คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 165 พ่อหม้ายไร้บุตรด้วยกัน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 165 พ่อหม้ายไร้บุตรด้วยกัน

ผู้ที่ไร้บุตรคือเจ้ามิใช่ภรรยาของเจ้า

เท้าของชายหนุ่มชะงัก หันกลับไปอย่างไม่อยากเชื่อ สีหน้ากรุ่นโกรธราวกับอยากพุ่งเข้ามาต่อยใครสักคน

ไม่รู้ว่าอวี้ฉังคงเดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด มายืนอยู่ข้างฉินหลิวซี ชายหนุ่มคนนั้นมองทั้งสองเล็กน้อย สะกดอารมณ์เอาไว้ กัดฟันก่นด่า “คนบ้า”

ลุงเฉียนจึงเอ่ย “คุณชายน้อยท่านนี้ ผู้นี้มิใช่คนอื่นใด ทว่าคือปรมาจารย์ปู้ฉิวนักพรตของอารามชิงผิง มีความสามารถอย่างยิ่ง ในเมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้ คิดว่าคงมีเหตุผล ท่านฟังเอาไว้บ้างก็ดี”

ชายหนุ่มผู้นั้นนึกถึงความลำบากของภรรยาหลายปีมานี้ กัดฟัน “ว่ามา ท่านว่ามา ข้าจะลองฟังดู ท่านจะเอ่ยเรื่องเหลวใหลอันใดอีก”

“เซียมซีนี้อยู่ในตำแหน่งเสื่อมถอย นั่นบอกได้ว่าครอบครัวของท่านเสื่อมถอย ทายาทนั้นมีอุปสรรค ก็คือสมาชิกในครอบครัวมีจำนวนน้อย…”

“ท่านเหลวไหล” ชายวัยกลางคนโพล่งขึ้นมา เอ่ย “แม้ครอบครัวของข้าจะเป็นชาวนา แต่ก็มีที่นาสิบกว่าหมู่อยู่ในมือ และข้ามีพี่น้องสามคน จะมีสมาชิกในครอบครัวน้อยคนได้อย่างไร”

ฉินหลิวซีหัวเราะ เอ่ย “พี่น้องสามคนหรือ มั่นใจหรือ”

ชายหนุ่มผู้นั้นไม่ทันได้ทำอะไร หญิงสาวกลับเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “ท่านอาจารย์ สามีของข้ามีพี่น้องรวมสามคนจริงๆ เจ้าค่ะ”

“พี่น้องแท้ๆ เลยหรือ”

ทั้งสองชะงัก สีหน้าพลันเปลี่ยน

“ท่าน ท่านหมายความเช่นไร”

ฉินหลิวซีมองคนที่เดินผ่านไปมา จึงเอ่ย “ที่นี่มีแขกมาจุดธูปจำนวนมาก มิสู้ย้ายไปอยู่วิหารด้านหลังหรือไม่”

ชายหนุ่มมีท่าทีไม่ยินยอม ทว่าถูกภรรยาสะกิด พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ เดินตามฉินหลิวซีไปยังวิหารด้านหลัง

วิหารด้านหลังมีโต๊ะเก้าอี้พู่กันน้ำหมึก อีกทั้งยังมีคัมภีร์ที่ถูกเขียนขึ้นด้วยมือ มีเทพเจ้าสององค์ ธูปก็ยังไม่เหมือนด้านหน้า ทว่ามีกลิ่นหอมจางๆ ลอยมาด้วย

ฉินหลิวซีนั่งลง มองไปยังชายหนึ่ง เอ่ย “เซียมซีนี้ปรากฏให้เห็น ว่าเทพเจ้าไม่ตอบรับคำอธิษฐานของพวกท่าน นั่นเป็นเพราะมีบุญบารมีไม่มากพอ ทั้งยังเป็นความประสงค์ของสวรรค์ โชคดีก็คือบรรพบุรุษมีบุญกุศล ส่งผลบุญมาถึงรุ่นของท่าน จึงยังไม่สิ้นทายาท”

“เหนียงจื่อเจ้าฟังสิ เดี๋ยวเขาก็บอกว่าข้าไร้บุตร แต่ก็ยังบอกว่าไม่ไร้ทายาท ไม่ขัดแย้งในตนเองไปหน่อยหรือ” ชายหนุ่มหัวเราะหยัน

หญิงสาวเอ่ยเสียงเบา “ฟังก่อนว่าท่านอาจารย์ว่าอย่างไร” นางมองไปยังฉินหลิวซี เอ่ย “ท่านอาจารย์ ตระกูลของสามีข้าแซ่เถียน สามีของข้ามีนามว่าเถียนเอ้อร์ พวกเราสองสามีภรรยาแต่งงานกันมาสามปีแล้ว ทว่ากลับไร้บุตร วันนี้จึงได้มาขอพรที่อาราม ขอท่านอาจารย์ช่วยไขข้อสงสัยให้เราด้วยเจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ชีวิตของเขาไร้บุตรไม่ผิด ทว่าไม่ขาดทายาท หรืออาจมีลูกเลี้ยงหรือลูกบุญธรรมได้”

สีหน้าเถียนเอ้อร์มืดลง

เหลวไหลสิ้นดี

ยังมาบอกว่าสมาชิกในครอบครัวเขามีน้อยอีก พี่น้องก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ยามนี้ยังมาบอกลูกเลี้ยงลูกบุญธรรม กำลังขุดหลุมในใจคนหรือ

“ข้าตรวจชีพจรให้เจ้าหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ย

เถียนเอ้อร์กำมือ หันไปมองภรรยาที่กำลังมองตาปริบๆ จึงยื่นมือออกมา

สองนิ้วของฉินหลิวซีกดลงไป มืออีกข้างใช้นิ้วมือกดที่ข้อนิ้วของเขา ท่องวิชาจับชีพจรอยู่ในใจ สีหน้าจริงจังจนผู้คนรอบข้างไม่กล้าหายใจ

เนิ่นนานฉินหลิวซีจึงเก็บมือกลับคืน เอ่ย “บิดามารดาของท่านสิ้นอายุขัยไปแล้ว ข้าหมายถึงบิดามารดาผู้ให้กำเนิดท่าน”

เถียนเอ้อร์ชะงักงัน เถียนเหนียงจื่อจับมือของเขาเอาไว้

“ตัวท่านไม่มีบุตร ทว่ามีทายาทสืบทอด และภรรยาของท่านเห็นได้ว่ามีดวงมีบุตร ท่านลองคิดดูสิ จะมีมาได้อย่างไร”

“ท่านบ้าไปแล้ว” เถียนเอ้อร์โมโหขึ้นมา เอ่ยเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านกำลังสร้างความแตกแยกให้พวกเราสองสามีภรรยา”

นี่กำลังบอกกับเขาว่าภรรยาของเขาลอบมีคนอื่นอย่างนั้นหรือ

ภรรยาของเขาเป็นคนเช่นไร ใจเขารู้ดี จะทำเรื่องน่าละอายแบบนั้นได้อย่างไร ต่อให้ไม่มีบุตร นางก็ไม่ทำ

“พ่อหม้ายไร้บุตรด้วยกัน ท่านฟังความหมายของคำพูดข้าไม่ออกหรือ” ฉินหลิวซียิ้มบาง เอ่ย “ก็ใช่ ความจริงเดิมทีก็ไม่น่าฟัง หากท่านอยากฟัง ข้าจะบอก หากไม่อยากเช่นนั้นก็ไปเถิด ถือเสียว่าข้าเอ่ยเหลวไหล”

เถียนเอ้อร์อยากไป แต่มือของเขากลับถูกกุมเอาไว้แน่น

“ท่านพี่ ข้าไปหาหมอมานับไม่ถ้วน ต่างก็บอกว่าข้าเป็นปัญหา” เถียนเหนียงจื่ออ้อนวอน “ข้ามิได้รังเกียจท่าน ข้าเพียงต้องการความจริง”

ทั้งสองแต่งงานกันมาหลายปีทว่าไม่มีทายาทมาโดยตลอด นางถูกบ้านสามีต่อว่าว่าเป็นแม่ไก่ไม่ออกไข่ สามีก็ไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้ ดังนั้นสิ่งที่ยากลำบากและสิ่งที่เหน็ดเหนื่อยต่างก็ถูกโยนมาให้พวกเขาทั้งสอง

นี่ก็ช่างเถิด พี่สะใภ้น้องสะใภ้ก็ไม่ชอบนาง คิดว่านางไร้ยางอาย มักมากไม่สงวนกิริยา ความจริงแล้ว เป็นพี่และน้องสามีที่ไม่เคารพกฎ

เถียนเหนียงจื่อคิดมาถึงตรงนี้ สันหลังพลันชาวาบ ในหัวพลันสว่างวาบขึ้นมา

“ดูเหมือนเถียนเหนียงจื่อจะนึกออกถึงเรื่องไม่สบายใจนี้แล้ว” ฉินหลิวซีมองใบหน้าของเถียนเหนียงจื่อ

ใบหน้าของเถียนเหนียงจื่อเต็มไปด้วยความละอาย กัดริมฝีปากแน่น ไม่กล้ามองหน้าสามี

เถียนเอ้อร์เอ่ยขึ้น “เหนียงจื่อ หมายความเยี่ยงไร”

เถียงเหนียงจื่อก้มหน้า เนิ่นนานจึงเอ่ยเสียงอู้อี้ “ตอนที่ท่านไม่อยู่ พี่ชายและน้องชายของท่านอาศัยจังหวะที่ไม่มีคน กระทำกับข้า เกาะแกะข้า”

เถียนเอ้อร์ตกใจราวถูกช็อต เอ่ยด้วยความโกรธ “เรื่องเช่นนี้ไยเจ้าจึงไม่รีบเอ่ย”

“ข้าสตรีเพียงคนเดียว จะกล้าเอ่ยเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร ท่านเองก็รู้ พี่สะใภ้ใหญ่และน้องสะใภ้สาม อีกทั้งท่านแม่ ต่างควบคุมและต่อว่าข้า หากเอ่ยออกไปแล้ว พวกเขาคงบอกว่าข้าไม่ระมัดระวัง”

เถียนเอ้อร์เห็นนางเอ่ยขึ้นพร้อมร้องไห้ออกมา รู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันใด สองมือกุมศีรษะ “เพราะข้าไม่ดี เพราะข้าไร้ความสามารถ”

เถียนเหนียงจื่อจับมือของเขา ร้องไห้พลางเอ่ย “ท่านอย่าเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ไยพวกเขาจึงไม่พอใจเราในทุกๆ เรื่อง สิ่งใดสกปรก เหม็น เหนื่อยต่างก็โยนมาให้เรา เกรงว่าคงเพราะท่านมิใช่ลูกแท้ๆ กระมัง”

“ได้อย่างไร จะเป็นไปได้อย่างไรกัน” เถียนเอ้อร์ไม่กล้าเชื่อ

ฉินหลิวซีเอ่ย “วิชาจับชีพจรไท่ซู่สามารถกำหนดโชดดีโชคร้ายได้ ข้าเพียงดูโชคดีโชคร้ายตามชีพจรของท่าน ท่านลองคิดดู หากเรื่องท่านไม่มีบุตรถูกส่งไปถึงครอบครัวของท่าน จะมีสิ่งใดรอพวกท่านอยู่ หากไม่ยกหลานเป็นลูกบุญธรรมให้ท่าน ไม่ก็…”

นางเหลือบมองเถียนเหนียงจื่อด้วยสายตาคลุมเครือ นางมีใบหน้าโดดเด่น ผิวขาวผุดผ่อง รูปร่างก็ดี เพียงแต่หลายปีมานี้ไม่มีบุตรจึงถูกกดขี่ไม่อาจโงหัวได้ ทำให้ใบหน้าอมทุกข์

เถียนเหนียงจื่อนึกถึงพี่ชายและน้องชายของสามี เอ่ยเสียงโกรธแค้น “หากพวกเขาไม่รู้จักละอายจริงๆ ยังจะทำเรื่องสกปรกเช่นนั้น ข้าขอยอมตาย”

ยังจะมีสิ่งใดได้อีก เรื่องฉาวโฉ่ในบ้านไม่อาจแพร่งพรายสู่ข้างนอก ตามนิสัยบ้าอำนาจของพ่อแม่สามี เกรงว่าพวกเขาคงยอมให้ทั้งสองทำเช่นนั้นไม่ว่าจะเปิดเผยหรือลักลอบก็ตาม เพื่อให้นางตั้งครรภ์

พ่อหม้ายไร้บุตรด้วยกัน มีที่มาเช่นนี้หรือ

เถียนเอ้อร์รู้สึกราวกับท้องฟ้าถล่มลงมา

ขึ้นมาจุดธูปขอพร ไยจึงกลายเป็นแย่กว่าเดิมเล่า

ท่านพ่อท่านแม่ที่เรียกมายี่สิบกว่าปีกลับไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ ชีวิตนี้จะไม่มีบุตร พี่น้องทำไม่ดีต่อภรรยา อนาคตภรรยายังจะตาย เขายังมีชีวิตไปเพื่ออะไร

น่าอนาถยิ่งนัก

ที่เรียกว่าบุญกุศลที่ตกทอดมาจากบรรพบุรษนั้น ความจริงเป็นเรื่องโกหกใช่หรือไม่

“ท่าน ท่านหลอกข้าใช่หรือไม่” เถียนเอ้อร์มองไปยังฉินหลิวซีอย่างน่าสังเวช กุมมือภรรยาของตน เอ่ย “หรือพวกเราจะหย่าร้างหรือไม่ เจ้าคงแต่งไปอยู่กับตระกูลอื่น”

เถียงเหนียงจื่อใช้ฝ่ามือฟาดลงไปโดยไม่คิดแม้เพียงนิด “ข้าไม่หย่า ไม่มีลูกก็ไม่มี พวกเราจะเลี้ยงบุตรบุญธรรมไม่ได้เลยหรือ”

เถียนเอ้อร์รู้สึกสิ้นหวัง

อวี้ฉังคงเอ่ยขึ้นในยามนี้ “หมื่นเรื่องมีที่มาที่ไป โกหกหรือไม่ ท่านลองนึกย้อนกลับไปดูเรื่องราวตลอดหลายปีมานี้ก็จะรู้ได้ หรือไม่ ลองทดสอบก็รู้ได้”

พวกเถียนเอ้อร์มองไปยังคุณชายหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพสวรรค์ตรงหน้า นิ่งงันไปเล็กน้อย ทดลอง ทดลองอย่างไรกัน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท