คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 210 ไม่กลัวเย่อหยิ่งก็กลัวไม่มีความสามารถ ตอนที่ 211

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 210 ไม่กลัวเย่อหยิ่งก็กลัวไม่มีความสามารถ / ตอนที่ 211 เดินเส้นทางหยิน

ตอนที่ 210 ไม่กลัวเย่อหยิ่งก็กลัวไม่มีความสามารถ

ในตอนที่ฉินหลิวซีเตรียมตัวออกจากอารามชิงผิงกลับเมืองหลี ก็เจอกับป้าเสิ่นที่จากไปก่อนหน้านี้ทว่ากลับมาอีกครั้ง ทั้งยังมีอวี๋ชิวไฉกลับมากับนางด้วย

อวี๋ชิวไฉมองเห็นฉินหลิวซีก็เดินเข้ามาทักทายด้วยความเคารพ เอ่ย “ท่านนักพรต ไม่เจอกันสักพักแล้ว สบายดีหรือไม่”

ป้าเสิ่นที่ตามเขามาด้านหลังเห็นเช่นนั้น รู้สึกตกใจอยู่ในใจ อวี๋ชิวไฉผู้นี้เป็นถึงขุนนางในราชสำนัก ชาติตระกูลสูงศักดิ์แต่กลับนอบน้อมต่อนักพรตปู้ฉิวผู้นี้ ดูเหมือนจะมีความสามารถจริงๆ แล้ว มิเช่นนั้นจะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ได้อย่างไร

ป้าเสิ่นเก็บความรู้สึกดูถูกเอาไว้ แสดงท่าทางนอบน้อมออกมา

ฉินหลิวซีทักทายตอบอวี๋ชิวไฉ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าอวี๋มีกิจมากมาย ยังหาเวลามาที่อารามด้วยตนเองได้ จะมาเป็นผู้แสวงบุญหรือ”

อวี๋ชิวไฉยกมือขึ้นประสาน เอ่ย “มิกล้า และเป็นเรื่องเร่งด่วน ท่านก็รู้ ข้าก็เป็นบิดา ทนไม่ได้หากพ่อคนใดต้องทุกข์ใจเพราะลูกๆ ท่านนักพรตปู้ฉิวมีความรู้สูงส่งและลึกซึ้ง ไปดูสักครั้งได้หรือไม่”

เขาก้าวขึ้นมา เดินอยู่ด้านข้างฉินหลิวซี เอ่ยกระซิบ “ข้าเคยเห็นคุณหนูผู้นั้นแล้ว หนักกว่าบุตรสาวของข้าจริงๆ ลูกของข้าท่านเองก็เห็นแล้ว แม้จะบ้าๆ บอๆ แต่ก็เพียงวิกลจริต แต่เด็กบ้านของป้าเสิ่น ข้าเห็นเป็นเหมือนหลานสาว เมื่อก่อนเคยเจอกันหลายครั้ง เป็นเด็กสาวว่านอนสอนง่าย”

ฉินหลิวซีฟังอยู่เงียบๆ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

อวี๋ชิวไฉเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีตอบสนอง จึงเอ่ยต่อ “แต่ผ่านมาไม่นานข้าไปเยือนที่จวน ได้ยินเรื่องนี้เข้า เมื่อเจอแม่นางคนนั้นแล้ว เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนจริงๆ ไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิงแล้ว เด็กสาวอยู่ดีๆ ก็เป็นราวกับนางคณิกาที่…แค่กๆ ราวกับออกมาจากสถานที่เช่นนั้น”

ฉินหลิวซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

“น่าสงสารคนเป็นพ่อเป็นแม่ เด็กดีๆ ต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ ใครบ้างจะไม่ปวดใจ ท่านเป็นคนในลัทธิเต๋า มีวิชาความรู้อันสูงส่ง จะต้องมีวิธีอย่างแน่นอน ช่วยคนสักหน่อยได้หรือไม่ นั่นคือแม่นางที่ดีมากจริงๆ” อวี๋ชิวไฉยกมือประสานพลางโค้งตัวลง เอ่ย “หากท่านมีเมตตาในครั้งนี้ สหายของข้าผู้นั้นจะต้องตอบแทนมากมาย”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ใช่ว่าข้าไม่อยากไว้หน้าท่านที่ท่านมาถึงที่นี่ แต่ช่วงนี้งานที่อารามมากมายจริงๆ ไม่ขอปิดบังท่าน อีกไม่กี่วันรูปปั้นหล่อทองปรมาจารย์ลัทธิเต๋าอารามชิงผิงของเราจะได้จัดพิธีบวงสวาง หากใต้เท้ามีเวลาว่างจะมาจุดธูปก็ได้ อาจารย์ไม่อยู่ คนที่จัดการธุระนี้ก็คือลูกศิษย์ ข้าเองก็คอยช่วยเหลือ มิอาจปลีกตัวได้จริงๆ”

อวี๋ชิวไฉขมวดคิ้ว

“ข้าเองก็เอ่ยเช่นนี้กับท่านป้าผู้นั้นแล้ว หากอยากรักษา พาคุณหนูมาก็ได้ ให้พักที่จวนของท่าน ข้าไปที่จวนได้” ฉินหลิวซีเอ่ย “ส่วนจวนอวี๋โจว เส้นทางยาวไกล ข้าไปไม่ได้จริงๆ ต้องขออภัยแล้ว”

อวี๋ชิวไฉรีบเอ่ย “บวงสรวงรูปปั้นหล่อทองของท่านปรมาจารย์ เรื่องใหญ่จริงๆ เป็นข้าที่ทำท่านลำลากใจแล้ว”

ฉินหลิวซียิ้ม

“ข้าจะเอ่ยกับนาง ดูสหายว่าจะทำอย่างไร ถึงตอนนั้นขอท่านนักพรตเมตตาด้วยได้หรือไม่”

“ได้”

อวี๋ชิวไฉไม่ได้เอ่ยมากความ เดินไปหาป้าเสิ่น พูดคุยอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “นักบวชไม่พูดเท็จ เขาบอกว่าช่วงนี้ไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้ไม่ใช่แก้ตัว คงจะเป็นเรื่องจริง เพราะอารามกำลังจะจัดพิธีบวงสรวงรูปปั้นหล่อทองของท่านปรมาจารย์ ท่านกลับไปรายงานใต้เท้า ไม่ก็ส่งคุณหนูมาให้พักที่จวนของข้า ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกสอดแนมจากผู้ใด หรือไม่ ก็เชิญใต้เท้าหรือฮูหยินมาเชิญด้วยตนเอง”

ป้าเสิ่นตกใจ ให้ฮูหยินพวกเขามาเชิญเองหรือ

อวี๋ชิวไฉเอ่ยอย่างมีนัยยะ “ขอร้องให้รักษา อีกฝ่ายเย่อหยิ่งเพียงใด ขอเพียงมีความสามารถ ทำเพื่อเด็ก ละทิ้งศักดิ์ศรีหน่อยจะเป็นไร ที่สำคัญที่สุดคือคุณหนูของท่านใช่หรือไม่”

ไม่กลัวนางเย่อหยิ่ง กลัวว่านางไม่มีความสามารถต่างหาก

ป้าเสิ่นตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เม้มริมฝีปากแน่น

ตอนที่ 211 เดินเส้นทางหยิน

พิธีบวงสรวงรูปหล่อท่านปรมาจารย์อารามชิงผิงนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าอาวาสกลับไม่กลับมาหลายวัน ฉินหลิวซีก็ไม่พูดมาก ไปจับคนกลับมา

ส่วนอารามชิงหลานที่อยู่ไกลจากเมืองหลีออกไป สำหรับนางกลับไม่ได้เป็นปัญหา รู้เส้นทางก็เดินทางไม่นาน ยังมีเส้นทางหยางให้เดินได้

ฉินหลิวซีใช้วิชาเปิดเส้นทางหยินที่ด้านข้างเรือนหนึ่งเส้นแล้วจึงเดินเข้าไป

เดินเส้นทางหยิน ไม่ใช่เส้นทางสว่างให้คนเดิน แต่เป็นเส้นทางให้ผีเดินได้ หนึ่งในนั้นทหารหยินก็เดินเส้นทางนี้

และที่นี่ยังมีกฎ คนเดินตรงกลาง ผีเดินสองข้าง อย่าขวางทางผู้อื่น ไม่ข้องแวะต่อกัน

หากเป็นคนโชคร้ายก็จะเห็นผีเดินอยู่สองข้างทางของถนนหยิน หากส่งเสียงดังในเวลานี้อาจจะถูกลากเข้าไป วิญญาณจะถูกจับกุม ส่วนจุดจบหากไม่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ คนก็ต้องตาย ดีขึ้นมาสักหน่อย สามารถออกมาจากถนนหยินได้ แต่อาจสูญเสียสติกลายเป็นคนบ้านับจากนี้

ฉินหลิวซีเดินอยู่กลางทาง สายตาไม่เหลือบมองร่างผีร้ายทั้งสองข้างทาง

“เป็นวิญญาณที่มีชีวิต วิญญาณมีชีวิตที่เดินอยู่ในเส้นทางหยิน”

“วิญญาณมีชีวิตกลิ่นหอมมาก”

“กินนางแล้ว ข้าจะกลายเป็นราชาผีอย่างแน่นอน”

“ถุย อย่างเจ้าหรือเป็นราชาผี คิดว่าราชาผีแห่งทิศทั้งห้าเป็นเครื่องประดับหรือ”

“ความร่ำรวยจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ปรารถนา ข้าเพียงคิดว่ากินนางแล้วพลังจะมากขึ้น” ผีโลภเลียริมฝีปากของตนอย่างกระตือรือร้นที่จะลอง

“เจ้าบ้าไปแล้ว เดินในเส้นทางหยินได้ เกรงว่าไม่ใช่คนธรรมดา รีบกลับมา”

ผีโลภเอ่ย “ไม่แน่อาจหลงเข้ามาก็เป็นได้ ข้าจะไป…”

เขาพุ่งเข้าไปทางฉินหลิวซี ยื่นมือออกไป ยังไม่ทันแตะต้องตัวฉินหลิวซีก็กรีดร้องลั่น ร่างกายของเขาลุกเป็นไฟและกลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันทีท่ามกลางสายตาของวิญญาณทั้งหลาย

เหล่าผี “!”

พรึบๆๆ

หนี รีบหนีเร็ว

ทันใดนั้นผีก็หนีไปทุกทิศทุกทาง มีผีตัวหนึ่งถูกเบียดไปอยู่แทบเท้าฉินหลิวซี มองดูรองเท้าปักลายเมฆาตรงหน้า ส่งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ได้

เหล่าผีหายวับไปทันใด

ฉินหลิวซีมองผีขาหักที่กอดตัวเองตัวสั่นเทา ใบหน้าไร้อารมณ์

ผีขาหักรออยู่นานก็ไม่เห็นว่ามีไฟลุกจึงเงยหน้าขึ้นมา สบตาเข้ากับฉินหลิวซี เขาหน้าซีดเอ่ยเสียงสั่น “ใต้ ใต้เท้า ข้าน้อยมิได้ตั้งใจขวางทาง พวกเขาเบียดข้ามา”

ฮือๆ ตอนมีชีวิตเขาโชคร้าย ตกลงไปในขาหักในหลุมไม่พอยังตายอีกด้วย ตอนนี้ตายแล้วก็ยังซวย เดินอยู่บนถนนดีๆ ก็ถูกเบียดมาขวางทางผู้น่าเกรงขามที่ไม่รู้มาจากที่ใด

ตอนเป็นคนเป็นผีต่างก็ซวยทั้งนั้น

“เช่นนั้นก็หลบไป อย่าได้มาขวางทาง” ฉินหลิวซีสะบัดแขนเสื้อ ผีขาหักถูกผลักลอยออกไปด้านข้าง

เมื่อมองเห็นฉินหลิวซีเดินตรงไปด้านหน้า เขายังไม่ทันตั้งสตินัก ไม่เป็นอะไรเลยหรือ

ข้ายังมีความหวังอยู่หรือ

ผีขาหักตื่นเต้นมากจนร้องไห้ออกมา ดูเหมือนเขาจะไม่ได้โชคร้ายอะไรนัก

“รีบกลับมา ไม่ต้องร้องไห้แล้ว” มีผีดึงเขากลับมา มองฉินหลิวซีที่เดินไปไกล เอ่ยพึมพำ “ไม่รู้ว่าเป็นผู้วิเศษมาจากที่ใด น่ากลัวเกินไปแล้ว ไฟนั้นบอกจะไหม้ก็ไหม้ ผีพนันโชคร้ายจริงๆ”

“ถุย ข้าว่าสมควรแล้วต่างหาก หากไม่คิดชั่วร้ายต่ออีกฝ่าย จะมีจุดจบเยี่ยงนี้หรือ ได้ยินว่าเขาตายเพราะความโลภ ตายแล้วก็ยังโลภ ตอนนี้ดีแล้ว ตายแล้วตายอีกไม่ได้อีกแล้ว”

“ก็ใช่น่ะสิ วัญญาณดับสลาย น่ากลัวยิ่งนัก ต่อไปหากเจอใบหน้านี้ต้องรีบหลีกหนี”

“กระจายข่าวออกไป นับว่าเป็นการสร้างบุญกุศล”

เหล่าผีบอกต่อๆ กัน ไม่นานผีทุกตนก็ได้รับรู้ว่ามีคนคนหนึ่ง ไม่บุรุษไม่สตรี อ้อ ยากที่จะแยกได้ น่าเกรงกลัวมาก เมื่อเจอต้องหลีกหนีสุดชีวิต รักษาดวงวิญญาณเอาไว้ได้

มีฉลาดกว่านั้น วาดรูปส่งต่อออกไป ทำให้ฉินหลิวซีโด่งดังไปทั่วโลกวิญญาณ

ฉินหลิวซียังไม่รู้ว่าตนเดินเส้นทางหยินในครั้งนี้ ชื่อเสียงได้แพร่กระจายออกไปไกลแล้ว เดิมทีนางเป็นคนมีเหตุผล เป็นเขาที่ไม่ลืมหูลืมตา นี่ยังจะมาโทษนางอีกหรือ

เวลานี้นางเดินไปพร้อมคิดว่าเมื่อเจอตาเฒ่านั้นแล้วจะจับตัวได้อย่างไร เมื่อไม่ฟังก็ต้องล่วงเกินหรือ

ระหว่างที่เดินไปเรื่อยๆ พลันรู้สึกไม่ปกติขึ้นมา เอ๋ เส้นทางนี้ไม่ได้มีเพียงนางที่เป็นวิญญาณที่ยังมีชีวิตหรอกหรือ

มีคนโชคร้ายที่ไหนหลงเข้ามาอีกเล่า

ฉินหลิวซีเดินมาถึงฝั่ง คว้าสตรีในชุดกระโปรงสีฟ้าประณีตเอาไว้ อีกฝ่ายชะงักแล้วหันกลับมามองนางด้วยความงุนงง

ฉินหลิวซีกลับดวงตาวาววับขึ้นมา

รูปโฉมเรียกได้ว่างดงามอันดับหนึ่ง ใบหน้ารูปไข่ ดูสะอาดสะอ้าน ริมฝีปากแดงระเรื่อ ผิวนวลเนียนแต่ซีดขาว ยามขมวดคิ้วคล้ายโกรธเล็กน้อย ยิ่งทำให้คนอยากปกป้องและใจอ่อนยวบ

เมื่ออีกฝ่ายเห็นนาง นึกว่าเป็นบุรุษมักมาก สะบัดแขนออก “ปล่อยข้า”

น้ำเสียงดุจหิมะบนยอดเขาหนาวเหน็บ เย็นยะเยือก

ฉินหลิวซีเอ่ย “เมื่อข้าปล่อยเจ้า เจ้าก็คงถูกผีพวกนี้จับไปเป็นเมียแก้เหงาแล้ว”

หญิงสาวเบิกตาโต มองตามสายตาของอีกฝ่ายไป ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีทว่าไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ

ฉินหลิวซีประหลาดใจ สงบเยือกเย็นเพียงนี้เลยหรือ

ฉินหลิวซีปล่อยมือ กวาดตามองสำรวจการแต่งกายของนาง ยื่นมือไปเกี่ยวเชือกสีแดงออกจากลำคอของนาง มีชิ้นหยกไล่ผีที่สลักตัวอักษรแขวนเอาไว้ สะท้อนแสงวาววับ

เป็นเครื่องรางที่ได้รับการบำรุงรักษา

เพียงแต่ยามนี้เครื่องรางมีรอยร้าวจางๆ ปรากฏ เครื่องรางนี้ใกล้แตกแล้ว

หญิงสาวเห็นฉินหลิวซีไม่เกรงใจเช่นนี้ ใบหน้าจึงมีความโกรธขึ้นมา แต่เมื่อมือของฉินหลิวซีปัดผ่านปลายจมูกของนาง นางก็ชะงัก เอ่ย “เจ้าเป็นสตรี”

ฉินหลิวซีก้มลงมองการแต่งกายของตน เอ่ย “เจ้าดูออกหรือ”

“กลิ่นหอม” หญิงสาวเอ่ย “บนตัวของเจ้ามีกลิ่นหอมเฉพาะของสตรี”

ฉินหลิวซีไม่สนใจ เอ่ยถาม “วิญญาณมีชีวิตอย่างเจ้า ไยจึงเข้ามาเดินในเส้นทางหยินได้”

“ข้าไม่รู้” หญิงสาวเอียงคอ ครุ่นคิด เอ่ย “ข้าลืมตาขึ้นมาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว”

“เจ้ามีนามว่าอย่างไร”เนื่องจากทันล่าสุดแล้วจะเหลือวันละตอนตามต้นทางนะคะ แอดนุ่มนิ่มโนเวลพีดีเอฟ

หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ เอ่ย “ซือเหลิ่งเย่ว์”

“วิญญาณเจ้าคงออกจากร่าง ควรกลับเข้าร่างไปได้แล้ว อยู่ข้างนอกนานแล้ว โดยเฉพาะเส้นทางหยินนี้ สตรีงดงามเช่นเจ้าถูกดึงดูดได้ง่าย ถึงตอนนั้นจะกลับออกไปก็ไม่ได้แล้ว” อีกทั้งยังไม่เพียงพอให้พวกเขาได้แบ่งกันด้วยซ้ำ

ซือเหลิ่งเย่ว์รู้สึกว่าน้ำเสียงของนางฟังดูไม่อยู่กับร่องกับรอยนักจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันมองผีสองข้างทางที่มองด้วยสายตาหลงใหล ต่างจับจ้องตนเขม็ง แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ ตนเห็นว่ามีคนเหลือบตามองฉินหลิวซีด้วยสายตาหวาดกลัวพลันเข้าใจในทันใด

“พวกเขากลัวเจ้า” นางเอ่ยด้วยความมั่นใจ

ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “เจ้าฉลาดมากเลยนี่”

ซือเหลิ่งเย่ว์ไม่เอ่ยปาก เพียงก้าวเข้าไปใกล้ข้างกายของนางหนึ่งก้าว

เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะเข้าหาความโชคดี หลีกหนีความโชคร้าย

ฉินหลิวซีเห็นนางเป็นเช่นนี้จึงหัวเราะอย่างอดไม่ได้ เอ่ย “ช่างเถิด ข้าผู้นี้ทนมองหญิงงามตกทุกข์ไม่ได้ เจ้าออกไปจากเส้นทางหยินกับข้าก่อนก็แล้วกัน เจ้าเป็นดวงวิญญาณที่ออกมาจากร่าง ต้องมีคนในครอบครัวเรียกหาวิญญาณ ถึงตอนนั้นค่อยกลับเข้าร่างเถิด ไม่เช่นนั้นอยู่ที่นี่ต่อ หยกชิ้นนี้ของเจ้าคงคุ้มครองเจ้าเอาไว้ไม่ได้แล้ว”

ซือเหลิ่งเย่ว์ส่งเสียงอืมตอบกลับ

ฉินหลิวซีมุ่งหน้าเดินตรงไปเรื่อยๆ ด้านข้างมีเสียงซือเหลิ่งเย่ว์ดังขึ้น “เจ้าชื่ออะไรหรือ”

“น้ำไหลลงทางทิศตะวันตก ข้าชื่อฉินหลิวซี”

ซือเหลิ่งเย่ว์ทวนชื่อนี้อยู่ในปาก เอ่ยถาม “เช่นนั้นเจ้าเล่า ไยจึงมาเดินบนเส้นทางนี้”

ฉินหลิวซีเงยหน้ามองตรงไปด้านหน้า กัดฟันพลางเอ่ย “ข้า มาตามจับตาเฒ่าที่ไม่เชื่อฟัง”

*************************************************

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท