คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 153 ตระกูลจ้าวทำบาปทำกรรมอะไรมา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 153 ตระกูลจ้าวทำบาปทำกรรมอะไรมา

Ink Stone_Romance

แม้ว่าเขาจะเย่อหยิ่ง แต่คุณชายน้อยผู้นั้นมีริมฝีปากแดงฟันขาว คิ้วที่งดงาม ผิวละเอียดอ่อนและเรียบเนียน รวมถึงสวมใส่เสื้อผ้าที่หรูหราราคาแพง ราวกับเหมืองทองเดินได้ ไม่รู้ว่าเป็นบุตรชายที่ถูกเลี้ยงดูอย่างประคมประหงมจากตระกูลสูงศักดิ์ไหน ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าดูถูก

รองนายอำเภอจ้าวก็เป็นคนในแวดวงขุนนาง เมื่อเห็นความเย่อหยิ่งของเด็กหนุ่มหน้าขาวผู้นี้ย่อมไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้า เจ้ามาจากตระกูลไหน ไม่รู้หรือว่านี่คือที่ไหนถึงได้กล้ามาก่อความวุ่นวาย เห็นแก่เจ้าที่อายุยังน้อย ข้าจะไม่ถือสาเจ้า มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น”

“ถือสา? เป็นคำพูดที่ตลกที่สุดที่ข้าได้ฟังตั้งแต่เกิดมา เจ้าลองถือสาข้าดูสิ มาเลย” คุณชายน้อยเดินไปข้างหน้าด้วยท่าทางทะเล้น จนมาอยู่ตรงหน้ารองนายอำเภอจ้าว เขาหรี่ตา ใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าอกรองนายอำเภอจ้าว “หากข้าไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ข้าก็ไม่มาหรอก นังเจิ้งหลี่เหนียงผู้นั้นหนีมาหาเจ้าที่นี่ มอบตัวนางมา ข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะไม่ตาย มิเช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าทำตัวป่าเถื่อนที่จวนของเจ้า”

เป๊าะ

ฉินหลิวซีแทะเมล็ดแตงโม เอ่ยว่า “ข้าบอกแล้วใช่หรือไม่ว่าสตรีผู้นั้นจะสร้างปัญหา มีดวงคนตามรังควาน เหอะ เร็วเสียจริง”

เฉินผี “!”

ท่านแทะเมล็ดแตงโมเบาๆ หน่อย ข้ากลัวว่าเขาจะมาตีท่านแทน

ทางด้านหน้าประตู เมื่อรองนายอำเภอจ้าวได้ยินสิ่งที่คุณชายน้อยเอ่ยก็ใจเต้นรัว มีลางสังหรณ์ไม่ดีเอามากๆ อีกฝ่ายมุ่งมาที่น้องสาวภรรยาของเขาจริงๆ ด้วย

นังจิ้งจอก ไปดึงดูดจอมมารร้ายเช่นนี้มาจากไหน

“เจ้า ข้าเป็นขุนนางราชสำนักที่ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้โดยตรง เจ้ากล้าดีอย่างไรมาก่อปัญหา!” รองนายอำเภอจ้าวกลืนน้ำลาย แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง

คุณชายน้อยผู้นั้นหัวเราะจนตัวงอ กุมท้องพลางชี้ไปที่เขาแล้วเอ่ยว่า “เจ้า เจ้าเป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมา ฝ่าบาทแต่งตั้งเจ้าด้วยตัวพระองค์เองหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นอะไรกับฝ่าบาท”

แย่แล้ว สังหรณ์ว่าเป็นลางร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ!

“เจ้าคนโง่ ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าฝ่าบาทเป็นพี่เขยของข้า รู้หรือยัง” คุณชายน้อยเอ่ยอย่างเย่อหยิ่งพลางจิ้มไปที่หน้าผากของรองนายอำเภอจ้าว

พี่ พี่เขย?

มีกี่คนในใต้หล้านี้ที่กล้าเรียกฮ่องเต้ว่าพี่เขย

แน่นอนว่าเป็นน้องชายทางสายเลือดของฮองเฮา

แต่คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้?

รองนายอำเภอจ้าวคิดได้ว่าเหตุใดรถม้าคันนี้จึงดูคุ้นตา ซ้ำยังมีเจ้าเด็กหน้าขาวผู้นี้ และอาภรณ์ที่เขาสวม…

จบเห่แล้ว!

ขาของรองนายอำเภอจ้าวอ่อนแรง คุกเข่าลงตรงหน้าคุณชายน้อย “ท่านซื่อจื่อเฉิงเอินโหว?”

“เป็นข้าเอง” คุณชายน้อยผู้นั้นเชิดคางขึ้นอยางภาคภูมิใจ

ดวงตาของรองนายอำเภอจ้าวมืดมนทันที

ฮองเฮาแห่งต้าเฟิงคนปัจจุบันแซ่มู่ กำเนิดในตระกูลขุนนางระดับสูง บรรพบุรุษล้วนเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างมากในสงคราม ส่วนใหญ่สละชีพเพื่อชาติ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าทรัพย์สมบัติที่บรรพบุรุษสะสมไว้ให้มีล้นฟ้า

อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าเป็นเพราะตระกูลมู่ฆ่าคนมากเกินไปหรือไม่ ทำให้เสื่อมเสียคุณธรรม เป็นเรื่องยากที่จะให้กำเนิดผู้สืบทอดในแต่ละรุ่น จนกระทั่งรุ่นบิดาของฮองเฮามู่ เขากับพี่ชายทั้งสองคนมีอนุรวมทั้งหมดหากไม่ถึงร้อยก็เกือบร้อย แต่ทั้งหมดสองบ้านรวมกันแล้วให้กำเนิดบุตรสาวทั้งหมดสิบหกคน และมีบุตรชายเพียงคนเดียวเท่านั้น นามว่ามู่ซี

มู่ซีคือคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ เป็นน้องชายเพียงคนเดียวของฮองเฮา และยังเป็นบุคคลสูงศักดิ์ที่สำคัญของเฉิงเอินโหวกับเว่ยกั๋วโหวทั้งสองจวนนี้ เป็นคนที่พวกเขาประคองไว้เหนือหัวก็กลัวจะทำหล่น อมไว้ในปากก็กลัวจะละลายหายไป

เพื่อปกป้องต้นอ่อนเพียงหนึ่งเดียวนี้ ทั้งสองจวนจึงได้ส่งทหารองครักษ์เกราะดำอันดับต้นๆ มาคอยคุ้มกัน นอกจากที่ทำอย่างเปิดเผยแล้ว ในด้านที่คนมองไม่เห็นก็ไม่รู้ว่ามีองครักษ์ลับคอยตามคุ้มกันไม่รู้เท่าไหร่ แม้แต่ตัวมู่ซีเองก็พกยาพิษแปลกๆ ไว้มากมาย

ใช่แล้ว ยาพิษนั้นได้มาจากมารดาผู้ให้กำเนิดของเขาที่เป็นคนในยุทธภพ รู้จักในนาม ‘เหนียงจื่อผู้มีพิษ’ ได้มีความสัมพันธ์กับบิดาของเขาในชั่วข้ามคืนจนมีเขากำเนิดมา นางไม่ชอบการถูกควบคุม ดังนั้นหลังจากให้กำเนิดมู่ซีก็ไม่กลับจวนอีกเลย มอบเขาให้ฮูหยินเฉิงเอินโหว ถูกบันทึกไว้ภายใต้ชื่อของภรรยาเอก

แต่ไม่ได้หมายความว่าเหนียงจื่อผู้มีพิษจะลืมบุตรชายผู้นี้ นางมาเยี่ยมเขาเป็นครั้งคราวและให้ยาพิษแก่เขาไว้ อย่างไรก็ตามเหนียงจื่อผู้มีพิษยังอาศัยอยู่ในป่าลึก และนี่ก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังของมู่ซีเช่นกัน

ดังนั้นแม้ว่ามู่ซีจะเป็นเพียงผู้สืบทอดจวนโหว แต่เพราะเขาเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวจึงทั้งสูงส่งและไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วยไม่แพ้องค์ชาย ไม่สิ เขามีค่ามากกว่าองค์ชายที่ไม่เป็นที่โปรดปราน ยิ่งกว่าทองคำด้วยซ้ำ อย่างไรเสียแตะต้ององค์ชายที่ไม่มีเกียรติเหล่านั้นก็ยังมีชีวิตอยู่รอด แต่หากไปแตะต้องมู่ซี ก็รอถูกจวนเฉิงเอินโหวกับจวนเว่ยกั๋วโหวไล่ฆ่าจนตายได้เลย

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่อาฆาตแค้นเหนียงจื่อผู้มีพิษต้องการแก้แค้น แต่เพียงแค่นางวางยาพิษก็สามารถฆ่าเจ้าได้ทั้งตระกูล

เมื่อรองนายอำเภอจ้าวรู้ถึงความร้ายกาจ ร่างกายของเขาก็สั่นเทาด้วยความกลัว

ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยความเวทนา “ไม่แปลกใจเลยที่เขาเย่อหยิ่งและร่ำรวยเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของฮองเฮามู่นี่เอง”

ซ้ำยังเต็มไปด้วยพลังหยิน เกรงว่าคงเป็นเพราะหยินในจวนแข็งแรงและหยางกำลังถดถอยลง

รองนายอำเภอจ้าวสิ้นหวังมากกว่าใครๆ เดิมทีคิดว่าถูกรุ่ยจวิ้นอ๋องผู้นั้นตำหนิก็นับว่าโชคร้ายแล้ว แต่สุดท้ายไม่ได้มีคำว่า ‘โชคร้ายที่สุด’ มีแต่คำว่า ‘โชคร้ายกว่า’ จอมมารร้ายที่อันตรายยิ่งกว่ารออยู่ที่นี่แล้ว!

สวรรค์ เขาไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้!

ไม่สิ นางแพศยาเจิ้งหลี่เหนียงผู้นั้นไปทำให้จอมมารร้ายนี้ขุ่นเคืองได้อย่างไร ซ้ำยังเอาไฟมาใส่จวนเขาอีก นางบ้าไปแล้วหรือ

“ท่านซื่อจื่อ เป็นข้าที่มีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ว่าท่านซื่อจื่อมาที่นี่ ต้องโทษที่เมื่อคืนข้าจัดการเอกสารราชการจนดึกดื่น ทำให้ตาลายจนจำท่านไม่ได้” รองนายอำเภอจ้าวคุกเข่าต่อหน้ามู่ซี ใช้แขนเสื้อเช็ดรองเท้าของเขา “ดูสิ ฝุ่นติดรองเท้าของท่านไปหมดแล้ว”

ดูสิ ขุนนางผู้สูงส่งที่อยู่เหนือมาโดยตลอด เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งและสูงศักดิ์กว่าก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ สลัดศักดิ์ศรีออกแทบไม่เหลือ ราวกับลูกสุนัขที่กำลังมองเจ้านายพลางกระดิกหางอย่างระริกระรี้

“หลบไป” มู่ซีสะบัดเท้าเตะรองนายอำเภอจ้าวแล้วเอ่ยด้วยสีหน้ารังเกียจว่า “ไม่ต้องมาพูดจาชื่นชมข้า ข้าไม่สนิทกับเจ้า ข้าจะพูดอีกครั้งหนึ่ง ส่งตัวนังเจิ้งหลี่เหนียงมาให้ข้า”

“ท่านซื่อจื่อ คารวะท่านซื่อจื่อเจ้าค่ะ” สะใภ้เจิ้งรีบเดินออกมาจากจวน ไม่กี่ก้าวก็มาถึงตรงหน้ามู่ซี ย่อเข่าคำนับพลางเอ่ยว่า “ท่านซื่อจื่อเดินทางมาไกล ในจวนได้เตรียมอาหารต้อนรับไว้บ้างแล้ว ขอท่านซื่อจื่อโปรดเข้าไปพักผ่อนรอข้างใน ข้าจะไปเรียกน้องหญิงมาคารวะท่านซื่อจื่อเจ้าค่ะ”

มู่ซีเหวี่ยงลูกบอลทองในมือ ในขณะที่เขาเหวี่ยงมัน ลูกปัดเล็กๆ ที่อยู่ข้างในก็ส่งเสียงดัง ‘กริ๊งๆ’ ชัดเจน

เมื่อได้ยินคำพูดของสะใภ้เจิ้ง เขาก็ถ่มน้ำลาย เอ่ยด้วยรอยยิ้มดูถูก “จวนที่เหมือนห้องส้วมของพวกเจ้าก็ยังอยากให้ข้าเข้าไปอย่างนั้นหรือ ถุย ข้ารังเกียจว่าเท้าข้าจะสกปรก ทหาร พังประตู”

“ขอรับ”

พังประตู พังประตูอะไรกัน

ก่อนที่รองนายอำเภอจ้าวกับสะใภ้เจิ้งจะได้ทำอะไรก็เห็นทหารองครักษ์เกราะดำหลายคนเดินไปข้างหน้าอย่างสง่าผ่าเผย คนมีดาบก็ถือดาบ คนมีกระบี่ก็ถือกระบี่ นอกจากนี้ยังมีผู้หนึ่งมีมีดเชือดหมูอยู่ที่เอวด้วย

เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ ดวงตารองนายอำเภอจ้าวก็มืดมน ร้องตะโกน “ท่านซื่อจื่อ ไม่ได้นะ ไม่ได้นะขอรับ”

สะใภ้เจิ้งสีหน้าซีด เอนตัวพิงสามีตัวเอง ขาอ่อนแรง แทบจะเป็นลม ตระกูลจ้าวของพวกเขาทำบาปทำกรรมอันใดถึงต้องมาเผชิญเคราะห์ร้ายเช่นนี้!

เห็นเพียงทหารองครักษ์เกราะดำหลายคนยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักสีแดง ชักอาวุธออกมา ดาบและกระบี่แวววาว

ชิ้งงง!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท