คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 232 ใต้เท้าสอนการเป็นผีให้กับเจ้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 232 ใต้เท้าสอนการเป็นผีให้กับเจ้า

ควงซานไม่เคยคิดว่าเมื่อตนเองได้เป็นราชาผีแล้ว ยังจะถูกคนต่อยจนจมูกบวม ซ้ำยังเกิดขึ้นในวันมงคลของตนอีก ต่อหน้าแขกเหรื่อมากมาย

ถูกต่อยแล้ว

เขายังไม่ทันมีแรงเอาคืน

เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างไรน่ะหรือ ก็ในตอนที่ตนเดินเลี่ยงออกมาจากฉินหลิวซี กลับถูกนางดึงไว้ จากนั้นสองมือก็พุ่งทะยานเข้ามาทันที

เขาไม่ทันตั้งสติได้ด้วยซ้ำ หมัดของอีกฝ่ายก็กระทบเข้ากับใบหน้า หมัดหนักๆ กระแทกเข้ามา ไม่เห็นท้องฟ้า

ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ตอนที่เขาตั้งสติได้กำลังจะตอบโต้ อีกฝ่ายก็แปะยันต์แผ่นหนึ่งลงมาบนหน้าผากของตน จากนั้นตนเองก็ราวกับถูกมัดเอาไว้ ไม่อาจขยับเขยื้อนตัวได้

ควงซานคิดกระทั่งว่าอยากตาย โดยเฉพาะตอนที่มองเห็นสายตาตื่นตกใจของแขกผีรอบข้าง ยิ่งกว่านั้นยังมีสายตาราวกับกำลังรับชมละคร ยิ่งรู้สึกไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด

“สวรรค์ สมกับเป็นนักพรตน้อยไฟมรณะในเส้นทางหยิน แม้แต่ต่อยคนยังเหี้ยมโหดเพียงนี้ เป็นถึงราชาผียังโดยต่อยได้ ไม่แปลกใจที่ผีผู้น้อยอย่างเราจะถูกแผดเผา” ผีแจ้งข่าวเคี้ยวเทียนหนึ่งเล่ม เคี้ยวไปพลางถอนหายใจไป

ผีรอบข้างได้ยินเช่นนั้น รีบเอ่ยถาม “วาจานี้ว่าอย่างไรกัน”

“พวกเจ้าไม่รู้” ผีแจ้งข่าวเอ่ย “นักพรตน้อยผู้นี้ ว่ากันว่าเป็นนักพรตของอารามเต๋า แต่มีความสามารถอย่างยิ่ง ครั้งก่อนนางใช้เส้นทางหยิน มีผีโลภคิดเข้าหานาง พุ่งเข้าไปหาอย่างรนหาที่ตาย พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นอย่างไร”

“เป็นอย่างไร”

“ผีเสื้อกลางคืนบินเข้ากองไฟน่ะสิ ผีโลภตนนั้นแม้แต่เส้นผมของนางยังไม่ทันได้แตะต้อง ก็ถูกไฟบนร่างกายของนางแผดเผาจนสิ้นซาก วิญญาณดับสลาย” ผีแจ้งข่าวเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว

ซีด

เหล่าผีซูดปาก

น่ากลัวเพียงนี้เลยหรือ

“ยามนี้พวกเราที่นั่นต่างส่งข่าวต่อกันไปหนึ่งรอบแล้ว จำใบหน้าของนางได้ อย่าได้หาเรื่องเดินอ้อมไป จริงสิ ข้ายังมีภาพเหมือนของใต้เท้าด้วย นำติดตัวไว้คอยเอามาดูอยู่เรื่อยๆ จะได้เตือนตัวเอง อีกทั้งยังได้สะกดตนเองเอาไว้อยู่เนืองๆ” ผีแจ้งข่าวหยิบรูปเสมือนจริงขึ้นมาให้ทุกคนได้ดู “ข้ายังมีอีกหลายแผ่น เหล่าพี่น้องผีจะเอาหรือไม่ หนึ่งหยวนเป่า[1]หรือเทียนหนึ่งเล่มมาแลกก็ได้”

เขายกภาพเหมือนใบเล็กขึ้นมา เป็นรูปภาพของฉินหลิวซี

เหล่าผี “ข้าแลก”

“เอามาให้ข้าหนึ่งแผ่น”

ฉินปู้ฉิว ปราบอธรรมสยบมาร ดูความเหี้ยมโหดของคนผู้นี้แล้ว แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเครื่องรางใดๆ ทั้งสิ้นเสียอีก

และไม่ว่าจะเป็นราชาผีตงฟางหรือควงซานที่ขึ้นรับตำแหน่งใหม่ ต่างก็หูดี ได้ยินทั้งหมด

ราชาผีตงฟางยังเหลือบมองฉินหลิวซีเล็กน้อย มิน่าตอนที่มา วิญญาณผีทั้งหลายสองข้างทางในเส้นทางหยินจึงได้หวาดกลัวนางนัก ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุนี้

ควงซาน ที่แท้เป็นข้าที่รนหาที่ตาย

ฉินหลิวซีก็ได้ยิน ปรายตามองผีแจ้งข่าวที่ถือโอกาสทำการค้า ส่งเสียงหยันในลำคอ ทำสัญลักษณ์มือโดยจรดหัวแม่มือเข้ากับปลายนิ้วนาง หยุดอยู่ตรงหน้าควงซาน “เจ้าจะลองลิ้มรสไฟแผดเผาดูหรือไม่ รับรองกรอบนอกนุ่มใน เติมเครื่องปรุงจะยิ่งหอม ข้าจะลองดูว่าควรเผาส่วนใด”

“ใต้เท้า ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิต ข้าน้อยถูกน้ำมันหมูบังตา ไม่รู้ถึงชื่อเสียของใต้เท้า ไม่ใช่สิ เป็นชื่อเสียง” ควงซานเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ข้าเฝ้าบำเพ็ญเพียรอยู่ในที่พำนักมาเป็นเวลานาน น้อยนักจะได้ติดต่อกับเหล่าผี จึงไม่รู้จักใต้เท้า เป็นข้าที่มีตาหามีแวว ใต้เท้าอย่าได้ถือสา”

“อ้อ”

“จริงขอรับ ข้าสาบาน ข้าตั้งใจบำเพ็ญเพียรมาโดยตลอด” กระบอกตาแดงก่ำของควงซานมีน้ำตาไหลลงมา

สวรรค์เมตตา เขาเอาแต่บำเพ็ญเพียรจริงๆ นอกจากหาอาหารแล้วก็มีแต่ฝึกฝนพลังผี ทำไมน่ะหรือ ตอนนั้นก็เพราะต้องการเอาชนะและยึดครองบัลลังก์โจวเล่อ มีความปรารถนานี้จึงมีแรงผลักดัน ดังนั้นเขาจึงเพียรฝึกฝนทั้งวัน ก็เพื่อเป็นราชาผี

ยามนี้ได้เป็นแล้ว ทว่ากลับถูกนักพรตที่มาจากโลกมนุษย์ต่อยเข้าแล้วดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

มิสู้ถูกโจวเล่อกลืนกินก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบตอนนี้ หน้าตานี้คงไม่หลงเหลืออยู่ดีแล้ว

“เช่นนั้นข้าอยากถามเรื่องราวของโจวเล่อ”

“ใต้เท้าต้องการรู้เรื่องใด ข้าจะบอกในสิ่งที่ข้ารู้ ใต้เท้าย้ายไปด้านในห้องดีหรือไม่ขอรับ” ควงซานเอ่ยด้วยสีหน้าน่าสงสาร

ฉินหลิวซีลูบกำไลข้อมือ “หากเจ้ารู้สึกฝืนใจ ความจริงข้าค้นหาวิญญาณก็ได้”

เมื่อควงซานได้ยิน วิญญาณพลันขนลุก เอ่ยเสียงดังขึ้น “ใต้เท้า หากข้ารู้สึกฝืนใจแม้เพียงนิด ก็ขอให้ดวงวิญญาณของข้าแตกสลาย ดับสลายไปจนสิ้น”

“ก็ได้” ฉินหลิวซีลุกขึ้น เดินเข้าไป

ราชาผีตงฟางส่งเสียงหยัน ปรายตามองควงซาน “ยังไม่ตามมาอีก ตอนแรกทำไมกันหรือ เพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ก็โอหังนัก ราชาผีอย่างพวกข้ายังไม่กล้าบังอาจต่อหน้าใต้เท้า แล้วเจ้าเล่า เรียกยังไม่มา ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ต้องให้ใต้เท้าสอนเจ้าให้รู้ว่าการเป็นผีควรทำเยี่ยงไร ทำไมหรือ เจ้าเป็นผีแก่อายุนับพันปีแล้วเก่งนักหรือ ข้าเป็นผีมากว่าสามพันปีเชียวหนา”

“พี่ใหญ่ ข้าเรียกท่านว่าพี่ใหญ่พอใจหรือไม่ ช่วยชี้แนะน้องเล็กของท่านสักหน่อย ของที่อยู่ในที่พำนักเหล่านี้แล้วแต่ท่านจะหยิบไปเลย ข้าเป็นเพียงตะพาบ เมื่อมีอำนาจจึงหลงระเริงอย่างถือดี ไม่ใช่ไม่เห็นพวกท่านอยู่ในสายตา อย่างน้อยท่านช่วยเอ่ยชื่นชมต่อหน้าสักประโยคสองประโยค” ควงซานสะกิดแขนเสื้อของเขา เอ่ย “ข้าเป็นเพียงผีแก่พันปีที่เอาแต่บำเพ็ญเพียรไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้จักคดงอ แต่ในใจข้าก็ซื่อตรง”

“ถุย” ราชาผีตงฟางเอ่ย “อย่ามาทำเป็นว่าง่าย บางอย่างเจ้าต้องเรียนรู้ การเป็นราชาผี ไหนเลยจะง่ายเพียงนี้ คิดว่ายึดครองอำนาจได้แล้วก็จบหรือ ผิดแล้ว เหนืออำนาจก็ยังมีอำนาจ อย่าว่าแต่เจ้า ข้าเองก็ใช่ บางทีอาจหายตัวไปอย่างโจวเล่อก็เป็นได้”

สีหน้าของควงซานพลันแปรเปลี่ยน

ราชาผีตงฟางปรายตามองสีหน้าเขา เห็นดวงตาของเขาตกใจทว่าไม่มีเลศนัย เกรงว่าการหายตัวไปของโจวเล่อคงไม่เกี่ยวกับเขาจริงๆ

คิดว่าครั้งนี้ โจวเล่อคงถูกซื่อหลัวนั่นกลืนกินไปแล้วจริงๆ

ควงซานกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก แม้แต่งานเลี้ยงฉลองก็ไม่ได้สนใจแล้ว ยกน้ำชาให้แก่ฉินหลิวซีและราชาผีตงฟางด้วยตนเอง จากนั้นยืนอยู่ด้านข้างอย่างกับหนุ่มน้อยที่มาคอยปรนนิบัติ

หนุ่มรับใช้ที่ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าบวมแดงดูน่าสงสาร

ฉินหลิวซีไม่แม้จะแตะต้องถ้วยน้ำชา เอ่ยถามตามตรง “ครั้งสุดท้ายที่เจ้าเจอโจวเล่อคือเมื่อใด”

ควงซานชะงัก กางนิ้วมือออกจากนั้นงอขึ้นมานับ เอ่ย “ข้าลองนับดู ครั้งสุดท้าย เป็นตอนที่ด่านประตูผีเปิดข้าจึงออกไปหาอาหารเลยได้เจอกับเขาพอดี”

ด่านประตูผีเปิด ก็คือวันที่ผีร้ายตนนั้นหนีออกมาโนเวลพีดีเอฟ

“มีความผิดปกติใดหรือไม่”

ควงซานส่ายศีรษะ มีความผิดปกติอันใดได้ วันนั้นเป็นเทศกาลผี เป็นวันที่ผีเร่ร่อนครื้นเครงและบ้าคลั่ง โจวเล่อก็เป็นเหมือนปีผ่านๆ มา รอแสดงความกตัญญูต่อผู้อาวุโสมิใช่หรือ

“คิดดูให้ดี” ราชาผีตงฟางเอ่ยเสียงตำหนิ

ควงซานตัวสั่น เอ่ย “ไม่มีความผิดปกติใดจริงๆ ขอรับ” เขาครุ่นคิดชั่วครู่จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เพียงแต่วันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนเจ็ด วันนั้นเป็นคืนพระจันทร์สีเลือด ข้าอาบแสงจันทร์อยู่บนก้อนหินในที่พำนัก มองเห็นโจวเล่อรีบลอยออกจากด้านนอกของที่พำนักของข้า มุ่งหน้าขึ้นไปทางยอดเขา”

“เจ้าไม่ได้ตามไปหรือ” ราชาผีตงฟางเอ่ยถาม

ควงซานมีท่าทีลำบากใจ “แม้ข้าจะขยันหมั่นเพียรในการบำเพ็ญเพียร แต่ก็เอาชนะโจวเล่อไม่ได้ ไหนเลยจะกล้าตามเขาไป อีกอย่างวันนั้นเป็นคืนพระจันทร์สีเลือด แสงจันทร์บริสุทธิ์ มีประโยชน์ต่อการบำเพ็ญเพียรของข้า ข้าจะทิ้งมันไปเพื่อตามเขาได้อย่างไร ไม่คุ้มค่าใช่หรือไม่”

ดังนั้นอย่าถาม ถามไปก็เป็นการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งของเขา ผู้ใดก็ไม่อาจหยุดยั้งการฝึกของเขาได้

[1] หยวนเป่า เงินตำลึงจีนที่มีลักษณะเป็นแท่งเงินปลายโค้งสูงทั้งสองด้าน มีรูปร่างคล้ายเรือ ด้านข้างจะมีการแกะสลักลวดลายมงคล

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท