คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 224 มอบของขวัญเกินพอดีก็ไม่ดี ตอนที่ 225

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 224 มอบของขวัญเกินพอดีก็ไม่ดี / ตอนที่ 225 หลิวซีตอบแทนด้วยของขวัญชิ้นโต

ตอนที่ 224 มอบของขวัญเกินพอดีก็ไม่ดี

แม้จะรู้สึกหงุดหงิดมาจากนายหญิงผู้เฒ่าฉิน แต่อย่างน้อยก็ได้เอ่ยปากออกไปหมดแล้ว ยังไม่ต้องไปคารวะทุกเช้าเย็นแบบนั้นอีกแล้ว ฉินหลิวซีพึงพอใจยิ่งนัก เดิมทีนางก็เบื่อหน่ายเรื่องเหล่านี้ ตอนนี้ไม่ต้องเสแสร้งทุกวัน ไม่ต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายเหล่านั้นทุกวัน นางมีความสุขเป็นอย่างมาก

ความพึงพอใจนี้ยังคงอยู่จนกระทั่งนางกลับไปยังเรือนก็ยังฮัมเพลงอยู่

ฉีหวงเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “คนอื่นเถียงกับผู้อาวุโส ซ้ำยังถูกผู้อาวุโสตำหนิคงจะรู้สึกกลัวไม่ไหว ท่านกลับมีความสุขนะเจ้าคะ”

“ข้าต้องชอบแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ต้องเฝ้าปฏิบัติตามธรรมเนียมโบราณเหล่านั้น คนไม่ดีเช่นข้าทำได้คุ้มมาก”

“ท่านยังต้องระวังหน่อยนะเจ้าคะ อย่างไรนายหญิงผู้เฒ่าก็อายุมากแล้วกระดูกกระเดี้ยวแย่ลง หากโมโหจนเกิดเรื่องขึ้นมา กรรมนี้ท่านไม่อยากรับแต่ก็คงตกมาอยู่ที่หัวของท่านแน่แล้ว” ฉีหวงเอ่ยเตือน

นางไม่ได้เป็นห่วงหรือสนใจนางฉินผู้เฒ่า แต่กังวลว่าเจ้านายของตนจะต้องมารับกรรมนั้น แม้ฉินหลิวซีจะรักษานางฉินผู้เฒ่าได้ แต่ปัญหาหากไม่จำเป็นต้องเกิดก็ไม่ต้องให้มันเกิด

“เจ้าวางใจ คุณหนูของเจ้ารู้ขอบเขตดี” ฉินหลิวซีเอ่ย “พวกเราไปห้องยา บ่าวรับใช้เรือนนายหญิงจะกลับบ้านแล้ว ข้าปรุงยาสองชนิดเอาให้นางนำกลับไปให้ท่านยาย ข้าเห็นสีหน้าของนายหญิง ดูมีรอยหมองคล้ำตรงตำแหน่งท่านตาท่านยาย เกรงว่าคงมีอาการป่วย”

“ท่านช่างดีกับคนบ้านของนายหญิงจังเลยเจ้าค่ะ”

“นางก็ปกป้องข้า ความสัมพันธ์นี้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”

ฉีหวงยิ้ม ก็จริง คนที่มาจากในเมือง คนที่ปกติที่สุดก็คือนายหญิงใหญ่ เมื่อเทียบกับนายหญิงคนอื่นๆ บุตรชายเพียงคนเดียวของนายหญิงใหญ่ยังอยู่ที่พื้นที่แห้งแล้งทางตะวันตกอยู่แต่นางกลับไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา สมแล้วที่เป็นภรรยาเอก มารดาของจวน ทั้งมั่นคงและมีความรับผิดชอบ

ฉินหลิวซีพานางเข้าไปในห้องเก็บสมุนไพร เดินเข้าไปในห้องเก็บยา หยิบยาบำรุงกำลังออกมาหนึ่งขวด และหยิบยาสงบใจเคลือบน้ำผึ้งออกมาอีกหนึ่งขวด ใส่ไว้ในกล่องเล็กๆ

สองอย่างนี้มีค่ายิ่งนัก โดยเฉพาะยาสงบใจ เป็นยาที่เหมาะกับคนแก่ ต่อให้คนแก่ไม่ได้ใช้ ก็ยังใช้ช่วยชีวิตคนได้ อย่างน้อยก็ช่วยด้ยืดลมหายใจต่อไปได้อีก

นอกจากนี้ นางยังหยิบอวี้เสวี่ยจีออกมาอีกหนึ่งขวด

ฉีหวงห้ามนาง เอ่ย “สองอย่างนั้นก็แพงมากแล้วนะเจ้าคะ อวี้เสวี่ยจีคงไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ อีกฝ่ายก็เป็นคนแก่อายุมากแล้ว คงไม่ได้ใช้”

“เป็นสตรี ไหนเลยจะไม่ได้ใช้ ทำไมหรือ เจ้าเสียดายหรือ” ฉินหลิวซีหัวเราะ “หากเจ้าอยากใช้ ของที่นี่เจ้าใช้ได้ตามสบาย”

ฉีหวงมองขวดแก้วมากมายบนชั้น มีของเหลวใสสะอาดอันล้ำค่าอยู่ด้านใน ด้านนอกต่างแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ที่นี่กลับมีอยู่มากมาย

หากขโมยมาเจอ รับรองได้ว่าจะร่ำรวยกลับไปอย่างแน่นอน

“ไม่ใช่ข้าเสียดายเจ้าค่ะ ยาสองชนิดนี้ก็มีค่ามากพอแล้ว หากเอาสิ่งนี้เข้าไปอีก คงจะมากเกินไป” ฉีหวงเอ่ย “ท่านและคนที่บ้านนายหญิงใหญ่ เดิมก็ไม่เคยพบหน้า หากเห็นแก่นายหญิงจึงมอบของล้ำค่าให้เช่นนี้ บวกกับสิ่งนี้อีก ข้ากลัวว่าจะทำพวกเขามีความโลภ”

ฉินหลิวซีนิ่งเงียบ

“คุณหนู ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนนายหญิง ต่อให้ท่านยายผู้นั้นของท่านก็เป็นคนดี แต่ตระกูลหวังนั่น ทุกคนจะดีไปหมดเลยหรือ บางอย่างก็ทนต่อการทดสอบไม่ได้ใช่หรือไม่”

“เจ้าเอ่ยมาก็มีเหตุผล เพราะข้าคิดไม่ถึง” ฉินหลิวซีวางอวี้เสวี่ยจีกลับเข้าชั้น “จิตใจคนยากที่จะเติมเต็ม ความโลภยากที่จะหยุดยั้ง ข้าคิดน้อยไปเอง”

ฉีหวงวางขวดแก้วให้เข้าที่ เอ่ย “ท่านมิได้คิดน้อยเจ้าค่ะ เพราะท่านไม่ได้เก็บยาเหล่านี้มาใส่ใจ”

ในสายตาคนอื่นนั้นมีค่ายิ่ง แต่ในสายตาของนาง ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง เพราะของเหล่านี้เพียงมีวัตถุดิบนางก็ทำออกมาได้แล้ว ขอเพียงแค่ว่านางจะยอมลงมือทำหรือไม่ และเพราะเหตุนี้จึงได้หยิบได้อย่างใจกว้าง มอบให้โดยไม่คิดอะไร

ตอนที่ 225 หลิวซีตอบแทนด้วยของขวัญชิ้นโต

ฉินหลิวซีฟังคำของฉีหวง จึงไม่ได้ดึงดันที่จะหยิบอวี้เสวี่ยจีไปอีก ส่งยาที่หยิบมาแล้วยื่นให้นางถือเอาไว้ มาถึงชั้นเก็บสมุนไพรหายาก มองดูกล่องที่อยู่บนสุดไม่กี่กล่อง เม้มริมฝีปาก ยังเหลือสมุนไพรที่ขาดอยู่ไม่กี่อย่าง นางต้องรีบหามาให้ได้แล้ว

กลับมาถึงห้อง ฉินหลิวซีก็หยิบยันต์อยู่เย็นเป็นสุขขึ้นมาหลายแผ่น กำชับไม่กี่ประโยคจากนั้นก็ยื่นให้ฉีหวงนำติดตัวไปด้วย หนึ่งในนั้น มอบให้บ่าวรับใช้จังเฉวียนจยาผู้นั้น

ฉีหวงอยู่ดูแลจนกระทั่งนางกลับห้องนอนไป จัดของตามที่ได้รับมอบหมายเสร็จ จัดเก็บให้เรียบร้อยแล้วส่งไปยังเรือนใหญ่

บังเอิญว่าสะใภ้หวังกำลังพูดคุยกับจังเฉวียนจยา เมื่อนางเห็นฉีหวงมาจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูเจ้ามีอะไรหรือ”

ฉีหวงคารวะ เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินว่าจังมามากำลังจะไป คุณหนูให้บ่าวนำของขวัญมามอบให้เจ้าค่ะ”

สะใภ้หวังเลิกคิ้ว

ฉีหวงนำห่อผ้าในมือยื่นไปตรงหน้า เปิดกล่องหนึ่งกล่องออก หยิบยันต์อยู่เย็นเป็นสุขขึ้นมาหนึ่งแผ่นยื่นให้จังเฉวียนจยาด้วยสองมือ เอ่ย “คิดว่าท่านคงจะรู้ คุณหนูของข้าเป็นคนลัทธิเต๋า เป็นลูกศิษย์ของอารามชิงผิง ยันต์ที่นางวาดขลังยิ่งนัก นี่คือยันต์อยู่เย็นเป็นสุข คุณหนูมอบให้ท่าน ขอให้ท่านอยู่เย็นเป็นสุข ครอบครัวสุขสมบูรณ์”

จังเฉวียนจยารู้สึกตกใจขึ้นมาที่ได้รับความใส่ใจ ลุกขึ้นมา สองมือเช็ดกับข้างกาย เอ่ยซ้ำๆ “ได้อย่างไรกันเจ้าคะ คุณหนูใหญ่ให้เกียรติบ่าวเกินไปแล้ว”

นางมองไปทางสะใภ้หวัง ทำตัวไม่ถูก

เอ่ยตามตรง นางมาไม่กี่วันนี้ จำนวนครั้งที่เจอกับฉินหลิวซี นิ้วมือห้านิ้วยังคงนับได้ คุณหนูใหญ่ผู้นี้ดูยุ่งมาก ตัวนางเองไม่ได้คาดหวังให้อีกฝ่ายมาถูกชะตาตนที่เป็นบ่าวรับใช้

แต่ไม่คาดคิดว่าก่อนจะไปฉินหลิวซียังมอบยันต์อยู่เย็นเป็นสุขให้นางด้วยหนึ่งแผ่น

แม้จะเป็นเพียงยันต์แผ่นเดียว แต่เป็นของขวัญจากเจ้านาย นับว่าเป็นการให้เกียรตินางแล้ว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าตนเจอหน้ากับอีกฝ่ายแทบนับครั้งได้ ไม่ได้ต่างไปจากคนแปลกหน้า แต่อีกฝ่ายกลับมีน้ำใจกับนาง

สะใภ้หวังเอ่ย “เจ้าเด็กคนนี้มีความตั้งใจนี้ เจ้าก็รับไปเถิด ต่อไปเจ้าดีแล้วก็นึกถึงความดีของนางบ้างก็พอ ช่วยสักการะอารามต่างๆ ในเมืองแทนนางบ้างก็พอ”

“โอ้ ได้เลยเจ้าค่ะ” จังเฉวียนจยารับยันต์อยู่เย็นเป็นสุขมาด้วยสองมือ คารวะฉีหวง “ก่อนจะไปจากจวน ข้าจะไปคารวะคุณหนูใหญ่อย่างแน่นอน”

ฉีหวงยิ้ม จากนั้นจึงเปิดกล่องที่มียันต์อยู่เย็นเป็นสุขหลายหลายแผ่นออกให้พวกนางดู เป็นของที่มอบให้นางหวังผู้เฒ่าทั้งนั้น

จากนั้นหยิบยาบำรุงออกมาให้สะใภ้หวังดู เอ่ย “คุณหนูบอกว่านายหญิงมีจุดจันทรา[1]หมองหม่น คิดว่าคงเพราะนายหญิงผู้เฒ่าหวังมีอาการป่วย ยาบำรุงนี้ เอาไว้ให้นายหญิงผู้เฒ่าหวังบำรุงร่างกายเจ้าค่ะ”

ดวงตาสะใภ้หวังเบิกโตขึ้น หัวใจเต้นแรง เอ่ย “จะบอกว่ายายของนางมีอาการป่วยหรือ” นางหันมองไปยังจังเฉวียนจยา เอ่ยถาม “ตอนเจ้ามา ท่านแม่ไม่สบายหรือ”

จังเฉวียนจยาเองก็ตกใจ เอ่ย “มีไข้ตัวร้อนเล็กน้อยเจ้าค่ะ เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงนายหญิงผู้เฒ่าก็ไม่สบายนัก เรื่องนี้นายหญิงท่านเองก็รู้ อาการเดิมๆ…”

สะใภ้หวังพยายามสงบสติ มองไปยังยาบำรุงในมือของฉีหวง ขวดนี้คุ้นตายิ่งนัก

“ยาบำรุงนี้ มาจากร้านยาตำหนักอายุวัฒนะหรือ” ยาบำรุงของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะมีประสิทธิภาพและมีค่าเป็นที่สุด นับว่าหายาก แต่ที่นี่กลับมีอยู่หนึ่งขวด

“นายหญิงสายตาเฉียบคมยิ่งนักเจ้าค่ะ ยาบำรุงของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะก็คือชนิดนี้เจ้าค่ะ” ฉีหวงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ลมหายใจของสะใภ้หวังขาดห้วงไป ดวงตาหรี่ลง นางไม่ได้เอ่ยตามตรงว่าเป็นยาบำรุงจากร้านยาตำหนักอายุวัฒนะหรือไม่ เพียงบอกว่ายาบำรุงของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะนั้นเป็นชนิดนี้ นี่หมายความอย่างไร

ฉีหวงวางยาบำรุงลง หยิบกล่องกลมเล็กๆ ขึ้นมา เปิดออก ด้านในคือยาอันกงห่อด้วยกระดาษสีทองเคลือบปิดด้วยขี้ผึ้ง มีเพียงหนึ่งเม็ดเท่านั้น

“ที่ล้ำค่าที่สุดคงจะเป็นยาอันกงเม็ดนี้เจ้าค่ะ หากเส้นเลือดในสมองแตกหรือจวนสิ้นชีวิตขึ้นมา กินลงไปสามารถยืดลมหายใจได้อีกเฮือกหนึ่งเจ้าค่ะ เอาไว้ช่วยรักษาชีวิต เส้นเลือดในสมองแตกก็ไม่หนักหรือถึงขั้นเป็นอัมพาตเจ้าค่ะ แน่นอนว่าสามารถใช้บำรุงร่างกายก็ได้ ขูดออกมากินในทุกๆ วัน บำรุงร่างกายให้แข็งแรงได้เจ้าค่ะ” ฉีหวงเอ่ย “ส่วนผสมของยาอันกงล้ำค่าหายากไม่อาจได้มาง่ายๆ ขั้นตอนการปรุงยาเองก็พิถีพิถัน หนึ่งเม็ดมีค่ากว่าพันตำลึง สิ่งที่บ่าวกล้าแนะนำก็คือ ขอให้จังมามานำติดตัวไว้ให้ดีนะเจ้าคะ”

หนึ่งเม็ดพันตำลึง

จังมามาหัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่มือก็ยังสั่น

จริง จริงหรือ

นำของขวัญไปมอบให้ใช่ว่านางจะไม่เคยทำ ครั้งนี้นางเดินทางมาไกลนับพันลี้เพื่อมอบของขวัญมอบเงินให้กับนายหญิงใหญ่ เดิมตระกูลฉินตกต่ำเช่นนี้ ไหนเลยจะมีของขวัญตอบแทน อย่างมากก็เป็นเพียงของดีประจำท้องที่เท่านั้นแล้ว แต่ดูตอนนี้สิ

ตอนนี้ยังไม่เอ่ยถึงยันต์อยู่เย็นเป็นสุข ยาอะไรสองอย่างนั้นกลับทำให้นางรู้สึกหายใจหอบถี่ขึ้นมาหลายส่วน

สาวใช้ที่ชื่อฉีหวงผู้นี้เอ่ยเกินจริงไปหรือไม่ อย่างไรตระกูลหวังก็ไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ ใช่ว่าจะไม่มีผู้มีความสามารถ ต่อให้ตัวนางไม่รู้เรื่อง หาหมอสักคนมาพิสูจน์ก็รู้แล้วว่าจริงหรือไม่

หากเอ่ยเกินจริง เช่นนั้นก็คงน่าตลกแล้ว

แต่นี่เป็นการเอ่ยเกินจริงจริงๆ หรือ

ใช่ว่านางจะไม่เคยเจอฉินหลิวซี บุคลิกและนิสัยของคนผู้นั้นไม่ใช่คนขี้โม้แต่อย่างใด

เช่นนั้นหมายความว่า ยานี้เป็นดังที่ฉีหวงเอ่ย มีค่านับพันตำลึงจริงหรือ

นี่เป็นของขวัญตอบแทนที่มีค่ายิ่งแล้ว

จังเฉวียนจยากลืนน้ำลาย ไม่อยากแสดงออกต่อหน้าฉีหวง ทว่าไม่อาจเก็บท่าทีเอาไว้ได้ ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา ทำเพียงมองไปยังสะใภ้หวัง

สะใภ้หวังเองก็ตกใจอยู่ในใจ มองกล่องยาอันกง นางจำได้ว่าเป็นแบบเดียวกันกับที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะปีนั้น หมิ่นไท่เฟยเกิดเส้นเลือดในสมองแตกกลางงานเลี้ยงในวังหลวง นางเห็นว่าหมอหลวงในวังเองก็ป้อนยาอันกงนี้ให้นาง แม้หลังจากนั้นหมิ่นไท่เฟยจะเคลื่อนไหวเชื่องช้าไปบ้าง แต่อย่างไรก็ดีกว่าถึงชีวิตหรือเป็นอัมพาตมากแล้ว

เห็นได้ว่ายาของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะนั้นยอดเยี่ยมยิ่งนัก

ตอนนั้นนางเองก็อยากซื้อเอาไว้สักสองเม็ดเพื่อเก็บไว้กับตัวและส่งเป็นของขวัญให้บ้านมารดา แต่ก็ไม่มีสินค้า ลองถามดูอีกครั้ง หากเสนอราคา การไปประมูลที่โรงประมูลจิ่วเสวียนจะง่ายกว่า แต่อย่างไรนางก็ไม่อาจได้มาครอบครอง

ตอนนี้นางเห็นแล้ว ในยามตกอับ ยามต้องส่งของขวัญตอบแทนบ้านมารดา ได้เห็นยาอันกงที่หายากนั่นแล้ว

เป็นฉินหลิวซีที่อยู่ในนามบุตรสาวที่ทำให้นางมีหน้ามีตา

ในใจของสะใภ้หวังมีความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมา รู้สึกแสบจมูก กระบอกตาขึ้นสีแดง

นางสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะเอ่ย “ยานี้ล้ำค่าหายาก ไยคุณหนูของเจ้าถึงทำราวกับของเล่น มีวาจาสิ่งใดบอกล่าวมาหรือไม่”

ฉีหวงปิดกล่องเอาไว้ เอ่ย “คุณหนูบอกว่าของล้ำค่ามากเพียงใด นางก็เอาออกมาเป็นของขวัญให้ได้เจ้าค่ะ ขอเพียงคนรับมีใจ นายหญิงผู้เฒ่าหวังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตระกูลเกี่ยวดองในยามยากลำบาก มิได้เมินเฉยและมิได้หลีกหนี ไมตรีนี้เงินพันตำลึงไม่อาจแลกได้ นางน้อมรับไมตรีของนายหญิงผู้เฒ่าหวังเจ้าค่ะ ตอบแทนได้ไม่มาก ขอนายหญิงผู้เฒ่าหวังอย่าได้รังเกียจ”

วาจานี้เอ่ยกับจังเฉวียนจยา ความหมายคือให้นางนำกลับไป

น้ำตาของสะใภ้หวังไหลรินไม่อาจกลั้นเอาไว้ นองเป็นสายบนใบหน้า

เจ้าเด็กคนนี้จริงๆ เลย จะให้นางว่าอย่างไรดี

“คุณหนูยังบอกอีกว่า พรุ่งนี้ยามสามเป็นฤกษ์ดีในการออกเดินทางไกล ออกเดินทางในเวลานี้ จะได้ราบรื่นเจ้าค่ะ” ฉีหวงมองไปยังจังเฉวียนจยา โค้งคารวะลงหนึ่งครั้ง “ขอให้การเดินทางราบรื่นเจ้าค่ะ”

[1] จุดจันทรา บริเวณกระดูกหน้าผากขวาเหนือคิ้ว เป็นตำแหน่งของมารดา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท