ตอนที่ 234 โสมตกใจแทบตาย
ฉินหลิวซีเหาะตามเสียงนั้นไป ปลายจมูกเคลื่อนไหว ส่งเสียงเอ๊ะออกมา
“ออกมา มิเช่นนั้นข้าจะระเบิดป่านี้เสีย ทำให้เจ้าไม่มีทางหนี” จมูกของฉินหลิวซีขยับฟุดฟิด ตามกลิ่นนั้นไป
อีกฝ่ายไม่ขยับ หรือเอ่ยได้ว่าไม่กล้าขยับ
“ข้าจะนับแล้วนะ หนึ่ง สอง…” นิ้วหัวแม่มือจรดเข้าที่ปรายนิ้วนาง ปลายนิ้วเกิดเปลวไฟมรณะขึ้นมา
เฮยอู๋ฉังเห็นเช่นนั้น ดวงตาหดเกร็ง ขนลุกไปทั่วร่าง ไม่สนใจสำรวมกิริยา รีบพุ่งเข้าไป สองมือคว้ากุมเอาไว้ เอ่ยเสียงดัง “ใต้เท้า ใต้เท้ามิได้นะขอรับ”
ซี๊ด
เฮยอู๋ฉังร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่กล้าปล่อยมือ
หากปล่อยให้นางระเบิดป่านี้ เช่นนั้นคงเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ได้นะ
“ใต้เท้า…”
ฉินหลิวซีมองเขาที่เข้ามาดับไฟโดยไม่คิดชีวิต รีบปล่อยมือ ไฟมรณะดับลง ดูสองมือเขาที่ถูกไฟมรณะแผดเผา เอ่ย “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ อยากถูกเผาตายหรืออย่างไร”
เฮยอู๋ฉังเจ็บปวดไม่น้อย ทว่ายังคงมองนางด้วยท่าทางน่าสงสาร เอ่ย “ใต้เท้า เล่นไฟไม่ได้ขอรับ”
นางเล่นไม่ได้นะ
ฉินหลิวซีจ้องมองเขา กดเสียงต่ำ “เจ้ากลัวบ้าอะไร ข้ากำลังข่มขู่เขา”
เฮยอู๋ฉังคิดในใจ ข่มขู่ก็ส่วนข่มขู่สิ ข้ากลัวว่าท่านจะควบคุมไม่ได้ เหมือนตอนนั้น…
ฉินหลิวซีส่งยันต์สะกดวิญญาณไว้บนร่างของเฮยอู๋ฉัง อีกทั้งยังแบ่งบุญกุศลให้เขาด้วย
เฮยอู๋ฉังดีใจจนน้ำตาไหล “ใต้เท้า ทำไมกันขอรับ”
ราชาผีตงฟางและควงซานที่อยู่ด้านหลังมองด้วยความอิจฉา พวกเขาก็อยากถูกเผาสักหน่อย จากนั้นจะได้รับผลบุญบ้างหรือไม่
ฉินหลิวซีไม่มองท่าทางซาบซึ้งของเฮยอู๋ฉัง ผลักเขาออกแล้วเดินไปตามกลิ่นธูป “จะออกมาหรือไม่ ควงซาน นำผ้าเช็ดเหงื่อมา” จับมัน
“ได้ ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย” เสียงเล็กน่ารักดังขึ้น
ฉินหลิวซีมองไป สิ่งเล็กๆ ออกมาจากในดิน รากที่หนึ่ง รากที่สอง รากที่สาม กระทั่งร่างทั้งร่างปรากฏขึ้นจนหมด เป็นรากทั้งตัว รูปร่างคล้ายคน
ปีศาจโสมตนหนึ่ง
ดวงตาคู่นั้นของฉินหลิวซีเปล่งประกายขึ้นมา ย่อตัวลงไปจับมันขึ้นมา เอ่ย “ปีศาจโสมพันปี เจ้าบำเพ็ญเพียรจนมีจิตใจและสติปัญญาขึ้นมาแล้ว โอ้ ที่นี่ดูไม่ได้มีพลังเหนือธรรมชาติมากนัก เจ้ามาได้อย่างไร”
นางเอ่ยพร้อมยื่นมืออกไปดึงรากรากหนึ่งออกมา สะบัดดินก่อนจะนำเข้าปากเคี้ยว
หวาน หอม มีพลังวิญญาณ บำรุงได้ดี
ไม่คิดว่าการมาเกิงต้งครั้งนี้ จะมีเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึง รวยแล้ว
ปีศาจโสมส่งเสียงเจ็บปวดขึ้นมา หดรากเข้ามาเป็นพัลวัน น้ำตาไหลไม่หยุด สะบัดดินบนร่างกายออกจนสะอาดสะอ้าน
ฉินหลิวซีพึงพอใจมากขึ้นไปอีก กำลังคิดอยากดึงออกมาอีก
“ใต้เท้า กินโสมเยอะเกินไป เลือดกำเดาไหลง่ายนะขอรับ ท่านอายุยังน้อย” เฮยอู๋ฉังเอ่ยเกลี้ยกล่อม
ดังนั้นปล่อยเด็กไปเถิด มันยังเด็ก
อย่างไรก็เป็นปีศาจโสมที่เฝ้าบำเพ็ญเพียรจนได้จิตวิญญาณและสติปัญญาขึ้นมา บำเพ็ญไม่ง่าย หากนางทำร้ายแล้ว นั่นจะเป็นการสูญเสียบุญกุศล
ฉินหลิวซีหักห้ามใจ ดึงมือกลับคืนก่อนจะจ้องมองเขา “เจ้าวิ่งทำไมกัน กลัวข้าไล่จับเจ้าจนหายใจไม่ทัน กินเจ้าเพียงรากเดียวแล้วทำไมกันเล่า”
ปีศาจโสม “!”โนเวลพีดีเอฟ
เกิดเป็นโสมมาหลายปี ไม่เคยเห็นผู้ใดกินมือกินเท้ามันแล้วยังเอ่ยได้เต็มปากเต็มคำอย่างนี้มาก่อน
ชีวิตโสมช่างขมขื่นนัก
“ช่างเถิด เจ้ามาจากที่ใด มาบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่หรือ “ฉินหลิวซีจับส่วนมือของมัน”
ปีศาจโสมสูดน้ำมูก เอ่ย “ข้า ข้าอยู่ที่นี่มาโดยตลอด อยู่มาหลายปีแล้ว
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว หมุนตัวเดินกลับมายังก้อนหินใหญ่ หลับตาลงก่อน จากนั้นเปิดดวงตาสวรรค์ กวาดตามองภูมิประเทศของภูเขาเหล่านี้อีกครั้ง นับนิ้วมืออยู่นานก่อนจะเอ่ย “มิน่าเล่า ที่นี่ถึงได้มีเลือดมังกร เขาแห่งนี้ยังมีครรภ์มังกร”
เลือดมังกร สถานที่ที่เต็มไปด้วยโชคทรัพย์ เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ บำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ มีโอกาสสำเร็จผลหลายเท่า
ดังนั้นที่นี่จึงเกิดปีศาจโสมหนึ่งตน ยังมีราชาผีอายุน้อยอย่างควงซาน
ควงซานได้ยินว่าที่นี่มีเลือดมังกร ดวงตาพลันเป็นประกาย เขาไม่ได้โง่ เลือดมังกรนั้นเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโชคทรัพย์ พื้นที่แห่งนี้ต้องเต็มไปด้วยพลังวิญญาณเต็มเปี่ยม มิน่า เขาถึงรู้สึกว่าบำเพ็ญเพียรอย่างสบายอารมณ์
ราชาผีตงฟางรู้สึกอิจฉาขึ้นมา เปลี่ยนเขตพื้นที่กันหรือไม่
เฮยอู๋ฉังเองก็ดูตามคำชี้แนะของฉินหลิวซีอีกรอบ เอ่ย “จริงด้วย เมื่อก่อนไม่เคยสังเกต”
“เจ้าอยู่ใต้ดิน ไหนเลยจะสนใจเรื่องบนดินเล่า” ฉินหลิวซีส่งเสียงหึเบาๆ ขมวดคิ้ว เอ่ย “หากซื่อหลัวเคยมาที่นี่ ยังกลืนกินโจวเล่อไปด้วย เช่นนั้นก็คงอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่”
“ไม่ใช่”
หืม
ทุกคนหันมองไปตามเสียง
เจ้าโสมน้อยกำลังดีดดิ้นขยับร่างกาย เห็นว่าทุกคนมองมาอยู่จึงรู้สึกกระดากอายขึ้นมา ร่างกายแข็งทื่อ
“เจ้าว่าอะไรนะ” ฉินหลิวซีหรี่ตาลง เอ่ย “เจ้ารู้ว่าราชาผีเป่ยฟางไปอยู่ที่ใดอย่างนั้นหรือ”
ดวงตาของปีศาจโสมแดงขึ้นมา น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลหลั่งรินลงมาอีกครั้ง ร้องไห้ เอ่ย “ตายแล้ว ลุงเล่อถูกผีร้ายตนนั้นกลืนกินไปแล้ว”
“ปีศาจโสมเจ้าเห็นหรือ” เฮยอู๋ฉังประหลาดใจ
“มองเห็น” ปีศาจโสมน้อยเช็ดน้ำตา เอ่ย “วันนั้นมีพระจันทร์สีเลือดแสงจันทร์บริสุทธิ์ผุดผ่อง ข้ากำลังอาบแสงจันทร์บำเพ็ญเพียรอยู่”
มันชี้ไปยังก้อนหินที่เท้าของพวกเขา เอ่ย “จู่ๆ ท่านลุงเล่อก็มา บอกว่ามาเจอกับสหายเก่า ให้ข้าไปจากตรงนี้”
ปีศาจโสมน้อยเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนพระจันทร์สีเลือด
ตัวมันและโจวเล่อเองก็รู้จักกันมาหลายปี ฝึกฝนภายใต้ร่มเงาของโจวเล่อมาโดยตลอด ดังนั้นจึงเป็นสหายที่ดีกับโจวเล่อ แต่เพราะต้องเจอกับสหายเก่า ตนเองจึงต้องหลบไป ตนรู้สึกปวดใจอยู่บ้าง
ในเมื่อเป็นสหาย หากแนะนำสักหน่อย สหายของสหายผู้นั้นก็เป็นสหายของมันแล้วมิใช่หรือดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
แน่นอนว่ามันดื้อดึง แม้ปากจะรับปากไปแล้ว เพียงแกล้งทำเป็นหนีไป ทว่าหนีไปหลบอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากก้อนหิน ซ่อนอยู่ในพุ่มของใบไม้ ทั้งยังเก็บลมหายใจเพื่อสะดวกต่อการแอบดู
“ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจแอบดู เพียงแต่ประหลาดใจ สหายอะไรกัน ท่านลุงเล่อถึงได้ปลอมตัวคล้ายนกยูง” เจ้าปีศาจโสมน้อยเอ่ยแก้ตัว
“จากนั้นไม่นาน ข้าก็มองเห็นคนมา อ้อ จะบอกว่าเป็นคนไม่ได้ก็ต้องเรียกว่าเป็นมวลพลังงาน สีดำทะมึน แทบกลืนกินพระจันทร์สีเลือดแล้ว พอมาถึงพื้นก็กลายเป็นชายผู้หนึ่ง” ปีศาจโสมน้อยเอียงคอ “จากนั้นข้ามองเห็นว่าลุงเล่อพุ่งตัวเข้าไป ทั้งสองกอดกันแน่น”
ฉินหลิวซี “?”
ราชาผีตงฟาง “เป่ยฟางกับผีร้ายตนนี้เป็นชู้กันหรือ”
ควงซานงุนงง
“หลังจากนั้น ข้าก็มองเห็นชายผู้นั้นกุมหน้าลุงเล่อเอาไว้พร้อมหัวเราะเสียงดัง ไม่รู้เอ่ยอันใด อ้าปากขึ้น งาบเขาไปทั้งตัวกลืนลงท้องไปแล้ว” ปีศาจโสมน้อยเริ่มร้องไห้อีกครั้ง เอ่ย “ตอนนั้นข้าตกใจมาก ไม่ทันระวังจึงหายใจ คนผู้นั้นเข้ามาใกล้ทันใด”
ปีศาจโสมน้อยร้องไห้เสียงดัง เอ่ย “ตอนนั้นข้านึกว่าชีวิตโสมของข้าจะจบสิ้นแล้ว อยากหนี เท้าก็ไม่ยอมขยับ เขาน่ากลัวมาก ร้ายกาจ อะฮึก”
“ไม่ต้องร้อง จากนั้นเป็นอย่างไร” ฉินหลิวซีเริ่มหงุดหงิด
ปีศาจโสมน้อยสะอื้น ทั้งอยากร้องไห้ทั้งไม่กล้าร้อง เอ่ย “เขาจะจับข้าเอาไว้ ทันใดนั้นเหมือนมีเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่าง เขาจึงมุ่งตรงไปยังเขาด้านข้างทันที ข้าเห็นว่าเขาไปแล้วจึงรีบหนี ตกใจแทบตาย”
น่าเสียดาย หนีแทบเป็นแทบตายหลายวันมานี้ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้าออกมา ตอนนี้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว มันจึงคิดว่าเป็นโจวเล่อกลับมาหรือไม่ ขมวดคิ้วขึ้นหายใจอย่างระมัดระวัง เพียงอยากออกมาดูเล็กน้อยเท่านั้น เพิ่งขยับตัวก็ถูกฉินหลิวซีจับได้แล้ว
ฮือ คนเดี๋ยวนี้ไยจึงฉลาดเพียงนี้