ตอนที่ 214 รีบแกล้งตาย ศิษย์เนรคุณข้ามาแล้ว
เหอหมิงยืนอยู่ในเส้นทางหยิน ผีทั้งสองข้างทางส่งเสียงร้องไห้โหยหวน ทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาติดอยู่กับพื้น ก้าวไม่ออกแม้เพียงครึ่งก้าว
ที่แท้อาจารย์อาปู้ฉิวมิได้โกหก อีกฝ่ายใช้เส้นทางหยินจริงๆ
เส้นทางหยินเป็นอย่างไร เขาได้เห็นแล้ว
ฮือ อาจารย์ช่วยข้าด้วย
“เหอหมิง เหอหมิงรีบมาสิ”
เหอหมิงหันกลับไป ผู้ใด ผู้ใดเรียกข้า
เมื่อหันกลับไปก็มองเห็นผีใบหน้าดุร้าย ดวงตาถลนออกมา ในระยะอันใกล้มาก
เขาร้องเสียงดังขึ้นมา
ฉินหลิวซีได้ยินเสียงร้องจึงเดินกลับมา เอ่ย “โทษข้าที่ไม่ได้เตือนเจ้า อย่าหันกลับไป อย่าเดินไปเรื่อยเปื่อย มา ตามอาจารย์อามา”
เหอหมิงเงยหน้าขึ้นมามองนางอย่างน่าสงสาร มือคว้าแขนเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น
ฉินหลิวซียิ้มอ่อนโยน พาเขาเดินไปข้างหน้าต่อ
…
แต่แล้วนักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็เอ่ยยั่วยุ ‘ซือเหลิ่งเย่ว์’ ผีแก่ตนนั้นจึงกรีดร้องขึ้นมาด้วยความโกรธ แยกเขี้ยวพุ่งเข้ามาหาเขา
เจ้าอาวาสชิงหลานยกกระบี่ไม้พันเหรียญทองแดงขึ้นมา เอ่ยขึ้นเสียงดัง “ผีชั่ว พูดดีๆ ไม่ชอบ เช่นนั้นก็เอากระบี่ไปกินเสีย”
ยกกระบี่ไม้ขึ้นมาฟาดไปยังร่างของ ‘ซือเหลิ่งเย่ว์’ นางกรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมา แต่ไม่นานก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เอ่ย “เอาอีกสิ อย่างไรก็ไม่ใช่ร่างกายของข้า ตีให้ตายไปเลย”
เจ้าอาวาสชิงหลาน “!”
นักพรตชื่อหยวน มีสมองอยู่บ้าง
ซือถู บิดาของซือเหลิ่งเย่ว์ถลาพุ่งเข้ามาห้ามทั้งน้ำตา “เจ้าอาวาส ไม่ได้ขอรับ ไม่ได้นะขอรับ นั่นคือร่างกายของเย่ว์เอ๋อร์ ตีไม่ได้ขอรับ ฮือๆ เย่ว์เอ๋อร์ เย่ว์เอ๋อร์ของข้า ทำอย่างไรดี”
เจ้าอาวาสชิงหลานและนักพรตเฒ่าชื่อหยวนรู้สึกปวดหัวขึ้นมา พวกเขามานานขนาดนี้ ซือถูผู้นี้ก็ร้องไห้มานานเพียงนี้ ไม่ยอมหยุดสักที
เจ้าว่าเจ้าเป็นสามีต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของภรรยา แต่ไม่สิ ในตอนที่นางจากไปแล้ว เจ้าก็ยังไม่มีความเป็นบุรุษสักนิดเลยหรือ
ยิ่งไปกว่านั้น ภรรยาผู้นี้ไปเป็นเซียนนานแล้ว เป็นบุรุษควรเข้มแข็งขึ้นมาได้แล้วกระมัง
แต่ความเป็นจริง ตอนภรรยาอยู่ดูภรรยาจัดการบ้าน ภรรยาไปแล้วดูลูกจัดการบ้าน ตนเองกลับเป็นเหมือนสตรีอื่นที่คอยเป็นแจกันวางประดับ
ตีหนูกลัวโดนแจกัน ยังมีซือถูคอยห้าม เจ้าอาวาสชิงหลานทำตัวไม่ถูก ยิ่งทำสีหน้าไม่ถูก
เขาสีหน้าทะมึนหยิบยันต์ออกมาก่อนจะเอ่ย “ในเมื่อผีร้ายใจดำเยี่ยงนี้ อย่าได้โทษข้าลงมือรุนแรง”
เขาเผายันต์ ปากท่องมนต์ ร่ายคาถาขับไล่สิ่งชั่วร้าย ‘ซือเหลิ่งเย่ว์’ ปวดศีรษะแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ วิญญาณแทบแหลกสลาย นางเป็นผีร้อยปี คลื่นลมน้อยใหญ่ต่างเคยเจอ และลงมือได้เหี้ยมโหดเช่นกัน
เมื่อเห็นเจ้าอาวาสชิงหลานสวดมนต์ขับไล่นาง นางก็หักนิ้วมือของตนตรงนั้น เสียงกระดูกหักดังขึ้น ก่อนจะหักตะเกียบไม้หนึ่ง ใช้ด้านแหลมปาดไปที่ลำคอ เลือดสดๆ ไหลลงมา
“มาสิ อย่าหยุด ต่อให้วิญญาณข้าจะแตกสลายข้าก็จะทำให้สตรีนางนี้แทบตายไปเลย ฮ่าๆ”
ตึง
ซือถูเห็นบุตรีบาดเจ็บ ใบหน้าซีดขาว ดวงตากลอกขึ้นก่อนจะล้มลงไปทันใด
การขับไล่วิญญาณจำต้องหยุดลง
จัดการได้ยากหรือ
ไม่ แต่น่ากังวลสักหน่อย กลัวทำให้ร่างกายของซือเหลิ่งเย่ว์บาดเจ็บ ไม่เช่นนั้นเมื่อวิญญาณผีแก่นี้ออกไปแล้วแต่ร่างกายถูกทำลายไป ซือเหลิ่งเย่ว์ตัวจริงก็ไม่อาจกลับเข้ามาได้อีกแล้ว
เจ้าอาวาสชิงหลานไม่รู้จะทำอย่างไร อาการวิญญาณออกจากร่างของซือเหลิ่งเย่ว์เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ เครื่องรางป้องกันภัยในตัวนางก็มาขอไปจากเขา เมื่อก่อนยามที่ซือเหลิ่งเย่ว์วิญญาณออกจากร่าง คนที่บ้านทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องไปเชิญเจ้าอาวาสชิงหลานมา ต่อมาซือเหลิ่งเย่ว์ก็ยังออกจากร่างบ่อยจนชินชาเสียแล้ว
วันนี้ ซือเหลิ่งเย่ว์ก็ออกจากร่างไปอีก คนตระกูลซือจุดธูปเรียกวิญญาณตามความเคยชิน แต่คนก็ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมา จนปัญญาจึงส่งคนควบม้าเร็วไปเชิญเจ้าอาวาสชิงหลานมา
เวลาผ่านไปร่างของซือเหลิ่งเย่ว์กลับมีผีร้ายร้อยปีมาสิงร่างแทน
และเจ้าอาวาสชิงหลานเองก็นึกว่าซือเหลิ่งเย่ว์จะเป็นเหมือนครั้งที่ผ่านมา เรียกวิญญาณกลับมาก็พอ จึงไม่ได้พกเครื่องรางมามากมายเท่าใดนัก ยามนี้มาถึงบ้านตระกูลซือจึงได้รู้ว่ามีผีร้ายตนหนึ่งมาสิงร่างแล้ว
ยามนี้ต้องขับไล่ผีตนนี้ออกไปก่อนจึงจะเรียกวิญญาณกลับมาได้ แต่ไม่ว่าเจ้าอาวาสชิงหลานหรือนักพรตชื่อหยวนต่างก็รู้ดีว่าเรื่องนี้จะช้าไม่ได้ เพราะอะไรน่ะหรือ
เครื่องรางคุ้มกันภัยของซือเหลิ่งเย่ว์แตกไปแล้ว ร่างกายของนางยังเป็นคนอยู่นับว่าดี แต่วิญญาณที่อยู่ข้างนอกเล่า
วิญญาณที่ยังมีชีวิตล่องลอยอยู่ข้างนอก ไม่ใช่เรื่องดีนัก หากดีก็คือวนเวียนอยู่แถวนี้ ไม่ดี ก็คือถูกผีร้ายข้างทางเหล่านั้นกลืนกิน เลวร้ายลงไปอีกหน่อย ก็คือถูกพวกที่ฝึกวิชามารจับไปทดลอง วิญญาณแหลกสลาย ต่อให้ร่างกายจะรักษาดีเพียงใดก็ช่วยไม่ได้แล้ว
ในฐานะเจ้าอาวาสของอารามตกอยู่ในกำมือของผีร้าย สีหน้าของเจ้าอาวาสชิงหลานยังดีอยู่ได้นับว่าเป็นเรื่องแปลก
ผีร้ายตนนั้นมองพวกเจ้าอาวาสชิงหลานทั้งสองราวกับถูกตนจัดการเอาไว้ได้แล้ว รู้สึกได้อกได้ใจขึ้นมา เห็นใบหน้าเจ้าเล่ห์ของชื่อหยวนผู้นั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ อาศัยตนเองที่มีร่างของซือเหลิ่งเย่ว์คอยคุ้มกัน กางนิ้วออกเตรียมข่วน
“เจ้านักพรตเฒ่าเจ้าเล่ห์ ข้าเติ้งสือเหนียงจะข่วนเจ้า” ผีแก่ร้ายเอ่ยเสียงดัง
ก่อนหน้านี้นักพรตชื่อหยวนเพิ่งจะรักษาอาการบาดเจ็บ อีกทั้งยังมีบาดแผลอยู่บนร่างกาย เคลื่อนไหวไม่คล่อง ถูกคมเล็บนั้น ใบหน้าจึงมีร่องรอยหลายรอย ใบหน้าทะมึนเตรียมตอบโต้กลับ พลันมีเสียงดังขึ้น มองไปยังอีกฝั่ง
“ชื่อหยวน” เจ้าอาวาสชิงหลานเสียงดังด้วยความโกรธ ยกกระบี่ขึ้นพุ่งเข้าไป
ชื่อหยวนรีบเอ่ยกับเจ้าอาวาสชิงหลาน “ชิงหลานไม่ต้องร้อนใจ รีบล้มลงแกล้งตาย เจ้าเด็กเกเรข้ามาแล้ว”
เจ้าอาวาสชิงหลานตกใจ หมายความอย่างไร
ชื่อหยวนเอ่ย “ลูกศิษย์ข้ามาแล้ว” เขาบอกให้นอนลงบนพื้น ชี้ไปยังผีร้ายเติ้งสือเหนียง เอ่ย “ผีแก่อย่างเจ้า กล้าตีข้า ศิษย์ข้ากำจัดเจ้าแน่ โอ้ย โอ้ยใบหน้าของข้า”
เติ้งสือเหนียง เป็นบ้าอะไรกัน สู้ไม่ได้เป็นบ้าไปแล้วหรือ
เจ้าอาวาสชิงหลานกลับ… “!”
เรื่องหน้าไม่อาย ก็ยังสู้ชื่อหยวนไม่ได้
ยามนี้เขาก็ได้กลิ่น ได้ยินเสียงลม มองไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง
เป็นเช่นนั้น ตรงนั้นปรากฏช่องราวกับมีคนเปิดประตูมิติ เท้าก้าวออกมา โยนคนคนหนึ่งออกมาด้วย
น่าสงสารคนบนพื้นคนนั้น นอนอยู่บนพื้นอาเจียนไม่หยุด
เจ้าอาวาสชิงหลานมองดูชุดของคนที่นอนอาเจียนอยู่บนพื้น เป็นคนของอารามเขา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคุ้นหน้า
ขายหน้านัก
ขณะมองไปยังคนที่ก้าวออกมา ใบหน้าค่อนข้างเย็นชา คิ้วขมวดขึ้นเอ่ยเสียงเย็น “ผู้ใด ผู้ใดกล้าแตะต้องตาเฒ่าของข้า”
“โอ้ย ลูกศิษย์ นี่ อาจารย์อยู่ที่นี่” ชื่อหย่วนนอนอยู่บนพื้นกวักมือเรียกฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีวิ่งเข้ามาเห็นใบหน้าของชายชรามีรอยเลือดหลายรอย สีหน้าทะมึนขึ้นมา “ผู้ใดทำ สตรีหรือ”
เพียงมองก็รู้ว่าเป็นรอยเล็บของสตรี
ชื่อหยวนชี้ไปยังเติ้งสือเหนียงที่สิงอยู่ในร่างของซือเหลิ่งเย่ว์ เอ่ยเสียงเครือ “นางทำ เจ้าต้องแก้แค้นให้อาจารย์นะ”
ฉฺนหลิวซีเหลือบมองเติ้งสือเหนียง เอ่ย “เป็นแค่วิญญาณผีแก่แต่มาตีท่านได้ แม้แต่สตรียังสู้ไม่ได้ อายุแก่ปูนนี้ของท่านมีประโยชน์อันใด”
เติ้งสือเหนียงอยากรู้ว่าชื่อหยวนกำลังเล่นละครอะไรอยู่ ไม่สนใจกับการปรากฏตัวของฉินหลิวซี หัวเราะเสียงเย็น คนแก่ยังสู้ไม่ได้แล้วเด็กเล่า
นักพรตไม่ได้เรื่องช่างกล้าจริงๆ
เรียกตัวช่วยมาสู้หรือ
แล้วนางจะไม่มีหรือ
เติ้งสือเหนียงอ้าปาก เสียงแหลมดังออกมา ทำให้ฉินหลิวซีบีบปากนางเอาไว้ กดศีรษะ ดึงวิญญาณของนางออกมา ขณะที่คว้าเส้นผมเอาไว้ก็เหวี่ยงลงไปบนพื้นด้วย
โครม เสียงดังลั่น
เป็นเติ้งสือเหนียงที่ถูกโยนออกมา “!”
***************