คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 155 เมล็ดแตงโมอร่อยหรือไม่ ตอนที่ 156 คำเตือนไม่ให้เล่นลูกไม้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 155 เมล็ดแตงโมอร่อยหรือไม่ / ตอนที่ 156 คำเตือนไม่ให้เล่นลูกไม้

ตอนที่ 155 เมล็ดแตงโมอร่อยหรือไม่

ยาจับเท็จคืออะไรกันแน่ ไม่จำเป็นต้องถาม เพียงถามเปิดประเด็นเท่านั้น ความลับอะไรก็หลั่งไหลออกมาจนหมด

อย่างเช่นบุรุษที่ชื่อจูกังเฉียงผู้นี้ ตอนเขาห้าขวบก็แอบดูอาสะใภ้อาบน้ำ ตอนแปดขวบก็มือปลาหมึกกับหน้าอกของเสี่ยวฮวาข้างบ้าน อ้อ เสี่ยวฮวาคือใครน่ะหรือ

แม่หมูผิวพรรณสะสวย มีความสามารถในการสืบพันธุ์ที่ดีเยี่ยมตัวหนึ่งอย่างไรเล่า

เมื่อเขาอายุสิบสองก็ถูกหญิงม่ายในหมู่บ้านล่อลวงจนเสียความบริสุทธิ์ ครอบครัวลำบากยากแค้น จึงไปเป็นคนจัดหาคณิกาที่หอนางโลม ร่ำเรียนงิ้วบ้าง จากนั้นก็ย้ายไปเป็นตัวนางที่คณะงิ้ว

ยามร้องงิ้ว เขาอาศัยใบหน้าและร่างกาย บางครั้งถูกตาผู้สูงศักดิ์คอยเลี้ยงดู ร้องงิ้วให้ท่านซื่อจื่อ คอยดื่มกินเป็นเพื่อน

ธรรมดาคนแบบนี้เรียกได้ว่าบินขึ้นยอดกิ่งไม้กลายเป็นหงส์[1]แล้ว ได้รับความเมตตาจากผู้สูงศักดิ์เช่นนี้ควรจับเอาไว้ให้มั่น ต้องระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำถึงจะถูก โดยเฉพาะหากคนเลี้ยงดูมีตำแหน่งไม่ธรรมดา เขาย่อมจะทำอะไรก็ได้

แต่เมื่อจูกังเฉียงร่ำรวยขึ้นมาแล้วหางกลับชี้ขึ้นฟ้า ท่าทางราวกับสุนัข วันหนึ่งเจอเข้ากับสะใภ้เจิ้งคนน้องอยู่ข้างถนน เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ไฟแห่งการหลอกหลวงลุกโหมกระพืออย่างดุเดือด

อาศัยจังหวะที่มู่ซีไม่อยู่ จูกังเฉียงและสะใภ้เจิ้งคนน้องทำให้การหลอกลวงนี้รุนแรงยิ่งใหญ่ไปคับฟ้า จนกระทั่งมู่ซีกลับมา สะใภ้เจิ้งคนน้องได้รับข่าวก่อนจึงรีบไปหลบอยู่กับพี่สาว

สะใภ้เจิ้งคนโตทั้งโกรธทั้งจะเป็นลม แต่นางก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นลมล้มพับไป ได้ยินคำพูด ‘จริงใจ’ จากปากสะใภ้เจิ้งคนน้อง ดวงตาพลันเบิกโต

“…ข้าไม่เพียงนอกใจบุรุษโง่เขลาของข้าผู้นั้น แม้แต่ลูกยังมิใช่ของเขา แต่เป็นของพี่เขยของข้า” ใบหน้าของสะใภ้เจิ้งคนน้องหวาดหวั่น อยากจะอุดปากที่กำลังพ่นวาจาออกมาอย่างบ้าคลั่ง มองสองแขนของนางที่ถูกองครักษ์คนหนึ่งจับไพล่ไปด้านหลัง

กร๊อบ กระดูกหักแล้ว

สะใภ้เจิ้งคนน้องเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ร้องเสียงดังขึ้นมา

ภายใต้สายตามาดร้ายที่อยากฆ่าให้ตายของฮูหยิน รองนายอำเภอจ้าวแข้งขาอ่อน ทรุดนั่งลงไปบนพื้นแล้วหลุบตาลง

เขาอยากบอกว่า ความจริงนั่นเป็นเพียงความไม่ตั้งใจ ฮูหยินจะเชื่อหรือไม่

ทั้งยังคิด เขาที่เป็นบุรุษผู้หนึ่งมีหญิงชู้แล้วอย่างไรเล่า

สะใภ้เจิ้งคนโต ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อไปแล้ว เป็นลมได้แล้ว

ตึง

สะใภ้เจิ้งคนโตเป็นลมล้มไปทันใด

แปะ แปะ แปะ

“งิ้วเรื่องนี้สนุกมากทีเดียว สนุกกว่าเรื่องที่แต่งเสียอีก พลิกผันขึ้นลง ยอดเยี่ยม” มู่ซีปรบมือ มองไปยังรองนายอำเภอจ้าว เอ่ย “ใต้เท้าจ้าวผิดต่อศีลธรรมจรรยา ซื่อจื่อข้าจะกราบทูลความกล้าหาญนี้ของใต้เท้าจ้าวต่อเบื้องบนอย่างแน่นอน”

เหอะ รองนายอำเภอเมืองหลี เปลี่ยนคนใหม่มานั่งแทนก็ได้

รองนายอำเภอจ้าว “!”

หา นี่ไม่ได้กำลังบอกเขาว่ากำลังจะปลดเขา เขาต้องสิ้นสุดการทำหน้าที่แล้วหรอกหรือ

เขาเองก็อยากเป็นลมบ้างแต่เป็นลมไม่ได้

“ท่านซื่อจื่อ ข้าน้อย ข้าน้อยทำความผิดเพียงเล็กน้อย นั่นเป็นเรื่องมิได้ตั้งใจนะขอรับ…” เขาคุกเข่าลงตรงหน้า

มู่ซีกลับคร้านจะฟังคำแก้ตัวของเขา โบกมือส่งสัญญาณให้กับองครักษ์ของตน “จับสตรีมากสามีผู้นี้ โยนเข้าไปในกรงหมู แห่รอบเมืองหลีหนึ่งรอบ”

“ขอรับ”

สะใภ้เจิ้งคนน้องร้องห่มร้องไห้ “ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นพวกเขาที่เสพสมกับความงามของข้า…”

“หนวกหูเสียจริง”

มู่ซีแสดงท่าทีไม่พอใจ องครักษ์จับผ้ายัดปากสะใภ้เจิ้งคนน้องในทันใด อุดปากของนางเอาไว้

มู่ซีจึงรู้สึกพอใจขึ้นมา เขาหมุนตัวเดินไปทางรถม้า พลันรู้สึกว่าในกลุ่มคนมีอะไรแปลกๆ อยู่ มองไปตามที่มาของความรู้สึกนั้น พลันมองเห็นคุณชายหนุ่มที่ดูไม่ออกว่าเป็นหญิงหรือชาย และอีกฝ่ายกำลังทำอะไรน่ะหรือ

แทะเมล็ดแตงโม ท่าทางราวกับกำลังชมละครที่กำลังสนุกอย่างไรอย่างนั้น

มู่ซี “!”

จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นละครฉากใหญ่ให้คนอื่นรับชมความสนุกเป็นความรู้สึกอย่างไร

แต่ใบหน้านั้นดูดี

เท้าของมู่ซีเปลี่ยนทิศทาง เดินตรงไปหาฉินหลิวซี หยุดยืนอยู่ตรงหน้า มองเมล็ดแตงในมือของอีกฝ่าย“อร่อยหรือไม่”

ตอนที่ 156 คำเตือนไม่ให้เล่นลูกไม้

กินเมล็ดแตงของตระกูลจ้าว[2] ฉินหลิวซีแสดงท่าทีออกมาว่าอิ่มเล็กน้อย เห็นว่าเรื่องของรองนายอำเภอจ้าวใกล้จะจบ นางก็พอใจแล้ว กำลังจะเดินหนี กลับมีราชาจอมมารร้ายมายืนอยู่ตรงหน้า

“อร่อยหรือไม่”

“อร่อย” ฉินหลิวซีตอบด้วยรอยยิ้มตาหยี “น้ำฟักหวานสดชื่นดี และก็ใช่ว่าจะไร้สาระทั้งหมด”

หญิงหลอกลวงและชายหลอกลวงสวมหมวกเขียวลงบนศีรษะของคนชั้นสูง ทว่าเรื่องกลับพลิกผันไป

มู่ซีมองฉินหลิวซีด้วยความรังเกียจ อะไรกัน เสียดายหน้าตาดี สมองกลับมีปัญหาหรอกหรือ

เฉินผีเองก็พูดไม่ออก คนเขาถามท่านว่าเมล็ดแตงอร่อยหรือไม่มิใช่หรือ

มู่ซีมองเมล็ดแตงที่ฉินหลิวซียังกินไม่หมด เอ่ย “ข้าถามเจ้าว่าเมล็ดแตงนี้หอมหรือไม่ ข้าเห็นว่าเจ้าแทะไม่หยุด”

“หอม ตำหนักอายุวัฒนะถัดไปสองเส้นถนนมีขาย ผัดด้วยผงเครื่องเทศห้าชนิดบวกกับสมุนไพรดับร้อนนิดหน่อย เมล็ดแตงโมยังมีกลิ่นหอมของสมุนไพรอีกด้วย อร่อยกินแล้วไม่ร้อนใน” ฉินหลิวซีส่งเสียง อ่า เบาๆ ยื่นไปให้ “ชิมหรือไม่ ไม่คิดเงิน เลี้ยง”

ดูเจ้าร่วมแสดงในละครเรื่องนี้ พี่ซี ข้าดูอย่างสนุกสนานทีเดียว เมล็ดแตงนี้ข้าจะเลี้ยงเจ้า

มู่ซี “!”

ทุกคน “!”

ร้ายกาจแล้ว มิน่าเล่าถึงได้ยืนควักเมล็ดแตงออกมากินไปพลางชมละครไปพลาง ตอนนี้ยังบอกว่าจะเลี้ยงเมล็ดแตงด้วย นี่เป็นการตอบแทนเพราะความพึงพอใจใช่หรือไม่ กำลังเยาะเย้ยราชาจอมมารร้ายผู้นี้หรอกหรือ

มู่ซีเองก็คิดเช่นนั้น

เพียะ

มู่ซียื่นมือไปปัดเมล็ดแตงที่เหลืออยู่ในมือฉินหลิวซีไม่มาก “ใครจะกินเมล็ดแตง เจ้าดูละครก็ดูอย่างสบายใจเสียเหลือเกิน ยังนำเมล็ดแตงมากินด้วย”

“เจ้าไปชมละครไม่ดื่มชาไม่แทะเมล็ดแตงไม่กินอาหารว่างเลยหรือ เป็นของกินยามดูละครมิใช่หรือ” ฉินหลิวซีเหลือบมองเมล็ดแตงบนพื้น “น่าเสียดายแล้ว ยังกินไม่หมดเลย”

มู่ซีหัวเราะด้วยความโกรธ ส่งเสียงหึพร้อมหันหน้าหนีเด็กหนุ่มคนนี้ดึงความสนใจเขาได้สำเร็จ

เขาหันมาอีกครั้ง กลับเห็นว่าฉินหลิวซีกำลังจะพาเด็กข้างๆ เดินหนีไปแล้ว พลันโมโหขึ้นมา “หยุดเดี๋ยวนี้ ใครให้เจ้าไป”

ฉินหลิวซีหันกลับมา “เจ้ามีละครเรื่องอื่นจะเล่นอีกหรือ ข้าไม่มีเมล็ดแตงแล้วนะ”

ช่างเมล็ดแตงเจ้าเถิด อย่างได้เอ่ยถึงมันอีก ไม่เห็นหรือว่าคิ้วของราชาน้อยผู้นี้แทบผูกเป็นปมอยู่แล้ว

ชาวเมืองรอบข้างต่างพากันเช็ดเหงื่อแทนฉินหลิวซี หน้าตาดีเพียงนี้ คนเขายังเป็นบุรุษเจ้าชู้อีก จับตัวเจ้ากลับไป เจ้าก็จบสิ้นแล้ว

มู่ซีมองด้วยสายตาเหยียดหยาม “เจ้ามีนามว่าอย่างไร บ้านอยู่ที่ใด ดูหน้าตาของเจ้าที่พอดูดีอยู่บ้าง ติดตามข้า รับรองว่าเจ้ามีอาหารเลิศรส มีเสื้อผ้าดีๆ สวมใส่”

ชาวบ้านโดยรอบ เห็นหรือไม่ เอ่ยไม่ผิด กลัวแล้วใช่หรือไม่

ฉินหลิวซีกลับดวงตาวาววับ “ไม่ต้องทำอะไรก็ได้อยู่สบายหรือ ให้เงินมากเพียงใด วันเวลาถึงเมื่อใด ตกลงกันก่อน สัญญาเป็นปีข้าไม่ทำ”

มู่ซี “?”

ผู้คนรอบข้าง “?”

เนื้อเรื่องเขียนเอาไว้แบบนี้มิใช่หรือ ไม่ใช่ว่าต้องต่อว่าอีกฝ่ายเรื่องคุณธรรม มีทรัพย์สินเงินทองก็ไม่อาจมาล่วงเกินได้ ต้องโต้แย้งจนถึงที่สุดมิใช่หรือ

แต่ความกระตือรือร้นนี้ มันกลับตรงข้ามมิใช่หรือ

เฉินผีสีหน้าเข้มขึ้น ไม่ต้องดิ้นรนก็ได้เงินเป็นเรื่องที่ดี เจ้านายจะพลาดได้เยี่ยงไร แต่ว่าใจนางไม่ได้สมปรารถนาอย่างแน่นอน

มู่ซีที่ไปต่อไม่เป็นพลันรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมา “เจ้าลองเสนอราคามาเป็นอย่างไร”

ฉินหลิวซี “เช่นนั้นข้า…”

เปรี้ยง

ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นเหนือศีรษะโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทำให้ผู้คนมึนงง หูอื้นอึง

ไม่ใช่สิ วันที่แสงแดดสาดส่องกลางวันแสกๆ แบบนี้ จะมีฟ้าผ่าได้เยี่ยงไร

แน่นอนว่านี่เป็นคำเตือนไม่ให้คนเจ้าเล่ห์แซ่ฉินเล่นลูกไม้อะไร

ฉินซีกำหมัดแน่น สีหน้าโกรธขึ้นมา “ข้าไม่มีอิสระสักนิดเลยหรือ”

เปรี้ยง เปรี้ยง

ได้ได้ เจ้าควบคุมได้เยี่ยมยอด ท้าทายไม่ได้หลบไม่ได้

ฉินหลิวซีพาเฉินผีหมุนตัวเดินหนี

หลังจากมู่ซีได้สติ ร่างของอีกฝ่ายก็ไม่อยู่แล้ว ดวงตากลับฉายแววสนอกสนใจขึ้นมา เรียกองครักษ์ “ภายในครึ่งชั่วยาม ข้าต้องการข้อมูลโดยละเอียดของเขา”

[1] บินขึ้นยอดกิ่งไม้กลายเป็นหงส์ มักหมายถึงผู้หญิงที่เดิมมีพื้นเพไม่ได้ดีมาก แต่เพราะได้อาศัยฐานะของผู้ชายจึงกลายเป็นคนที่สูงส่งยิ่งขึ้น

[2]กินเมล็ดแตงของตระกูลจ้าว ความหมายอีกนัยหนึ่งคือ สอดรู้สอดเห็นเรื่องของตระกูลจ้าว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน