ตอนที่ 179 เสียใจที่แผนไม่เป็นผล / ตอนที่ 180 ส่วนรวมและความเห็นแก่ตัว
ตอนที่ 179 เสียใจที่แผนไม่เป็นผล
สะใภ้หวังและฉินหลิวซีกลับไปนั่งที่เรือนหลัก นางยื่นกล่องใบยาวให้ฉินหลิวซีก่อน
“เป็นของขวัญวัยปักปิ่นที่ท่านยายเจ้าให้ ลองดูสิว่าชอบหรือไม่ เอาไว้ใส่เล่นๆ”
ฉินหลิวซีเปิดออกดูและเห็นว่าข้างในเป็นปิ่นระย้าแมลงปอสีเขียวอันหนึ่ง นางจึงหยิบมันขึ้นมาเล่น จากนั้นก็ลองปักลงบนศีรษะแล้วเอียงศีรษะดูเป็นพิเศษ “ท่านแม่ว่าสวยหรือไม่เจ้าคะ”
“สวยสิ” สะใภ้หวังชอบมาก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แต่ปิ่นระย้าอันนี้ไม่ได้ปักกันแบบนี้ เจ้าจะต้องรวบผมขึ้นไปให้หมดก่อนแล้วค่อยปัก ทำแบบนี้จะหล่นหายได้ง่าย”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าเคยชินกับการมัดผมเป็นมวย ทำผมซับซ้อนไม่เป็น มันใช้เวลานานเกินไป”
“หญิงสาววัยเจ้าไม่แต่งตัวหน่อยก็น่าเสียดายแล้ว เป็นผู้หญิงจะไม่รักสวยรักงามได้อย่างไร” สะใภ้หวังไม่พอใจ “อีกอย่าง ต่อไปเรื่องดูตัว…”
นางชะงักไปเล็กน้อย ราวกับจะรู้ตัวว่าไม่เหมาะที่จะเอ่ยเรื่องนี้ตอนนี้ จึงหยิบเงินและของที่มารดาของนางส่งมาผลักไปตรงหน้าฉินหลิวซี “นี่คือเงินและสิ่งของที่ท่านยายของเจ้าขอให้จังเฉวียนจยาส่งมาช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน ข้ากำลังคิดอยู่ว่า ที่นาที่บ้านเราซื้อไว้จะน้อยไปหน่อย เด็กๆ โตขึ้นก็ต้องใช้เงินเยอะขึ้น แถมยังต้องแต่งงานออกเรือน ยิ่งต้องใช้เงินมากขึ้นไปอีก จึงต้องทำกิจการหาเงินเพิ่มขึ้นบ้าง”
สะใภ้หวังวางมือข้างหนึ่งบนโต๊ะเล็กและเหยียดนิ้วออกไปเล่นเครื่องประดับทองคำในกล่อง “ตั๋วเงินสองพันตำลึง ข้าวางแผนจะให้เงินหนึ่งพันสองร้อยตำลึงเป็นเงินส่วนกลาง จะซื้อที่นาก็ดี หรือเช่าร้านทำการค้าก็ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องใช้มันหาเงินเลี้ยงชีพ”
“หนึ่งพันสองร้อยตำลึงหรือเจ้าคะ” ฉินหลิวซีเลิกคิ้วทันที นั่นนับว่าใจกว้างทีเดียว ไม่ใช่แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น
สะใภ้หวังเอ่ย “แม้ว่านี่จะเป็นเงินที่ทางบ้านบิดามารดาของข้าส่งมา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการเกี่ยวดองกัน เมื่อเป็นการแต่งงานที่ดี ก็ต้องช่วยเหลือกัน ตอนที่อีกฝ่ายเดือดร้อนก็ต้องช่วยเหลือกัน ท่านตาท่านยายเจ้ายังอยู่ ตระกูลฉินเองก็ไม่ได้แยกบ้านกัน เงินพวกนี้จึงไม่สามารถเก็บไว้ในบ้านเราเองได้ทั้งหมด จะต้องเอาออกมารับมือกับความยากลำบากตอนนี้บ้าง นี่ก็เป็นสิ่งที่นายหญิงควรจะต้องคำนึงถึงส่วนรวมและภาพรวมด้วย”
ฉินหลิวซีเข้าใจว่าสะใภ้หวังกำลังสอนหลักการจัดการเรื่องต่างๆ ในบ้านให้นาง แม้ว่านางจะไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านพวกนี้ แต่นางก็แต่ต้องฟังอย่างเงียบๆ ในเวลานี้
“เงินหนึ่งพันสองร้อยตำลึงเข้าส่วนกลาง ส่วนที่เหลือจะเก็บไว้เป็นของบ้านใหญ่และทำกิจการอื่น ข้าคิดว่าตอนนี้เยี่ยนเอ๋อร์ก็ไม่อยู่ บ้านเราก็มีเจ้าโตที่สุด ไม่สู้ให้เอาเงินจำนวนนี้ให้เจ้าไว้ ใช้ชื่อของเจ้าทำการค้าได้หรือไม่ ต่อไปไม่ว่ากิจการจะเป็นอย่างไรก็ถือว่าเป็นสินเดิมเล็กๆ น้อยๆ ได้”
ฉินหลิวซีประหลาดใจ “ให้ข้าหรือ แล้วต่อไปน้องรองกับน้องห้าจะทำอย่างไร พวกเขาต่างหากที่จะต้องเป็นคนดูแลบ้าน”
“ตอนนี้ขอแค่เยี่ยนเอ๋อร์อยู่ที่นั่นได้อย่างสงบสุขก็ดีมากแล้วสำหรับข้า ข้าไม่กล้าคาดหวังอะไร สำหรับเจ้าห้า ถ้าเขาโดดเด่น เจ้าก็สามารถมอบความรับผิดชอบให้เขาได้ ถ้าเขาไม่มีความสามารถก็อย่าให้เขาทำตัวเป็นคนล้างผลาญ พึ่งพาอาศัยคนในครอบครัวเป็นชาวนาที่ร่ำรวยก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร” สะใภ้หวังเอ่ยเรียบๆ “รอให้พวกเขาแต่งงานมีครอบครัว แล้วค่อยดูว่ารุ่นหลานพอจะมีความสามารถบ้างหรือไม่ แล้วค่อยคัดเลือกมาเลี้ยงดูปลูกฝัง ไม่แน่ก็อาจจะลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง”
ฉินหลิวซีได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่านางคิดได้รอบคอบแล้ว และนับถือที่นางกล้าหาญพอที่จะแบกรับและปล่อยวางได้อย่างดี
นางเหลือบมองตั๋วเงินและเครื่องประดับทองในกล่องก่อนจะเอื้อมมืออกมาแตะเล่นเล็กน้อย “หากท่านแม่เชื่อใจข้า เช่นนั้นก็ทำตามท่านแม่ว่า เพียงแต่ข้าเปิดร้านทำการค้าไม่ได้ เพียงใช้ชื่อข้าเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ยังต้องให้ท่านแม่จัดการดูแล เมื่อก่อนท่านก็เคยมีร้านขายกางเกงใช่หรือไม่”
สะใภ้หวังที่เพิ่งจะดีใจที่ไม่ต้องดูแลกิจการเองแล้ว “…”
แผนการไม่เป็นผล?
ตอนที่ 180 ส่วนรวมและความเห็นแก่ตัว
สะใภ้หวังแตะกล่องใบเล็กนั้นแล้วครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ฮูหยิน อยู่ดีๆ ท่านถอนหายใจทำไมหรือเจ้าคะ” เสิ่นหมัวหมัวยกน้ำชาให้นาง
“ข้าไม่เข้าใจซีเอ๋อร์มากขึ้นทุกที ไม่รู้ว่านางชอบอะไร ดูเหมือนว่านางจะไม่สนใจอะไรเลย หากเปลี่ยนเป็นเด็กสาวคนอื่น ถ้าให้เงินจำนวนนี้ไปทำกิจการก็ต้องดีใจกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ”
เสิ่นหมัวหมัวที่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มออกมาทันที “คุณหนูใหญ่คงจะไม่สนใจกระมังเจ้าคะ บ่าวเห็นว่านางชอบวิชาแพทย์และปรุงยา เมื่อครู่นี้นางก็ให้สูตรยาบำรุงบ่าวมานะเจ้าคะ”
“เพิ่งจะถึงวัยปักปิ่นแต่เป็นผู้ใหญ่มากนัก ไม่มีความไร้เดียงสาอย่างที่เด็กสาวควรจะเป็นเลย”
เสิ่นหมัวหมัวกลับไม่เห็นด้วย “ความไร้เดียงสามีอะไรดีหรือเจ้าคะ เหมือนคุณหนูบ้านรองสองคนนั้นที่ไร้เดียงสาเสียจนมองไม่เห็นว่าสถานการณ์ในบ้านตอนนี้เป็นอย่างไรน่ะหรือเจ้าคะ”
ดูเหมือนนางจะรู้สึกว่าคำพูดของนางเป็นการไม่เคารพ จึงคุกเข่าลง “บ่าวเอ่ยมากไปแล้ว”
สะใภ้หวังดุทันที “เจ้าเอ่ยที่นี่ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้รองสะใภ้ได้ยินเข้า จะกลายเป็นเรื่องขึ้นมาอีก”
“บ่าวจะจำไว้เจ้าค่ะ”
สะใภ้หวังเล่นเครื่องประดับทองคำในกล่องก่อนจะหยิบตั๋วเงินขึ้นมา “ข้าไม่รู้แล้วว่าควรทำกิจการอะไรดี ของส่วนรวมหนึ่ง ของบ้านเราเองอีกหนึ่ง”
“ท่านไม่ปรึกษากับนายหญิงผู้เฒ่าดูล่ะเจ้าคะ ไม่อย่างนั้น ทำสองกิจการแล้ว กิจการของบ้านเราทำกำไรได้ ถึงตอนนั้นจะดูไม่ดี” เสิ่นหมัวหมัวเตือน
สะใภ้หวังเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เพราะเหตุผลนี้น่ะสิ
ที่บ้านมีการเปลี่ยนแปลง ฮูหยินผู้เฒ่าก็สุขภาพไม่ดี อารมณ์ของนางค่อนข้างฉุนเฉียว ตอนนี้กลับมาอยู่ที่เมืองหลีแล้ว นางก็เป็นกังวลว่าพวกบุรุษจะเดินทางไปถึงซีเป่ยได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ในเวลาเดียวกันนางก็เป็นห่วงบุตรสาวคนเล็กที่อยู่ทางตงเป่ยด้วย เพราะถึงอย่างไรจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีจดหมายส่งข่าวจากทางตงเป่ยกลับมาเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
ทั้งยังไม่มีข่าวคราวจากทางบ้านบิดามารดาของฮูหยินผู้เฒ่าผู้มาเลย และไม่มีการส่งคนมาด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าจึงกำลังไม่พอใจอยู่
“เก็บของที่ท่านแม่ส่งมาให้เรียบร้อย แล้วค่อยไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัน” สะใภ้หวังหยิบตั๋วเงินหนึ่งพันสองร้อยตำลึงขึ้นมาพลางเอ่ย
มีเสียงตะโกนดังที่ข้างนอก เป็นเสี่ยวเสวี่ยที่มารายงานว่าบิดาของนางได้รับคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ให้มารับคำสั่งที่นี่
สะใภ้หวังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางหันไปมองหน้าเสิ่นหมัวหมัวก่อนจะเอ่ย “ให้พ่อบ้านหลี่เข้ามา”
เสิ่นหมัวหมัวเดินไปที่ประตูแล้วบอกให้ทั้งสองเข้ามาได้
ทันทีที่พ่อบ้านหลี่เข้ามาแล้ว เขาก็คุกเข่าลงคารวะ จากนั้นสะใภ้หวังจึงบอกให้เขาลุกขึ้นและนั่งลงได้
“ซีเอ๋อร์สั่งให้เจ้ามาหรือ”
“คุณหนูใหญ่บอกว่า ฮูหยินใหญ่ต้องการจะทำกิจการ และไม่คุ้นเคยกับเมืองหลี จึงอาจต้องการถามอะไรบ่าว จึงได้สั่งให้บ่าวมาพูดคุยกับฮูหยินใหญ่ขอรับ” พ่อบ้านหลี่ตอบด้วยความเคารพ
สะใภ้หวังได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกอบอุ่นใจทันที เด็กคนนี้เดินก้าวหนึ่งแต่คิดล่วงหน้าไปสิบก้าวแล้วจริงๆ นางช่างเอาใจใส่นัก
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้ามีเงินอยู่ในมือจึงอยากจะทำอะไรสักหน่อย ซื้อที่นาก็มั่นคงดี แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศด้วย กว่าจะรู้ว่ามีรายรับเท่าใดแต่ละปีก็ต้องรอให้ถึงสิ้นปีก่อน รายรับได้มาช้าไปหน่อย แต่การทำกิจการ ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเมืองหลีเท่าใดนัก ไม่รู้ว่าควรต้องทำกิจการอะไรจึงจะเหมาะสม” สะใภ้หวังเอ่ยอย่างสงบ
พ่อบ้านหลี่ประสานมือเก็บไว้ใต้แขนเสื้อ เขานั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง “เนื่องจากเมืองหลีมีท่าเรือ จึงมีพ่อค้าเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้เป็นจำนวนมาก ที่ท่าเรือมีเรือหลายลำจอดเพื่อขนถ่ายสินค้าทุกวัน ที่ตรงนั้นยังมีคนทำกิจการและค้าขายด้วย พวกเขาขนส่งสิ่งที่เรามีในเมืองหลีไปทางเหนือและตะวันตก และรับสินค้าภาคเหนือมาจากพ่อค้า…”
“ส่วนร้านค้าในท้องถิ่นนั้นมีทุกรูปแบบ ซึ่งกิจการที่จะเลือกทำนั้นก็ขึ้นอยู่กับเงิน เส้นสาย และการจัดหาสินค้า แต่ละกิจการก็ต้องมีคนที่โดดเด่นดีที่สุด สินค้าอย่างเดียวกัน ถ้าราคาสินค้าที่ท่านได้มาถูกกว่าของคนอื่น ถึงแม้จะขายในราคาขายเท่าๆ กัน แต่ก็ยังทำกำไรได้มากกว่าคนอื่นไม่ใช่หรือ ถึงจะเปิดร้านซาลาเปา แต่ถ้าท่านทำออกมาได้อร่อยกว่าร้านอื่น ท่านก็ต้องมีลูกค้าแน่นอน ถูกต้องหรือไม่ขอรับ”
สะใภ้หวังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่พ่อบ้านหลี่สามารถวิเคราะห์ได้อย่างสมเหตุสมผลเช่นนี้ หลังจากคิดดูแล้วนางก็เอ่ยขึ้น “เงินที่มีก็ไม่ได้มากนัก ถ้าเอาไปซื้อร้านก็คงจะไม่มีเงินทุนหมุนเวียน ถ้าซื้อแล้วคงต้องปล่อยเช่าไปเท่านั้น ทำอย่างนี้ก็เหมาะสมอยู่ แต่หากเช่าซื้อไปก่อน รอให้เรามีโอกาส แล้วค่อยซื้อร้านทีหลังก็เป็นวิธีที่สะดวกเช่นกัน”
มีเงินเท่าไรก็ทำเท่านั้นไปก่อน จะละโมบมากไม่ได้ สะใภ้หวังมีใจโอนเอียงไปทางการเช่าซื้อ และแสวงหาโอกาสก่อน แล้วค่อยคิดการอื่นต่อไป
“ฮูหยินใหญ่คิดได้เหมาะสมแล้ว”
“แต่งานสามร้อยหกสิบประเภทนี้ ข้ากลับไม่รู้ว่าควรเลือกอย่างไหน เรื่องชาและข้าวสารเลิกคิดไปได้เลย พวกนี้ต้องใช้ใบอนุญาต ร้านขายของชำอย่างที่เจ้าบอกจะต้องค้นหาพ่อค้าที่เหมาะสมและให้ราคาต่ำจึงจะได้” สะใภ้หวังปวดหัวขึ้นมาทันที หากต้องการทำกิจการจริงๆ สิ่งที่ต้องคิดไม่ได้มีเพียงเท่านี้
พ่อบ้านหลี่เอ่ย “คุณหนูใหญ่บอกว่า ถ้าฮูหยินใหญ่ยังไม่รู้จะทำอะไร นางก็มีสูตรทำขนมและผลไม้แช่อิ่มอยู่บ้าง หากทำได้ดี ก็จะสามารรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ได้ด้วย”
สะใภ้หวังตกตะลึงไปเล็กน้อย “ผลไม้แช่อิ่มหรือ”
พ่อบ้านหลี่พยักหน้า ก่อนจะหยิบสูตรจำนวนหนึ่งออกจากแขนเสื้อแล้วยื่นให้ เสิ่นหมัวหมัวก้าวเข้าไปรับมาส่งต่อให้สะใภ้หวัง
สะใภ้หวังตั้งใจอ่านและพบว่ามีสูตรอยู่หลายสูตร ซึ่งล้วนเป็นสูตรทำผลไม้แช่อิ่มและของว่าง เช่น ขนมสาลี่สำหรับอาการแก้คอแห้งในฤดูใบไม้ร่วง ขนมโป่งรากสน ขิงแผ่นเคลือบน้ำตาลทรายแดง เปลือกส้มเขียวหวานแช่น้ำผึ้ง เป็นต้น
ในสูตรระบุปริมาณส่วนผสมที่ใช้ ซึ่งล้วนเป็นสมุนไพรที่หาได้ทั่วไปในราคาไม่แพง และยังเขียนถึงสรรพคุณไว้ด้วย
สะใภ้หวังรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยเมื่อนึกถึงทักษะทางการแพทย์ของฉินหลิวซี แต่เมื่อนึกถึงกิจการอีกอย่างที่บ้านใหญ่คิดจะทำ นางก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจ
คนเราย่อมเห็นแก่ตัว สูตรที่ฉินหลิวซีให้มาพวกนี้ได้มาจากทักษะทางการแพทย์ของนาง หากทำได้ดีก็จะเป็นการเปิดหนทางการค้าขาย เงินที่ได้มานี้ก็จะเป็นของส่วนรวม แล้วบ้านของพวกนางเล่า?
“คุณหนูใหญ่ได้บอกอะไรอีกหรือไม่ เช่นว่าสูตรนี้จะให้ใช้อย่างไร มอบให้ใคร”
พ่อบ้านหลี่เอ่ย “คุณหนูใหญ่บอกว่าให้ฮูหยินใหญ่ตัดสินใจได้เลยขอรับ หากฮูหยินใหญ่ยังไม่แน่ใจก็ให้ใช้กับตระกูลฉิน ส่วนรวมสำคัญที่สุด ส่วนเรื่องอื่นๆ นางจะคิดอีกที”
หากตระกูลฉินสามารถยืนหยัดได้ ฉินหลิวซีก็จะเบาใจไปได้บ้าง ก็แค่สูตรผลไม้แช่อิ่มไม่กี่สูตรเท่านั้น นางไม่ถึงกับต้องสนใจ
สะใภ้หวังได้ยินที่พ่อบ้านหลี่พูดแล้วก็ตัดสินใจได้ “เช่นนั้นก็ได้ ทำอันนี้ก็แล้วกัน เราต้องหาร้านค้าด้วย ถ้าพ่อบ้านหลี่มีนายหน้าที่คุ้นเคยและเชื่อถือได้ก็ให้หามา ให้เขาช่วยหาร้านที่ตั้งอยู่ในทำเลดีๆ สักกี่แห่ง เรายังต้องหาแหล่งวัตถุดิบพวกนี้ และต้องคัดเลือกคนทำงานอีก เราค่อยๆ ทำไปทีละเรื่อง เพียงแต่ไม่ว่าเรื่องไหนก็ต้องรบกวนให้พ่อบ้านหลี่ติดต่อเป็นธุระให้แล้ว”
“ท่านสั่งบ่าวมาก็พอขอรับ” พ่อบ้านหลี่ลุกขึ้นยืน
สะใภ้หวังเอ่ย “ข้ายังต้องไปหารือกับฮูหยินผู้เฒ่าสักหน่อย เดี๋ยวจะสั่งการเจ้าทีหลัง เสิ่นหมัวหมัวไปส่งพ่อบ้านหลี่ออกไปก่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ”
เสิ่นหมัวหมัวส่งพ่อบ้านหลี่ออกไป ขณะที่สะใภ้หวังอ่านสูตรพวกนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ ฉินหลิวซีไม่สนใจสูตรพวกนี้เท่าไรนัก แต่นางกลับต้องระมัดระวังเก็บสูตรนี้ไว้ให้ดี
หากร้านผลไม้แช่อิ่มแห่งนี้ประสบความสำเร็จได้จริงๆ และมีคนไหนในบ้านที่เห็นแก่ตัวขึ้นมาก็อย่าได้โทษว่านางไม่เกรงใจ