ตอนที่ 215 ศิษย์เนรคุณ นางไม่มีอะไรดี
ฉินหลิวซีเป็นคนในลัทธิเต๋า ทว่ากลับแตกต่างไปจากนักพรตเต๋าในลัทธิเต๋า นางไม่ลงมือตามขั้นตอน นางปากร้าย แต่เป็นคนปกป้องคนอื่นได้
สำหรับฉินหลิวซีแล้ว นางด่าได้ทุกคน ตอบโต้กลับได้ นางรังแกได้ แต่คนอื่นจะมารังแกไม่ได้ ผีก็ไม่ได้
หากรังแกแล้ว เช่นนั้นก็ต้องเป็นไปตามกฎของนาง จะได้จดจำเอาไว้นานแสนนาน
อย่างเช่นผีแก่สิงร่างตนหนึ่ง เจ้าอาวาสชิงหลานใช้วิธีการประนีประนอม ได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่กล้าลงมือรุนแรง สำหรับฉินหลิวซีนั้นไม่มีทางประนีประนอมแน่นอนอยู่แล้ว
เพียงเห็นว่าตาเฒ่าบ้านตนมีบาดแผล ใบหน้าชรามีรอยแผลหลายรอย ฉินหลิวซีก็ไม่สนใจแล้ว
เป็นเพียงผีแก่ กล้ามาหยามนางเพียงนี้เลยหรือ
ฉินหลิวซีมาถึงก็ลากวิญญาณของเติ้งสือเหนียงออกมาในทันที ระบายอารมณ์ไปหนึ่งรอบ
ไม่ผิดที่จะระบายอารมณ์สักหน่อย
แค่หยาบคายเล็กน้อย
นางหยุมศีรษะของเติ้งสือเหนียงเอาไว้แน่นพร้อมเขวี้ยงลงบนพื้นทุบตีไปหนักๆ น่าสงสารเติ้งสือเหนียงยังไม่ทันตั้งสติได้ถูกจับกระแทกไปหลายครั้ง เห็นดาวไปหลายดวง และนี่ยังไม่จบ
ฉินหลิวซีจับนางกดลงกับพื้น กระชากลากถู จากนั้นแยกมือแยกเท้าของนางออกจากกัน แยกพลางเอ่ยไปด้วยว่า “ใบหน้าตาเฒ่ามีสี่รอย พอดี”
หลังจากฉีกทึ้งมือและเท้าของนาง จากนั้นก็จรดนิ้วตวัดมือใช้เคล็ดวิชา จุดไฟกรรมขึ้นมาปลายนิ้ว เกิดเสียงไฟเผาขึ้นมา
ทุกคน “!”
เหอหมิงตัวสั่นเทา รีบคลานมาอยู่ด้านหลังอาจารย์ปู่ของตน ใบหน้าซีดขาวมองฉินหลิวซีที่กำลังสั่งสอนผีแก่
อาจารย์อาปู้ฉิว อารมณ์รุนแรงยิ่งนัก
ผีแก่ตัวนี้ช่างน่าสงสาร แม้แต่จะกรีดร้องยังกรีดร้องออกมาไม่ได้
เจ้าอาวาสชิงหลานเองก็งุนงง ขยับไปนั่งยองๆ ด้านข้างสหาย นั่งมองก่อนจะเอ่ย “นางเป็นแบบนี้หรือ”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนหยิบเนื้อแห้งออกมาจากแขนเสื้อหนึ่งชิ้น ยัดเข้าปาก เอ่ย “ลงมือได้ไม่คิดหลีกหนี สัจจะของศิษย์เนรคุณ ไม่ยอมรับคำต่อต้าน”
เจ้าอาวาสชิงหลานอ้าปาก เอ่ยออกมาได้หนึ่งประโยค “เจ้าสอนเช่นนี้หรือ”
ชื่อหยวนปรายตามองเขาเล็กน้อย “เจ้าดูแล้วคิดว่าข้าสอนได้หรือ”
ตุ๊กตาของเขานั้นเติบโตมาอย่างอิสระ
เจ้าอาวาสชิงหลานพูดไม่ออกแล้ว
ผีแก่ถูกฉีกทึ้งจนเหลือเพียงศีรษะ ในที่สุดก็ส่งเสียงออกมาได้ “นักพรตเฒ่าสองคนนั้น ข้าไม่ขัดขืนแล้ว รีบมาปล่อยข้า”
อย่าให้เจ้าแรงเยอะผู้นี้จัดการ นางรับไม่ไหว
นางเองก็เป็นผีแก่ร้อยปี เมื่อก่อนทำได้เพียงรังแกและกลืนกินผีเด็ก เสียงสัญญาณเมื่อครู่นางเรียกผู้ชายมาหลายตน เพียงแต่พวกเขายังไม่ทันได้มาช่วย ก็มองเห็นแล้วว่าเติ้งสือเหนียงโดนทุบตี ทั้งยังถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ ผีแต่ละตนกลัวตนเองไปเกิดแล้วขาดเท้า จึงรีบหนีไปโดยไว
รีบหนี มีนักพรตบ้าปรากฏตัวขึ้นแล้ว
ด้านข้าง ซือเหลิ่งเย่ว์เองก็ยืนอึ้งมองฉินหลิวซีจัดการผีแก่ตนนั้นอยู่ด้านข้าง
นี่ แม่นางผู้นี้ ต่อสู้เก่งจริงๆ
“นางจะตีให้ตายเลยหรือ ไม่มีวิธีอื่นหรือ” เจ้าอาวาสชิงหลานได้ยินเสียงกรีดร้องของผีแก่ เอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกัดชิ้นเนื้อแห้ง เอ่ย “นอกจากต่อยตี เขียนยันต์ได้ดี วิชาการแพทย์ไม่เลว มีความเป็นเต๋า นอกนั้นก็นับว่าไม่มีอะไรดีแล้ว”
เจ้าอาวาสชิงหลานเหลือบตามองเขาช้าๆ แลกเปลี่ยนศิษย์กันหรือไม่ เขาก็ต้องการลูกศิษย์อารมณ์ร้ายที่ไม่มีข้อดีเยี่ยงนี้เช่นกัน
นักพรตชื่อหยวนเบนหน้าหลีกหนีจากสายตาของสหาย หันหลังให้ เปลี่ยนนั้นเปลี่ยนไม่ได้ ลูกศิษย์เป็นของเขาเท่านั้น
ขี้งก
เจ้าอาวาสชิงหลานหัวเราะ มองฉินหลิวซีที่ยังคงฉีกทึ้งผีแก่ จึงเอ่ย “เอ่อ ปู้ฉิวน้อย บำเพ็ญตบะไม่ง่าย ให้นาง…”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“ให้ปล่อยนางไปหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อจนจบประโยค ปล่อยนั้นปล่อยไปได้ ตบหน้าตาเฒ่าบ้านของนาง ก็ต้องเอาใบหน้าของอีกฝ่ายด้วย
กึก
เจ้าอาวาสชิงหลานอยากเอ่ยว่าไว้ชีวิตนางเถิดแต่เจ้าเด็กน้อยกลับหัวเราะ เอ่ย “ได้ เห็นแก่เจ้าอาวาสชิงหลาน ข้าจะให้ความสุขนางสักหน่อย”
ฉินหลิวซีไม่รอให้เจ้าอาวาสชิงหลานเอ่ยสิ่งใดอีก ดีดไฟกรรมไปที่ร่างน่าเวทนาของผีแก่ ไฟโหมลุกไหม้ขึ้นมา
เติ้งสือเหนียงสูญสลายไปต่อหน้าต่อตา มีริ้วความสุขเกิดขึ้นมา เฮ้อ ในที่สุดก็หลุดพ้นแล้ว
และยามนี้ยังมีผีน้อยที่มีความกล้าหมอบอยู่รอบๆ เมื่อมองเห็นภาพนี้ วิญญาณก็จางลงไปหลายส่วน จดจำใบหน้าของฉินหลิวซีเอาไว้ให้แม่น จากนั้นก็ลอยหนีไปด้วยความหวาดกลัว
น่ากลัว น่ากลัวเกินไปแล้ว ต้องจดจำใบหน้านี้เอาไว้ให้แม่น มิเช่นนั้นหากไปล่วงเกินนางเข้า ก็เป็นตนเองที่ต้องดับสูญ น่าอนาจยิ่งแล้ว
เมื่อจบเรื่องลงแล้ว ฉินหลิวซีก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านักพรตเฒ่าชื่อหยวน มองลงมาด้วยรอยยิ้มเย็น “ดูสิ่งที่ท่านทำเสียสิ ขโมยเงินน้ำมันตะเกียงของอารามมา ต้องกินดีมีสุขถึงจะถูกสิ ไยจึงมาถูกผีตีเล่า น่าขายหน้าอารามชิงผิงเสียจริง”
ฟังสิ นี่คือน้ำเสียงที่ใช้กับผู้ใหญ่หรือ
เจ้าอาวาสชิงหลานมองสหายรักด้วยความเห็นใจ ความจริงลูกศิษย์ที่ไร้ข้อดีผู้นี้ บางทีก็น่าโมโหใช่หรือไม่
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกระโดดลุกขึ้นมา ส่งเสียงโอ้ยเบาๆ เท้าชาแล้ว เกือบล้มแล้ว
ฉินหลิวซีรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ สายตาตื่นตกใจ สองนิ้วกดชีพจรของเขา เอ่ย “นอกจากใบหน้าแล้ว ถูกนางทำร้ายที่ใดหรือไม่”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนตกใจเล็กน้อย รีบสะบัดนิ้วมือตรวจชีพจรนางออก กระแอมไอเบาๆ เอ่ย “ไม่มีหรอก นางยังไม่ทันได้ทำ เจ้าก็มาแล้ว” รีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “อีกทั้ง อาจารย์เอาเงินน้ำมาตะเกียงอารามมา แต่ก็สร้างบุญกุศลมาตลอดทาง ไหนเลยจะอยู่สุขสบายอย่างที่เจ้าว่า”
ฉินหลิวซีส่งเสียงหยัน กำลังจะเอ่ยปาก ด้านหลังพลันมีเสียงร้องไห้ขึ้นมา นางตกใจเล็กน้อยโนเวลพีดีเอฟ
“เย่ว์เอ๋อร์ เย่ว์เอ๋อร์ของพ่อ สวรรค์ ทำเยี่ยงไรดี” ซือถูเบี่ยงตัวหลบจากบ่าวรับใช้ซวนเซเข้ามา วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าซือเหลิ่งเย่ว์ที่นอนไร้ลมหายใจอยู่บนพื้น อุ้มนางขึ้นมาพลางร้องห่มร้องไห้
เมื่อเข้ามาในจวนตระกูลซือ มาอยู่ตรงหน้าร่างของตน ความทรงจำของซือเหลิ่งเย่ว์ค่อยๆ กลับมาแล้ว มองเห็นภาพตรงหน้า รู้สึกปวดหัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
บิดาของนางเป็นคนดี เพียงชอบร้องไห้ไปบ้าง
“แม่นางฉิน…”
ฉินหลิวซีตบหน้าผาก เอ่ย “ข้าลืมเจ้าอีกแล้ว ในเมื่อกลับมาแล้วก็รีบกลับเข้าร่างเถิด ออกจากร่างมานานไปไม่ใช่เรื่องดี”
ซือเหลิ่งเย่ว์พยักหน้า คารวะนางแล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าร่างกายจากนั้นก็พุ่งลงไป วิญญาณเข้าสู่ร่างกาย แรกเริ่มไม่อาจรวมร่างได้ ฉินหลิวซีท่องคาถาคุ้มวิญญาณ แล้วจรดปลายนิ้วตวัดมือดีดออกไป
ซือเหลิ่งเย่ว์สงบแล้ว
เจ้าอาวาสชิงหลานเห็นว่าดูคุ้นตาแล้วก็มองไปยังนักพรตเฒ่าชื่อหยวน ไร้ข้อดี เหอะๆ
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเชิดปลายคาง ใบหน้าภาคภูมิใจ ศิษย์เนรคุณนี้เป็นของเขา
ซือถูยังคงร้องไห้ ฉินหลิวซีฟังจนปวดศีรษะ เอ่ย “เลิกร้องได้แล้ว ลูกสาวท่านฟื้นแล้ว”
พอดีกับคำพูดของนาง ขนตาของซือเหลิ่งเย่ว์ที่นอนอยู่บนพื้นก็ขยับเบาๆ นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เสียงแหบแห้ง “ท่านพ่อ ไม่ต้องร้องไห้แล้วเจ้าค่ะ”
ซือถูสะอึกสะอื้น ดีใจขึ้นมา กอดนางเอาไว้ทั้งหัวเราะทั้งเอ่ย “เย่ว์เอ๋อร์ เย่ว์เอ๋อร์เจ้ากลับมาแล้ว”
“เจ้าค่ะ” ซือเหลิ่งเย่ว์ลุกขึ้นนั่ง กำลังอยากเอ่ยสิ่งใด แต่รู้สึกเจ็บปวดที่ท้อง ราวกับยัดของมากมายลงไป ทรมานยิ่งนัก หันไปอาเจียนออกมา
สิ่งสกปรกที่มีกลิ่นฉุน ซือเหลิ่งเย่ว์หลุบตาลง รู้สึกกระดากอายเล็กน้อย คิดในใจว่าเป็นเช่นนี้ไม่ฟื้นมาคงดีกว่า
***************