ตอนที่ 231 ข้าจะไปต่อยภูเขา
ราชาผีแต่งงาน ผีนับร้อยมาร่วมแสดงความยินดี กลิ่นไอผีอบอวล ทำให้เหล่านักพรตในบริเวณนั้นต่างพากันตื่นตกใจ ไยอยู่ดีๆ กลิ่นไอผีที่เขาเกิงต้งถึงได้เข้มขึ้นมาเยี่ยงนี้ มีลัทธิมารกำลังเรียกรวมวิญญาณร้ายหรือ
ฉินหลิวซีเข้าไปในเขา หากคนธรรมดาเข้าไปจะมองเห็นเพียงป่าลึกลับซับซ้อน แต่ในสายตาของนาง กลับเป็นอีกหนึ่งโลก โคมไฟประดับประดามากมาย กลิ่นไอผีคละคลุ้ง และคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ล้วนถือของขวัญชิ้นใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อมาถึงหน้าประตูใหญ่ที่ถูกแกะสลักไว้อย่างงดงาม เงาผีหนาตา ด้านในบ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุยสนุกสนาน กลิ่นสุราลอยไปทั่วอากาศ
มีบ่าวรับใช้ที่อยู่ในชุดผู้ดูแลยืนเฝ้ารับของขวัญอยู่หน้าประตู อีกด้านมีหนุ่มหน้าขาวกำลังร้องเพลงอวยพร กำลังครึกครื้น เสมือนงานแต่งงานในโลกมนุษย์ไม่ผิดเพี้ยน
โลกหยินหยางแม้จะมีเส้นแบ่งชัดเจน แต่ทั้งสองโลกต่างก็เหมือนกัน มีเพียงเส้นหนึ่งเส้นที่กั้นเอาไว้ หากเทียบด้วยสายตา หากคนดวงตกหลงเข้ามา คงไม่คิดว่าตนเองหลงเข้ามาในงานแต่งของราชาผี คงคิดว่าเป็นงานแต่งของคนรวยทั่วไป
ฉินหลิวซีมองกลิ่นไอผีคละคลุ้ง มีเปลวไฟเล็กๆ เกิดขึ้นมาในดวงตา เอ่ย “หากข้าโปรดสัตว์แก่พวกเขา จะมีความดีความชอบมากมายใช่หรือไม่”
ราชาผีตงฟาง “!”
เขากวาดตามองเหล่าผีน้อยที่จ้องฉินหลิวซีเขม็ง สายตาที่พวกเขามองมายังฉินหลิวซีราวกับเห็นชิ้นเนื้ออย่างไรอย่างนั้น
ราชาผีตงฟางเหลือบมองคนข้างกายที่มีแสงทองแห่งความดีทอประกาย ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ กลิ่นไอผีลอยคละคลุ้งคับฟ้า สั่นสะเทือนไปทุกทิศทุกทาง
เหล่าผีน้อยต่างพากันตื่นตกใจ มองไปยังราชาผีตงฟางอย่างหาญกล้า มีคนจำเขาได้ ร้องขึ้น “คือราชาผีตงฟาง”
ครื้นนน
เหล่าผีทั้งหลายถอยห่างจากทั้งสองคนในระยะหนึ่งร้อยเมตรทันใด
ฉินหลิวซีตบไหล่ราชาผีตงฟาง “ลูกเนรคุณก็รู้จักกตัญญูต่อบิดาผู้บังเกิดเกล้าแล้ว”
ราชาผีตงฟางกลัดกลุ้มใจ
ผู้ดูแลลอยตัวมาโดยไว มองเห็นราชาผีตงฟาง สายตาพลันเปลี่ยน “ข้าน้อยคารวะราชาผีตงฟาง ไม่คิดว่าท่านจะมาเยือนงานมงคลของราชาผีของข้าด้วย เสียมารยาทแล้วที่ไม่ได้เชิญ”
แม้ปากจะเอ่ยน่าฟัง แต่ราชาตงฟางสองมือว่างเปล่า ไม่เหมือนมาร่วมยินดี เหมือนกับมาพังงานมากกว่าดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
คงไม่ใช่กระมัง
สายตาตักเตือนของราชาผีตงฟางที่มองลอดเข้าไปยังผีน้อยตนนั้นถูกดึงกลับคืน สายตาเต็มไปด้วยความนึกสนุก เอ่ย “ได้ยินว่าควงซานแต่งงาน ผู้อาวุโสอย่างพวกข้าไม่มีผู้ใดได้รับเทียบเชิญ รู้สึกประหลาดใจต่อคนที่เข้าตาเขา จึงมาร่วมสนุกสักหน่อย”
ผู้ดูแลยิ้มพลางเอ่ย “ล้วนเป็นราชาผีผู้ยิ่งใหญ่กันทั้งนั้น ท่านราชาของข้าจะลืมพวกท่านได้เยี่ยงไร คงเป็นเพราะผีน้อยที่ไปส่งเทียบเชิญหลงทาง ยังส่งไปไม่ถึงกระมัง”
“หึๆ เทียบเชิญของพวกข้าถูกส่งโดยผีน้อยอย่างนั้นหรือ โอ้ แผ่นดินนี้มีผู้เก่งกาจมากมายเชียวหรือ” น้ำเสียงของราชาผีตงฟังดูเหยียดหยัน เสียงดังขึ้นอีกครั้ง “แต่ราชาของพวกเจ้าช่างไม่รู้ความ ดูถูกราชาผีอย่างพวกข้าก็ช่างเถิด ใต้เท้าเรียกหาก็ไม่ได้ โอหังสักหน่อยกระมัง”
ใต้เท้า ใต้เท้าอันใดกัน
ผู้ดูแลงุนงง
ฉินหลิวซีก้าวขึ้นมาด้านหน้า เผยใบหน้าให้เห็น
ผีบางตนเห็นว่าทางนี้คึกคัก มองเห็นฉินหลิวซีพลันชะงักไป ใบหน้านี้
เขาหยิบภาพเหมือนหนึ่งแผ่นที่ห้อยอยู่บนเอวขึ้นมา มองเทียบกับใบหน้าของฉินหลิวซี เอ่ยร้องเสียงดังขึ้นมาด้วยความตื่นกลัว “เป็นนาง นักพรตน้อยไฟมรณะในเส้นทางหยินนั่น”
บ้าอันใดกัน
ฉินหลิวซีได้ยิน ปรายตามองไป ผีตนนั้นเห็นว่าฉินหลิวซีมองมา ร่างกายสั่นเทา ลอยไม่ออกแล้ว
ผู้ดูแลเองก็ลังเล เขาเป็นผู้ดูแลราชาผี ไม่ต้องไปเร่ร่อนในเส้นทางหยิน แน่นอนว่าไม่รู้ถึงชื่อเสียงและความโหดเหี้ยมของฉินหลิวซีอย่างคนอื่นๆ
ราชาผีตงฟางก็ยังไม่ได้ให้คำอธิบายกับเขามาก อีกฝ่ายยังรอชมละครอยู่
“ใต้เท้า พวกเราเข้าไปกันเถิด ผีผู้น้อยเหล่านี้ไม่คู่ควรให้ท่านต้องชายตามอง”
ฉินหลิวซีเดินเข้าไปด้านใน
และควงซานที่ได้ยินข่าว หัวคิ้วขมวด ราชาผีตงฟางพาคนมา ไม่เหมือนมาร่วมยินดีแต่มาทำลายอย่างนั้นหรือ
เมื่อเป็นเช่นนั้น ความโกรธของราชาผีทะยานขึ้น แขกเหรื่อที่นั่งอยู่ประจำตำแหน่งเริ่มหน้าซีด
สีหน้าของควงซานไม่น่ามองนัก ราชาผีตงฟางไม่ปิดบังความเย่อหยิ่งของตนแม้เพียงนิด มาทำลายงานจริงๆ
เขามองราชาผีตงฟางที่มีผ้าคลุมสีดำสยายอยู่ด้านหลัง ปากส่งเสียงหยัน ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มร้าย ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์แล้ว แต่ก็ยังเทียบกับ ‘ผู้อาวุโส’ อย่างตงฟางไม่ได้
“ราชาผีตงฟาง หาได้ยากจริงๆ ลมอะไรพัดท่านมากันเล่า” ควงซานเดินเข้าไปใกล้พร้อมหัวเราะ ตั้งใจกล่าวโทษ “ท่านก็ไม่ส่งใครมาบอกก่อน ข้าจะได้ส่งคนไปต้อนรับท่านมาร่วมดื่มสุรา”
“มิกล้า” ราชาผีตงฟางเอ่ยเสียงเรียบ “แม้แต่ใต้เท้ายังเรียกเจ้ามาไม่ได้ ข้าจะกล้ามาโดยมิได้รับเชิญหรือ”
ควงซานเอ่ย “วาจานี้ของราชาผีตงฟางข้ากลับไม่เข้าใจนัก ท่านบอกว่าใต้เท้าคนใดเป็นผู้เรียกหรือ”
“ฉินหลิวซี”
ฉินหลิวซีเดินออกมาจากด้านหลังของราชาผีตงฟาง มองสำรวจควงซานขึ้นลงหนึ่งรอบ เขามีร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำ ใบหน้ามีเหลี่ยม หน้าผากกว้าง จมูกสูงโด่ง น่าเสียดายดวงตาเล็ก มิเช่นนั้นใบหน้านี้คงดูดียิ่งนัก เป็นรูปหน้าตามแบบโหงวเฮ้งทั่วไป
“หา อะไรนะ” ควงซานมองฉินหลิวซีที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยประกายแสงสีทอง กลืนน้ำลาย นี่มันอาหารเสริมชั้นดีอะไรกัน คุณธรรมความดีหนาเพียงนี้ หากกลืนกินลงไปจะไม่แข็งแกร่งกว่านี้หรือ
ดวงตาควงซานแดงขึ้น เลียริมฝีปาก
“ข้าบอกว่าข้าคือฉินหลิวซี” ฉินหลิวซีเอ่ย “เจ้าคือควงซานหรือ”
ควงซานขมวดคิ้ว ฉินหลิวซี ชื่อนี้คุ้นหูนัก
ราชาผีตงฟางเอ่ยอยู่ด้านข้าง “ไม่ผิด นี่คือไต้ซือปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิง นามในโลกมนุษย์คือฉินหลิวซี ใต้เท้าเรียกไยเจ้าจึงไม่มา”
อารามชิงผิง ฉินหลิวซี
ควงซานนึกย้อนกลับไป ก็ไม่ใช่คนที่เรียกเขาเมื่อครู่หรือ มาถึงที่นี่ด้วยตนเองแล้ว ยังมีราชาผีตงฟางติดตามมาด้วยอีกอย่างนั้นหรือ
เขากำลังจะเอ่ย หางตาพลันสังเกตเห็นผู้คนรอบข้าง ยังมีกำลังทหารที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ แม้แต่ผีเจ้าสาวของตนเองก็มองมาทางนี้
เขายืดอกขึ้น เลียนแบบท่าทีของราชาผีตงฟาง ยกมือขึ้นกอดอก เอ่ย “วันนี้เป็นงานมงคลของข้า ไหนเลยจะไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใดเรียกข้าก็ต้องไปอย่างนั้นหรือ”
วาจานี้กล่าวออกไป เขาสังเกตเห็นดวงตาของราชาผีตงฟางวาวขึ้นมา สีหน้ามีความสุขที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์ หัวใจพลันกระตุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว เอ่ย “เจ้าคือราชาผีที่ขึ้นรับตำแหน่งใหม่ ไม่รู้จักข้า ครั้งนี้ก็ช่างเถิด พวกเราเจอกันครั้งแรก รู้จักกันใหม่ ข้ามาจากอารามชิงผิงเมืองหลี ฉายาปู้ฉิว มาครั้งนี้เพื่อมาถามถึงร่องรอยของโจวเล่อ ราชาผีเป่ยฟางคนก่อน”
ได้ยินชื่อโจวเล่อ ผิวของควงซานขนลุกซู่ เอ่ย “โจวเล่อตายไปนานแล้ว ราชาผีเป่ยฟางยามนี้คือข้าควงซาน ต่อไปเจ้าก็จำเอาไว้ให้ดี”
น้ำเสียงของเขาดังสักหน่อย ทั้งเอ่ยให้ฉินหลิวซีฟัง ทั้งให้เหล่าผีได้ยิน มีจุดประสงค์เพื่อข่มขวัญ
“เจ้ารู้ได้เช่นไรว่าเขาตายแล้ว เจ้าเห็นกับตาตนเองหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี
ควงซานเริ่มหงุดหงิด เอ่ย “เฮ้ เจ้านักพรตน้อยนี่ ไยจึงถามมากความ เขาไม่ตาย ข้าจะขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างไร เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าคือคนที่ราชาผีตงฟางพามา นั่งดื่มสุรามงคลก่อนค่อยไปเถิด ข้ายังมีแขกอีกมากมาย คงต้องเสียมารยาท”
ช่างเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวใดเลยจริงๆ
ราชาผีตงฟางส่ายศีรษะถอนหายใจเบาๆ
ฉินหลิวซียื่นมืออกมาจับควงซานเอาไว้ “ข้าบอกให้เจ้าไปแล้วหรือ”
มีมารยาทก่อนค่อยใช้ความรุนแรง นางมีมารยาทแล้ว ใช้ความรุนแรงได้แล้ว