหลิวซีเอ่ยกับเฉินผีว่า “เฉินผี เจ้าพาลุงเฉียนออกไป บอกเขาว่าต้องเตรียมยาใช้ภายนอกอย่างไร และต้มยาอย่างไร”

“ขอรับ”

ลุงเฉียนเดินออกไปพร้อมกับเฉินผี

ฉินหลิวซีเอ่ยกับอวี้ฉังคงว่า “เช่นนั้นพวกเรามาเริ่มฝังเข็มกันเลยดีหรือไม่”

อวี้ฉังคง “รบกวนแล้ว”

ฉินหลิวซีให้เขานอนลง เปิดห่อเข็มหนังแกะซึ่งมีเข็มเงินแวววาวเรียงกันเป็นแถว เอ่ยว่า “คุณชายอวี้ฉังคงหลับตาลงได้ อีกสักครู่ข้าจะฝังเข็มบริเวณรอบดวงตาเป็นหลัก นั่นก็คือจุดจิงหมิง จุดไท่หยาง จุดเฟิงฉือ จุดไท่ชง และจุดฝังเข็มอื่นๆ ทั้งหมดหกจุด ข้าลงเข็มแม่นยำ ท่านไม่ต้องตื่นตระหนก”

“เข้าใจแล้ว”

ฉินหลิวซีฆ่าเชื้อก่อน หยิบเข็มขึ้นมาพลางเอ่ยว่า “เริ่มแล้วนะ”

ก่อนอื่นนางแทงเข็มที่จุดจิงหมิง บีบเข็มแล้วปั่นเล็กน้อย ถามว่า “รู้สึกเจ็บหรือไม่”

“อืม” บริเวณดวงตาล้วนไวต่อความรู้สึก แต่หลังจากการรักษาเมื่อวานนี้อวี้ฉังคงก็เชื่อใจนางมากขึ้น ไม่ได้มีการหลบหลีกหรือตื่นตระหนกใดๆ

เมื่อเห็นว่าเขาให้ความร่วมมือเช่นนี้ ฉินหลิวซีจึงฝังเข็มที่จุดเฟิงฉือหลังดวงตาและจุดอื่นๆ ทั้งหมดหกจุดอย่างรวดเร็ว หลังจากฝังเข็มบนจุดหลักทั้งหมดแล้ว นางก็ไปนั่งทางด้านที่ติดกับศีรษะของเขา ค่อยๆ นวดที่ศีรษะของเขาด้วยปลายนิ้ว

อวี้ฉังคงงอนิ้วเล็กน้อย ผ่อนคลายตัวเอง ถามว่า “ครั้งนี้ไม่ต้องท่องคาถาเหมือนเมื่อวานหรือ”

“ท่านอยากฟังหรือ”

“ได้หรือไม่”

“ย่อมได้ แต่ว่าเหนื่อย”

จู่ๆ อวี้ฉังคงก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำให้ผู้อื่นลำบาก อยากจะเอ่ยขอโทษ แต่กลับได้ยินเสียงของนางดังมาจากเหนือศีรษะของเขา

“ช่างเถิด คนอย่างข้าทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธคนหน้าตาดี จะท่องให้ท่านฟังสักบทหนึ่งก็แล้วกัน”

อวี้ฉังคง “!”

ฉินหลิวซีท่องพระสูตรหัวใจของปรมาจารย์แห่งเต๋า “เส้นทางไร้รูปธรรม กำเนิดโลก เส้นทางไร้ปรานี เคลื่อนย้ายดวงอาทิตย์และดวงจันทร์…”

จิตใจของอวี้ฉังคงปล่อยว่าง ไหลไปตามพระสูตร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายถอนเข็มออกเมื่อใด เริ่มได้สติกลับมาตอนที่นางนวดลูกตา

ทักษะการนวดของฉินหลิวซีพิถีพิถันมาก ลงแรงกำลังพอเหมาะ ตั้งแต่ดวงตาลงมาตามจุดต่างๆ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินผีและคนอื่นๆ ที่ไปเอาผ้าฝ้ายก็กลับมาแล้ว

นำผ้าฝ้ายชุบยาแล้วบิดจนเกือบหมาด ประคบที่ดวงตาของอวี้ฉังคง

“ทุกครั้งให้ประคบเปียกเช่นนี้เป็นเวลาสิบห้านาที นอกจากนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกตาได้รับบาดเจ็บในช่วงนี้ คุณชายควรใช้ผ้าพันไว้จะดีกว่า” ฉินหลิวซีเอ่ย

อวี้ฉังคงไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คิดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูดว่าหากใช้ผ้าพันดวงตาไว้เขาจะงดงามอย่างหาที่ติไม่ได้ นางคงไม่ได้ตั้งใจจะเชยชมความงามของเขาหรอกกระมัง

ฉินหลิวซี ‘เดาแม่นเกินไปแล้ว!’

[1] โกโบ เป็นส่วนของรากไม้ตระกูลหญ้าเจ้าชู้ชนิดดี ซึ่งสามารถรับประทานได้

[2] หนีเจินจื่อ เป็นพันธุ์ไม้ดอกชนิดหนึ่งในวงศ์มะกอก มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ของประเทศจีน

[3] เฉียน หน่วยวัดจีน เท่ากับ 5 กรัม

[4]เอี้ยงเซียม เป็นพืชที่ใช้เป็นยาสมุนไพรในแพทย์แผนจีน รากแห้งด้านนอกเป็นสีเทาเหลือง ข้างในเป็นสีน้ำตาลดำ

[5] โป่งรากสน เห็ดแห้ง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท