คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 235 ต้องกราบนางที่เป็นใหญ่

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 235 ต้องกราบนางที่เป็นใหญ่

ฟังคำบอกเล่าของปีศาจโสมน้อย สมองของทุกคนจินตนาการไปถึงเรื่องในคืนนั้น เฮยอู๋ฉังเองก็หยิบม้วนกระดาษจากแขนเสื้อออกมากาง

“เจ้าเห็นคนผู้นี้ใช่หรือไม่”

ปีศาจโสมน้อยมองไป เอ่ยอย่างตื่นเต้น “เป็นเขา เป็นเขา เป็นเขาแน่นอน ข้ายังจำจุดแดงใต้ตาของเขาได้ เป็นเขาที่กลืนลุงเล่อไปทั้งตัว ฮือๆ น่าสงสารมาก”

“นี่คือไย จุดแดงอะไรกัน” ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ “ห้ามร้องไห้ หนวกหูเป็นบ้า”

ปีศาจโสมน้อยท่าทางน่าสงสาร สหายจากไปแล้ว มันจะร้องไห้ให้กับเขาสักหน่อยไม่ได้เลยหรืออย่างไร

ราชาผีตงฟางจ้องมองภาพนั้น เอ่ยเสียงเข้ม “เช่นนี้ดูเหมือนว่าเหล่าโจวจะถูกมันกลืนกินไปแล้ว”

“อย่างไรก็ตาม ผีสองตนนี้จะต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นอน” ฉินหลิวซีมองภาพวาดผีร้ายบุรุษที่เหมือนสตรีผู้นั้น ส่งเสียงเย้ยหยันอยู่ในลำคอ

เฮยอู๋ฉังเองก็ปวดหัว พลังของราชาผีเป่ยฟางนั้นแข็งแกร่ง ถูกกลืนกินเข้าไป พลังของเจ้านั่นคงฟื้นกลับมาส่วนหนึ่งแล้ว ในเมื่อเรื่องราวใกล้จะกระจ่างแล้ว เขาก็ไม่อยู่นาน อย่างไรกลับไปยังต้องรายงานต่อเบื้องบนอีก

ก่อนไปเฮยอู๋ฉังชี้ไปยังปีศาจโสมน้อย

ฉินหลิวซีนำเขาไปซ่อนไว้ด้านหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยการป้องกันเต็มที่ “ของข้า”

เฮยอู๋ฉังจนด้วยคำพูด เอ่ย “ข้าไม่ได้ต้องการแย่งชิงกับท่าน เพียงอยากบอกกับใต้เท้า บำเพ็ญเพียรไม่ง่ายมันยังบำเพ็ญจนมีจิตวิญญาณขึ้นมาแล้ว ห่างจากการแปลงกายเพียงจังหวะเดียวเท่านั้น ใต้เท้าอย่าได้ทำร้ายมันมากนัก ในเมื่อมีวาสนามิสู้นำกลับไปเลี้ยงสักหน่อย หากถึงจังหวะโอกาส ก็ให้ร่างที่เหมาะสมกับมันเป็นอย่างไร”

ปีศาจโสมน้อยส่งเสียง อ่า ไม่อาจดิ้นรนต่อต้านได้

เฮยอู๋ฉังฟังเป็นว่ามันไม่ยินยอม เอ่ย “ปีศาจโสมน้อยเจ้าก็อย่าได้ไม่ยินยอม ติดตามใต้เท้า มีแต่ประโยชน์กับเจ้า แต่หากเจ้าอยู่ที่นี่ต่อ ราชาผีตนใหม่ผู้นี้ เกรงว่าคงปกป้องเจ้าไม่ได้”

ควงซานที่ถูกเอ่ยชื่อรู้สึกทั้งโกรธทั้งอายแทบตาย

ยังต้องฝึกฝนนี่นา ถูกใต้เท้าเฮยอู๋ฉังดูถูกเสียแล้ว

“เจ้าเห็นภาพผีร้ายกลืนกินโจวเล่อแล้ว มันถูกบางสิ่งดึงความสนใจไป ถึงได้หนีไปจากเจ้ากะทันหัน เกิดตั้งสติได้แล้วกลับมาตามหาเจ้า เจ้าว่าเจ้าจะซ่อนตัวจากมันได้หรือไม่” เฮยอู๋ฉังชี้นำ เอ่ย “อย่างน้อยติดตามใต้เท้า ต่อไปยังมีโอกาสที่จะมีร่างใหม่”

ปีศาจโสมน้อยกลับคิดว่า ติดตามเฉินหลิวซี น่ากลัวเสียยิ่งกว่าถูกผีร้ายกลืนกินเสียอีก

แต่เฮยอู๋ฉังก็เอ่ยถูก อีกฝ่ายเจอมันแล้ว หากนึกขึ้นได้กลับมาตามหา ไม่ใช่รอความตายหรอกหรือ

ตอนนี้ถูกฉินหลิวซีจับเอาไว้ ช่างเข้ากับประโยคนั้น ออกจากปากเสือ เข้ารังหมาป่า

“พูดมาก มันไม่อยากติดตามข้า ข้าก็ไม่อยากเลี้ยงมันหรอก พอดีข้าจะเอากลับไปทำยา” ฉินหลิวซีส่งเสียงหยันหนักๆ

ปีศาจโสมน้อยร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เอ่ย “ข้ามิได้ไม่ยอม ข้าเพียงคิดถึงดินผืนนี้ ใต้เท้าอย่าได้เอาข้าไปทำยาเลย เลี้ยงข้าสักหน่อยข้าก็จะอวบอ้วนขึ้น ยังออกผลได้อีก นั่นจึงเป็นของดี ข้าให้ท่านหมดเลย”

มันเห็นว่าฉินหลิวซีเงียบไปจึงเอ่ย “ใต้เท้า แม้ข้าจะเป็นเพียงโสมต้นเดียว แต่ก็รู้ว่าโลกมนุษย์มีคำพูดที่ว่า เติบโตไม่หยุด ทำนานมีนาน ท่านเลี้ยงข้า ข้าก็จะออกผลได้เรื่อยๆ หากท่านต้องการโสมเล็กๆ น้อยๆ ไปทำยา ข้าก็ให้ท่านได้ หากข้าตายไปแล้ว ท่านดูสิ โลกมนุษย์พลังวิญญาณแตกกระจาย ไหนเลยจะมีโสมที่เป็นเช่นข้า สามารถบำเพ็ญเพียรจนมีจิตวิญญาณ ซ้ำยังเตรียมแปลงกาย ไม่มีใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าก็เป็นของวิเศษที่หาได้ยากเชียวนะ”

เห็นปีศาจโสมน้อยที่ขายตนเองอย่างหนัก ควงซานอ้าปาก อยากเอ่ยบางอย่าง เขาไม่ยอมให้ปีศาจโสมน้อยไป แต่เฮยอู๋ฉังเอ่ยปากแล้ว วาจาของเขาคงถูกเมินเฉยกระมัง

ช่างเถิด อย่าได้ทำตัวโง่เขลาอีกเลย

เฮยอู๋ฉังมองดูปีศาจโสมผู้น่าสงสาร มองไปยังฉินหลิวซี ช่วยเอ่ยขอร้อง “ใต้เท้า…”

“เอาล่ะๆ ไปกับข้า นับจากนี้ก็เป็นโสมของข้าแล้ว” ฉินหลิวซีทำสีหน้ายุ่งยาก

เฮยอู๋ฉังพ่นลมหายใจออกมา หันไปเอ่ยกับปีศาจโสมน้อย “ติดตามใต้เท้า ฝึกฝนสะสมบุญบารมีสักหน่อย ใต้เท้า ข้าต้องขอตัวแล้ว”

ฉินหลิวซีโบกมือ

รอเฮยอู๋ฉังหายไป ราชาผีตงฟางจึงเอ่ย “ใต้เท้า ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรขอรับ”

“อะไรทำอย่างไร ก็ต้องปล่อยไปแล้ว” ฉินหลิวซีวางปีศาจโสมไว้บนบ่า ยืนอยู่บนหินก้อนใหญ่ มองยอดเขาที่ปีศาจโสมน้อยบอก เอ่ยว่า “เห็นได้ว่าโจวเล่อรู้จักกับผีร้ายนั่น ทั้งสองคงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาไม่อยู่แล้ว บางทีอาจยินยอมก็เป็นได้ ยอดเขานั่นมีอะไรกัน”

ควงซานเอ่ย “นั่นคือเขาซวีหมี มีวัดพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่งตั้งอยู่”

ปลายนิ้วของฉินหลิวซีเคาะเบาๆ วัดพุทธหรือ ซื่อหลัวถูกดึงความสนใจไปที่นั่น หรืออย่างอื่นกันนะ

“ควงซาน ตอนนี้เจ้าเองก็ได้ยินแล้วว่าโจวเล่อจากไปอย่างไร รู้เรื่องผีร้ายที่หนีออกมา” ฉินหลิวซีหันกลับไปมองควงซาน เอ่ย “ยามนี้โจวเล่อไม่อาจกลับมาได้แล้ว ราชาผีนี้ เจ้าไม่อยากเป็นก็เป็นแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่การปกครองนี้ให้ได้”

“ห๊า”

“ซื่อหลัวกลืนกินโจวเล่อไม่เพียงพอแน่นอน พลังวิญญาณยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งมีประโยชน์กับเขา พวกเจ้าที่เป็นราชาผี กำชับผีใต้บัญชาให้ดี คอยระมัดระวังความผิดปกติ รีบจับตัวเจ้าสิ่งนี้ออกมาให้เร็วที่สุดเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย

ราชาผีตงฟางเอ่ย “ใต้เท้าบอกว่าไม่สนใจเรื่องนี้ ให้พุทธศาสนาดูแลไม่ใช่หรือ”

“ข้าไม่สนใจ แต่ไม่ได้หมายว่าข้าไม่อยากชมละครและอยู่เงียบๆ ตามหาเขาพาตัวออกมาได้แล้วก็ให้คนในวัดพุทธจัดการมัน พวกเราก็อยู่เงียบๆ ไป” ฉินหลิวซียิ้มร้าย

ราชาผีตงฟางเอ่ย เห็นได้ว่าท่านอิจฉาวัดพุทธที่มีผู้ศรัทธามากกว่า ธูปเทียนรุ่งโรจน์ จึงไม่อยากทำงานเหน็ดเหนื่อยนี้กระมัง

แต่นางก็เอ่ยถูก หากซื่อหลัวกลืนกินโจวเล่อคนเดียวไม่พอ กลับมากินพวกเขาอีก เช่นนั้นก็ซวยอย่างแท้จริง ต้องระมัดระวังไว้ให้ดี

ควงซานเอ่ย “ใต้เท้า ท่านกำลังยอมรับให้ข้าเป็นราชาผีใช่หรือไม่”

ฉินหลิวซีเอ่ยประหลาดใจ “ข้าไม่ยอมรับเจ้าตั้งแต่เมื่อใดกัน”

“ท่านต่อยข้า”

“ข้าต่อยเจ้าเพื่อให้เจ้าจดจำเอาไว้ ต่อไปข้าเรียกหาเจ้า เจ้าต้องมา” ฉินหลิวซีกรอกตา เอ่ย “โลกหยินหยาง[1] โลกหยางข้ายังพอเฝ้าดูแลได้บ้าง หรือว่าโลกหยินยังต้องให้ข้าไปยุ่งอีกหรือ เจ้าวางใจ มือข้าไม่ได้ยาวเพียงนั้น และไม่ได้มีใจคิดสนใจเพียงนั้น”

เหยียบข้ามโลกมีอะไรดี นางไม่มีทางทำเรื่องที่เสียกำลังเปล่าโดยไม่ได้ประโยชน์

“โลกหยินหยาง ต่างก็มีเหตุผลที่มีอยู่ อ่อนแอเป็นเหยื่อแข็งแกร่งเป็นผู้ล่า กำปั้นเจ้าแข็งเจ้าขึ้นเป็นใหญ่ นั่นเป็นความสามารถของเจ้า มิเช่นนั้นจะฝึกฝนไปเพื่ออะไร มิใช่เพราะต้องการให้ตนเองแข็งแกร่งหรือ แข็งแกร่งไร้ประโยชน์ จะเสียเวลาฝึกฝนไปเพื่ออะไร มิสู้เกียจคร้านไม่ดีกว่าหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ย “ดังนั้นในสายตาข้า ข้าไม่สนใจผู้ใดจะเป็นราชาผี ผู้ใดมีความสามารถผู้นั้นขึ้นเป็น สิ่งที่ข้าสนใจมีเพียงสิ่งเดียว ตอนที่ข้าต้องการมัน มันต้องเชื่อฟัง เข้าใจหรือไม่ หากไม่เชื่อฟังข้าก็จะต่อยเขาและต่อยจนกว่าจะเชื่อฟัง”

กราบท่านผู้เป็นใหญ่นี้ก็แล้วกัน

ฉินหลิวซีพยักหน้าพึงพอใจ เอ่ย “หวังว่าเจ้าจะหมั่นฝึกฝนและไม่ทำความชั่ว วันนี้เป็นวันมงคลของเจ้า ข้าต่อยเจ้า ทั้งลากเจ้าออกมา รบกวนเวลาเจ้ามานาน เจ้าสาวคงรอนานแล้ว มอบความโชคดีให้กับเจ้าสักหน่อย ขอให้เจ้ามีความสุขในวันแต่งงาน และขอให้เจ้าเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นราชาผี หวังว่าเจ้าจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ยาวนาน”

นางดีดปลายนิ้ว บุญกุศลก็ลอยร่วงลงมาบนร่างของเขาสองครั้ง

ตบหนึ่งครั้งให้น้ำหวานหนึ่งหยด นางยึดมั่นในสิ่งนี้

ควงซานตื้นตันใจคุกเข่าเอ่ยขอบคุณ “นับจากนี้ท่านคือบิดาข้า ต่อไปหากท่านให้ข้าไปตะวันตกข้าไม่มีทางไปตะวันออก”

หรือไม่ ราชาผีก็ไม่เป็นแล้ว ไปฝึกฝนอยู่ข้างกายท่านเป็นอย่างไร

ราชาผีตงฟางอิจฉา ใต้เท้ารังเกียจว่าพวกเขาแก่เนื้อไม่หอมเท่าคนหนุ่มหรือ

[1] โลกหยินหยาง หยินคือโลกผีวิญญาณ หยางคือโลกมนุษย์

******************************

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท