คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 248 เขาไม่ใช่ขาตั้งดอกไม้

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 248 เขาไม่ใช่ขาตั้งดอกไม้

เจ้าอาวาสชิงหลานรู้ว่าลูกศิษย์ของสหายนั้นมีนิสัยดื้อรั้น ไม่ชอบการบีบบังคับ แต่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางไม่เกรงใจเช่นนี้ ไม่ว่าคนตรงหน้าจะมีฐานะหรืออายุเท่าใด นางก็ยังคงบุคลิกความเป็นหมอ

เขาเหลือบมองหวังกง กระแอมไอ คิดอยากเอ่ยเสริมสักเล็กน้อย

หวังกงกลับหัวเราะ ตั้งใจเอ่ย “หากข้าทำไม่ได้เจ้าจะทำอย่างไร”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ทำไม่ได้ เช่นนั้นข้าก็จะไม่ฝังเข็มให้ท่านแล้ว อย่างไรก็ไร้ประโยชน์ จะได้ประหยัดเวลาข้า”

หวังกงหัวเราะเสียงดัง “ท่านเป็นหมอ มิใช่ควรพูดปากเปียกปากแฉะ โน้มน้าวจนถึงที่สุดหรือ”

“นั่นคือหมอคนอื่น แต่ข้าไม่เป็นเช่นนั้น เพียงเอ่ยประโยคเดียว อีกฝ่ายไม่ฟัง เช่นนั้นก็ช่างเถิด”

หวังกงชี้มาที่นางอย่างยอมแพ้ “ท่านเอ่ยเยี่ยงนี้ ข้ามิกล้าไม่ฟังแล้ว หวังลี่เจ้าให้หมอในจวนหยิบยาตามนี้ต้มมาให้ข้าเถิด”

“ขอรับ” ผู้ดูแลหวังตอบรับด้วยรอยยิ้ม เอ่ยขึ้นอีก “สมุนไพรเหล่านี้บ่าวดูแล้วล้วนเป็นสมุนไพรธรรมดาทั่วไป มิได้ขึ้นชื่ออะไร แต่แตกต่างไปจากใบจ่ายยาใบก่อนๆ อยู่บ้าง”

ฉินหลิวซีเอ่ย “ธรรมมาในแบบธรรมดา รูปร่างหน้าตาล้วนแล้วแต่เกิดมาแบบเดียวกัน ไม่ใช่เพราะฐานะคนสูงต่ำแล้วจะออกฤทธิ์แตกต่างกัน ดังนั้นอาการป่วยของคนผู้นี้จึงไม่ต้องอาศัยฐานะที่สูงส่งต้องใช้ยาหายากมารักษา เพียงแต่ให้ยาถูกกับอาการเท่านั้น”

“เอ่ยได้ดี” หวังกงโบกปัดมือ “เจ้ารีบไปให้หมอต้มยามา ข้าไม่อยากมีภาพหลอนอีกแล้ว”

ผู้ดูแลหวังรีบโค้งตัวคำนับก้าวถอยออกไป

เขาออกมานอกห้องแล้วสั่งให้บ่าวรับใช้ดูแลปรนนิบัติให้ดี ก่อนจะไปยังโรงหมอด้วยตนเอง นำใบจ่ายยาให้กับหมอดูว่าได้หรือไม่

หมอประจำจวนหวังผู้แซ่ชิว เป็นหมอหลวงคนหนึ่งมาจากสำนักหมอหลวง เพราะทำความผิดเล็กน้อยจึงถูกเนรเทศ ถูกหวังกงรับเอาไว้ เป็นหมอประจำโรงหมอในจวนมาโดยตลอด

ท่านหมอชิวเองก็กลัดกลุ้มใจกับอาการป่วยของหวังกง พลิกเปิดตำราแพทย์อยู่เสมอ ดูว่าจะเจอบันทึกการแพทย์ที่มีลักษณะการป่วยคล้ายแบบนี้หรือไม่ ได้ยินผู้ดูแลหวังบอกว่ามีคนมาตรวจพร้อมทั้งออกใบจ่ายยา จึงรับมาดู ทั้งได้ยินคำที่ฉินหลิวซีเป็นคนเอ่ย รู้สึกตกใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ไยข้าจึงไม่เคยนึกถึงจุดนี้กันเล่า เจ้านายชอบสุรา เหล้าทำให้เกิดความชื้น ความชื้นส่งเสริมไฟ ทำให้เสมหะร้อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

ผู้ดูแลหวังเอ่ย “เช่นนั้นใบจ่ายยานี้”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ใบจ่ายยาใช้ได้ ขจัดเสมหะร้อน แน่นอนว่าต้องทำให้สติสัมปชัญญะไหลลื่น ผีในจิตปรุงแต่งก็จะหายไป” หมอประจำจวนชิวเอ่ยด้วยความสนใจ “นี่คือใบจ่ายยาที่เจ้าอาวาสชิงหลานเป็นคนออกหรือ”

ผู้ดูแลหวังส่ายศีรษะ “เป็นนักพรตเช่นเดียวกับเจ้าอาวาสชิงหลานกระมัง ศิษย์หลานผู้หนึ่ง”

“จริงหรือ ในอารามเต๋าก็มีหมอยอดเยี่ยมเช่นนี้ด้วยหรือ ไม่ได้ ข้าต้องไปดู” ท่านหมอชิวปิดตำราลง

ผู้ดูแลหวังดึงเขาเอาไว้ “ก่อนอื่น ท่านต้องเอาสมุนไพรออกมาต้มก่อนถึงจะได้”

“ได้ๆ” ท่านหมอชิวไปที่ห้องเก็บสมุนไพร หยิบสมุนไพรมาด้วยตนเอง เติมน้ำสามถ้วยลงไป จากนั้นกำชับให้ผู้ดูแลหวังและเด็กปรุงยาให้ดูไฟ ส่วนตัวเขากลับไปที่เรือนหวังกง

ตอนที่เขาไปถึง ฉินหลิวซีกำลังเตรียมฝังเข็ม เขาคารวะหวังกงและเจ้าอาวาสชิงหลาน จากนั้นหันไปมองฉินหลิวซี ดวงตาเบิกโต

ตอนฟังผู้ดูแลหวังบอก เขานึกว่าศิษย์หลานของเจ้าอาวาสชิงหลานจะอายุกี่สิบปีแล้ว แต่ดูแล้วผู้นี้ เพิ่งถึงวัยสวมกวนหรือ

ท่านหมอชิวยืนเมียงมองอยู่ด้านข้าง เห็นฉินหลิวซียังจะฝังเข็ม จึงเอ่ย “ท่านนักพรตไม่ได้มีนักพรตน้อยติดตามมาด้วย ให้ข้า เป็นผู้ช่วยหรือไม่”

คนที่สามารถออกใบจ่ายยาเช่นนั้นได้ วิชาการแพทย์คงยอดเยี่ยม การฝังเข็มนี้เขาเองก็อยากเห็น

หวังกงรู้นิสัยของเขา เอ่ย “นักพรตน้อยจะฝังเข็ม เหล่าชิวเจ้าถอยไปก่อน”

ท่านหมอชิวใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมา รู้ความหมายแฝงของประโยคนี้ หมอล้วนมีเคล็ดลับวิชาของตนเอง โดยเฉพาะการฝังเข็ม โดยทั่วไปไม่ให้ความสำคัญกับคน ให้ความสำคัญกับเคล็ดวิชาที่ถ่ายทอดต่อกันมา นอกจากลูกศิษย์ของตนหรือตระกูล ก็ไม่ส่งต่อให้คนนอก

เขาบุ่มบ่ามแล้ว

ท่านหมอชิวยกมือประสาน “ข้าลืมตัวแล้ว”

เขากำลังจะถอยห่าง ฉินหลิวซีก็มองมา เอ่ย “หากท่านอยากดูก็เข้ามายืนดู เพียงฝังเข็มเท่านั้น”

ท่านหมอชิวชะงัก

ฉินหลิวซีเอ่ย “ลัทธิเต๋าอาศัยการแพทย์ในการเข้าสู่เต๋า และใช้เต๋าในการอธิบายการแพทย์ เคล็ดวิชาฝังเข็มแม้จะสำคัญ แต่การส่งต่อสำคัญกว่า หากเรียนรู้แล้ว ใช้การแพทย์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ นับเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง อีกอย่า ข้าฝังให้เขาก็มิใช่เคล็ดวิชาอันใด ไม่กลัวว่าท่านจะดู ยิ่งไม่กลัวว่าท่านจะเรียนรู้”

ท่านหมอชิวได้ยินเช่นนั้น ใบหน้ายิ่งร้อนขึ้นมาหลายส่วน ยกมือประสาน เอ่ย “เป็นข้าที่มีใจต่ำต้อยแล้ว”

ฉินหลิวซีโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เปิดห่อเข็มออก หาจุดฝังเข็มก่อน เอ่ยกับหวังกง “เสมหะปิดกั้นสติ การฝังเข็มของข้าจะทำให้กลับเป็นปกติ เลือดลมไหลเวียน ทำให้สติและจิตใจผ่องใส จากนั้นดื่มยา สามชุดก็ดีขึ้นแล้ว”

“ลำบากท่านแล้ว”

“เช่นนั้นข้าจะเริ่มฝังเข็มให้ท่าน” ฉินหลิวซีหยิบเข็มขึ้นมาหนึ่งเล่ม ฆ่าเชื้อ ปักตรงลงไปในจุดซ่างซิง[1]ตามชื่อเรียกสิบสามเข็ม จุดนี้ยังเรียกว่ากุ่ยถัง[2]อีกด้วย

ต่อมา หยิบเข็มหนึ่งเล่มปักเอียงลงที่จุดฝังเข็มเก๋อซู[3] นางหมุนเข็มเงินเบาๆ ยกขึ้นมาแล้วปักลงไปอีกครั้ง ทำแบบนั้นอยู่สามรอบ กระทั่งหวังกงส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอขึ้นมา

“เจ็บนิดๆ ก็ปกติแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเบา มือหยิบเข็มขึ้นมาอีกหลายเล่ม ลงเข็มกระจายไปตามจุดลมปราณของหวังกงโนเวลพีดีเอฟ

ท่านหมอชิวดูการฝังเข็มทุกเล่มของอีกฝ่ายโดยละเอียด เห็นเขาลงเข็มไม่ใช่ฝีมือธรรมดา หาจุดลมปราณก็แม่นยำ ลงเข็มไปด้วยโดยมีแผนการอยู่ในใจ ตนเองจึงถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้

การฝังเข็มของเขาไม่ใช่เคล็ดวิชาลับแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาเอ่ย ตำแหน่งของจุดลมปราณของแต่ละคนนั้นสำคัญ หากพลาดแม้เพียงนิด ผลลัพธ์ที่ได้นั้นแตกต่างกันอย่างยิ่ง อาจหนักจนถึงขั้นรักษาจนตาย

ดังนั้นการลงเข็มไม่ใช่จะทำได้เองง่ายๆ ก่อนอื่นต้องคุ้นเคยกับจุดลมปราณของร่างกาย เช่นนี้จึงจะหาจุดฝังเข็มได้ ค่อยลงเข็มลงไป

ตัวเขาเองก็ยังฝึกลงกับหุ่นไม้จำลองอยู่หลายรอบ จึงกล้าฝังบนร่างกายของคนป่วย ทำเช่นนี้มากว่ายี่สิบปีแล้ว

แต่นักพรตน้อยตรงหน้า อายุยังน้อย ยังลงเข็มได้แม่นยำเพียงนี้ เมื่อมองดูยามที่อีกฝ่ายตั้งใจคลึงอย่างละเอียด อีกทั้งหน้าผากของหวังกงเริ่มมีเหงื่อซึม ก็เห็นได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เพียงขาตั้งดอกไม้

ท่านหมอชิวรู้สึกคุ้นตา หากหลานของตนมีพรสวรรค์เช่นนี้คงจะดีไม่น้อย

“ทิ้งเข็มไว้หนึ่งเค่อ” ฉินหลิวซีรับผ้าจากบ่าวรับใช้มาเช็ดมือ เอ่ยกับหวังกง “รู้สึกเจ็บเล็กน้อยไม่เป็นไร เลือดลมไหลเวียนแล้ว ขับความชื้นออกจากอวัยวะได้ แต่หลังจากนี้ท่านจะดื่มเหล้าราวกับน้ำมิได้แล้ว”

หวังกงมีสีหน้าน่าสงสาร เอ่ย “ข้าดื่มเพียงจอกเล็กๆ”

“จอกเล็กหรือ ความจริงก็ไม่ถึงขั้นเสียสติ” ฉินหลิวซีคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม ใช้สายตาข้าและท่านเห็นไปถึงไส้ถึงพุงแล้ว

หวังกงกระแอมไป

ท่านหมอชิวเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “นักพรตน้อยรู้ได้เช่นไรว่าเป็นเพราะเหล้าหรือ”

“ผู้รักษาต้องไต่ถามให้ละเอียดพิถีพิถันทุกอย่าง คนป่วยคนเดียวถามหาอาการป่วยไม่ได้ ก็ต้องดูสภาพแวดล้อม เมื่อมั่นใจแล้ว ทั้งสองฝ่ายให้ความร่วมมือกัน เช่นนั้นก็ตัดสินได้แล้ว ตอนที่ข้ากับเจ้าอาวาสเข้าจวนมา บังเอิญเจอกับบ่าวรับใช้กำลังยกเหล้า และร่างกายของหวังกงก็มีกลิ่นเหล้าจางๆ จมูกข้าดีจึงได้กลิ่นอยู่บ้าง”

หมอประจำจวนเหงื่อตก เขาเป็นถึงหมอประจำจวนตระกูลหวัง แต่กลับไม่คิดถึงเรื่องนี้ เพราะประสบการณ์หรือ

[1] จุดซ่างซิง จุดเหนือหน้าผากขึ้นไปในบริเวณผม ถ้าแสกผมตรงกลางก็จะอยู่ตรงร่องผมพอดีเหนือหน้าผากขึ้นไปเล็กน้อย

[2] กุ่ยถัง เป็นหนึ่งในสิบสามเข็ม

[3] จุดฝังเข็มเก๋อซู จุดฝังเข็มบริเวณหลัง อยู่ห่างจากขอบล่างปุ่มกระดูกสันหลังอกที่ 7

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท