ตอนที่ 223 อนุวั่น ปลาในบ่อเช่นข้าขมขื่นยิ่งนัก
เมื่อกลับมาถึงเรือนทั้งยังมีเรื่องอยู่ในใจ ฉินหลิวซีและอนุวั่นสองแม่ลูกกำลังจ้องตากันเขม็ง นางจึงเลิกคิ้วพร้อมกระแอมไอขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
อนุวั่นมองเห็นนาง ก็สะบัดมือบุตรชายออกวิ่งเข้ามาหานาง ทำความเคารพหนึ่งครั้ง เอ่ย “นายหญิง ท่านรีบจัดการนางด้วยเจ้าค่ะ”
สะใภ้หวังเอ่ย “อะไรกันหรือ”
อนุวั่นแสดงสีหน้าหวาดกลัวราวกับเห็นผี เอ่ย “นางจะให้ข้าเรียนเขียนอักษรไปพร้อมกับฉุนเอ๋อร์เจ้าค่ะ นายหญิง ท่านก็รู้ว่าข้า ตัวข้านี้นั้น นอกจากความงามก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
สะใภ้หวังถอนหายใจเล็กน้อย
เจ้าช่างรู้ตนเองดียิ่งนักแต่ก็ไม่ต้องเอ่ยออกมาเช่นนี้กระมัง รู้ว่าตนเองความสามารถต่ำต้อย แต่อย่าเอ่ยออกมาราวกับภาคภูมิใจได้หรือไม่
อนุวั่นกลัวว่านางจะมองไม่เห็น ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เอ่ย “ท่านก็เคยบอก ข้ามีเพียงใบหน้าที่พอยกย่องได้”
สะใภ้หวัง “…”
ข้าเคยเอ่ยตั้งแต่เมื่อใดกัน
ฉินหลิวซีเดินเข้ามา เอ่ย “ว่างทั้งวัน ไม่เรียนหนังสือแล้วจะทำอะไร สิ่งที่เรียนมาก็เป็นของท่าน ผู้ใดก็เอาไปจากท่านมิได้ พอดีเจ้าห้าก็กำลังฝึกจดจำตัวอักษร พวกท่านทั้งสองช่วยเหลือกัน ฝึกไปด้วยกัน จะมีกำลังเรียนได้ดีขึ้น”
อนุวั่น ไม่ ข้าไม่เอา
“ซีเอ๋อร์ ไยจึงนึกอยากให้ท่านแม่ของเจ้าเรียนหนังสือแล้วเล่า” สะใภ้หวังมองดวงตาอ้อนวอนขอร้องของอนุวั่น ท่าทางน่าสงสารทำให้รู้สึกขบขันอยู่ในใจ
ฉินหลิวซีเอ่ย “นางบอกนางไม่รู้หนังสือแม้เพียงตัวเดียว บัญชีก็ดูไม่เป็น เช่นนั้นคำนวณก็คงทำไม่เป็นกระมัง ต่อไปจะไม่ถูกคนหลอกเอาได้อย่างไร”
“ข้าคิดบัญชีเป็นเล็กน้อย” อนุวั่นแก้ตัว “อีกทั้ง ข้ายังพอเป็นสาวใช้ผู้ติดตามได้”
“ตอนนี้ท่านมีใครให้ติดตามหรือ”
อนุวั่นสะอึก เอ่ย “เช่นนั้นข้าก็จะไม่ออกไปข้างนอก เพียงไม่ออกจากเรือน ก็ไม่มีผู้ใดมาหลอกข้าได้แล้ว”
ทุกคน “!”
วาจานี้ฟังแล้วมีเหตุผล ไม่อาจโต้ตอบได้
“อาศัยคนอื่นมิสู้อาศัยตนเอง ตนเองทำได้ แข็งแกร่งกว่าสิ่งใด ท่านเอาแต่พึ่งพาผู้อื่นทุกเรื่อง ท่านจะทำอย่างไร” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นอีก
อนุวั่นเอ่ยขึ้นโดยไม่คิด “ได้อย่างไร ข้าเป็นอนุภรรยา เบื้องหน้าข้ายังมีนายหญิงที่คอยดูแล”
“หากนายหญิงรำคาญท่านแล้วขายท่านออกไปเล่า”
อนุวั่นมองไปยังสะใภ้หวังด้วยท่าทางหวาดกลัว ท่านจะใจร้ายเพียงนี้เลยหรือ
คิ้วเรียวสะใภ้หวังเลิกขึ้น ข้าไม่เคยคิดมาก่อน
“นายหญิงไม่ใช่คนเช่นนั้น” อนุวั่นเอ่ยตะกุกตะกัก
ฉินหลิวซียิ้มหยัน “ต่อให้นายหญิงไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น แต่ถ้าเป็นใต้เท้าฉิน อ้อ ก็คือท่านพ่อของพวกเราผู้นั้น หากเขาทิ้งท่านเล่า ท่านยังจะมีที่พึ่งอยู่หรือไม่”
อนุวั่นใกล้จะร้องไห้แล้ว ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานจึงเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค “เช่นนั้น ข้าหาพ่อเลี้ยงให้พวกเจ้าดีหรือไม่”
นางงดงามเพียงนี้ รูปร่างก็ดี แต่งงานใหม่อีกครั้งก็คงเป็นไปได้กระมัง
ฉินหลิวซี “!”
ดังนั้นความรักที่ท่านมีให้ใต้เท้าฉินก็คงเป็นเพียงเส้นแสงกระมัง
ฉินหมิงฉุนนิ่งงัน พ่อเลี้ยงหรือ
สะใภ้หวังคิดว่าบทสนทนานี้หากดำเนินต่อไปก็ยิ่งไม่มีเหตุผล จึงกระแอมไอขึ้นมาหนักๆ จ้องอนุวั่นเขม็ง เอ่ย “อย่าได้เอ่ยเหลวไหล ตอนนี้นายหญิงผู้เฒ่าอารมณ์ไม่ดี ถ้านางได้ยินเข้า กลัวว่าจะลงโทษเจ้าสวดมนต์หมื่นรอบ”
อนุวั่นตัวสั่น ยิ่งน่าสงสารมากขึ้น
นางไม่ได้อยากเอ่ย เป็นฉินหลิวซีที่บีบบังคับนาง
“ในเมื่อซีเอ๋อร์ให้เจ้าเรียนด้วย เช่นนั้นก็เรียนสักหน่อยก็ดี เอาแบบนี้ เรียนวันละห้าตัว เรียนไปด้วยเขียนไปด้วย เรียนทีละนิดจะได้มากขึ้นไปเอง” สะใภ้หวังตัดสินใจ
อนุวั่นยังอยากต่อต้าน ฉินหลิวซีปรายตาเย็นเยียบมามองนาง “ห้าตัวน้อยเกินไป สิบตัว…”
“ห้าตัว ข้าจะเรียนทุกวัน” อนุวั่นรีบเอ่ยตอบ อย่างมากก็ให้ฉุนเอ๋อร์ช่วยนางเขียน ฮี่ๆ นางฉลาดสุดๆ
ฉินหลิวซีจึงพึงพอใจ หันไปออกคำสั่งกับฉินหมิงฉุน “จับตาดูนางเอาไว้ ห้ามคัดลอกให้ ถ้าข้าจับได้ จะลงโทษเจ้าคัดหนึ่งร้อยตัว”
ฉินหมิงฉุนรับปากแข็งขัน รีบเอ่ย “ข้าไม่มีทางคัดให้แน่นอนขอรับ”
ท่านแม่ ลูกช่วยไม่ได้จริงๆ
ใบหน้าของอนุวั่นซีดขาว เรื่องราวจะเป็นแบบนี้จริงๆ หรือ
“พวกเจ้าไปเรียนเถิด” สะใภ้หวังให้ทั้งสองกลับเรือนไปเรียน ก่อนจะจูงมือฉินหลิวซีแล้วพาเดินกลับไปที่ห้อง
เมื่อนั่งลงหันหน้าเข้าหากันบนเตียงยาว สะใภ้หวังจึงเอ่ย “ไยเจ้าต้องบังคับท่านแม่เจ้าเล่า”
“พึ่งพาแต่คนอื่นไม่พึ่งพาตนเอง นางมีเพียงความงาม มีคนคอยปกป้องก็ช่างเถิด หากไม่มี ให้คนกินหัวได้จนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว รู้หนังสือเล็กน้อย อย่างไรก็ต้องดีบ้าง” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ
สะใภ้หวังคิดในใจ หลังจากนี้เกรงว่าเจ้าคงท้อที่จะให้นางเรียนหนังสือ แต่อย่างไรตนเองก็ไม่ได้มาสอน
นางไม่เอ่ยวาจานี้ออกมา เพียงถาม “เจ้ามาได้อย่างไร”
“สร้างเรื่องที่เรือนนายหญิงผู้เฒ่าแล้ว แน่นอนว่ามาฟังท่านสั่งสอนเจ้าค่ะ”
สะใภ้หวังหัวเราะออกมา ตั้งใจเอ่ย “ทำไมหรือ ข้าบอกเจ้าจะฟังหรือ”
ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้นมา “ต้องฟังว่าอะไร ข้าจะเลือกเองเจ้าค่ะ”
“เจ้านี่นะ” สะใภ้หวังถอนหายใจ เอ่ย “ท่านย่าของเจ้า เจ้าก็อย่าได้เผชิญหน้าให้มากนัก อย่างไรนางก็เป็นย่าของเจ้า บีบบังคับเกินไปก็ไม่ดี สำหรับเจ้ามิได้มีประโยชน์ เจ้าเองก็เอ่ยถึงเวรกรรมใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
“นางเองก็เอ่ยปากแล้ว ให้อาสะใภ้ของเจ้าจัดการคนเหล่านั้น ข้าว่าต่อไปพวกเขาคงไม่กล้ามายุ่งกับเจ้านัก เจ้าก็สงบเสงี่ยมสักหน่อย เจ้าอาศัยอยู่คนเดียวจนเคยชินแล้ว เผชิญหน้ากับครอบครัวใหญ่ขึ้นมา คงยากจะเป็นตัวของตนเองได้ อีกทั้งคงไม่เคยชิน ลำบากเจ้าแล้ว”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ท่านไม่โทษข้าที่แสดงอำนาจข่มขู่พวกเขาหรือเจ้าคะ”
สะใภ้หวังเอ่ย “เจ้าเป็นพี่สาวคนโต ใช้อำนาจสักหน่อยก็ไม่เป็นไร สามารถเอาน้องชายน้องสาวอยู่หมัด นั่นคือความสามารถของเจ้า สามารถควบคุมพวกเขาได้ บอกให้พวกเขารู้จักถูกผิดจะได้ทำพลาดน้อยลง บ้านก็จะได้สงบสุข หากให้พวกเขาได้เติบโตเพราะเรื่องนี้ รู้จักเข้าหาและหลีกเลี่ยงเจ้า นั่นก็ยิ่งดี”
ฉินหลิวซีหลุบตาลงไม่เอ่ยวาจา
สะใภ้หวังเห็นนางเป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้บีบบังคับ เอ่ย “ในเมื่อท่านย่าของเจ้าเอ่ยปากแล้ว เจ้าก็ทำอย่างที่ว่าเถิด ไม่ต้องไปคารวะเช้าเย็นในทุกวัน เพียงวันที่สิบห้าของเดือนก็พอแล้ว อย่างน้อยคนอื่น พวกเขาไม่หาเรื่อง เจ้าก็ไม่ต้องสนใจพวกเขาก็พอแล้ว คนที่ไม่สนิท แน่นอนว่าไม่อาจลงรอยกันได้ ทุกคนจะค่อยๆ เข้าใจหลักการนี้เอง”
“เจ้าค่ะ” ฉินหลิวซีพึงพอใจกับเรื่องนี้ยิ่งนัก
สะใภ้หวังไม่เอ่ยเรื่องนี้อีก เพียงบอกว่าคนจากบ้านท่านยายเองมาอยู่หลายวันแล้ว พรุ่งนี้ก็จะถึงเวลากลับไป ถึงตอนนั้นนางเองก็คงยุ่งเรื่องจัดการร้านค้า
“เดี๋ยวค่ำสักหน่อย ข้าจะให้ฉีหวงนำของมาให้ นำกลับไปให้ท่านยายเจ้าค่ะ” ฉินหลิวซีเอ่ย
รอยยิ้มของสะใภ้หวังกว้างขึ้น พยักหน้าตอบรับ
เรือนตะวันออก
อนุวั่นปิดประตู ถามบุตรชายว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น อยู่ดีๆ ฉินหลิวซีจึงมาบอกให้นางเล่าเรียน คงจะต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน
ฉินหมิงฉุนเป็นเด็กซื่อๆ จึงเอ่ยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเรือนของนางฉินผู้เฒ่าอย่างไม่ปิดบัง
สีหน้าของอนุวั่นพลันเปลี่ยน สองมือตบเข้าหากัน เอ่ยเสียงแหลม “ข้าว่าแล้ว นางจะต้องหงุดหงิดจากที่นั่น คนบ้านรองไยจึงเป็นเช่นนี้ อยู่ดีๆ ไปหาเรื่องนางทำไมกัน ทำให้นางหงุดหงิดแล้วนางก็กลับมาบังคับให้ข้าเรียนหนังสือกับเจ้า สวรรค์ เจ้าพวกบ้าบ้านรองนี่ รู้จักแต่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ปลาในบ่ออะไรนั่น เป็นข้านี่แหละหนา โอ้ย ชีวิตของข้าช่างขมขื่นนัก”
ฉินหมิงฉุน “…”
อนุวั่นด่าทอ เอ่ยเสียงจริงจัง “ลูกชาย เจ้าต้องระวังเอาไว้นะ อย่าทำให้พี่หญิงใหญ่ของเจ้าไม่พอใจ บ้านรองทำนางไม่พอใจนางยังมาให้อนุอย่างข้ามาเรียนหนังสือกับเจ้า เจ้าผู้เป็นน้องชายทำนางไม่พอใจ นางก็ยิ่งจะหงุดหงิด จะไม่ให้ข้าไปสอบเลยหรือ นั่นถึงกับเอาชีวิตข้าเชียวนะ”
ฉินหมิงฉุน “!”
ท่านคิดมากเกินไปแล้วล่ะ