คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 254 ยืมใช้พื้นที่ของท่านสักนิด

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะมีสาขามากมายในต้าเฟิง เมืองชิงโจวเองก็ไม่ต่าง เปิดอยู่บนถนนจูเชวี่ยทำเลดีมาก การตกแต่งไม่ได้ต่างจากเมืองหลีมากนัก มีเพียงประดับภาพดอกทับทิมที่เป็นดอกไม้มงคลของชิงโจวเพิ่มเข้ามา

ตอนฉินหลิวซีไปถึง ในร้านไม่มีลูกค้ามีเพียงหมอวัยกลางคนนั่งเฝ้าร้านและผู้ช่วยคนหนึ่งที่นั่งประจำที่โต๊ะด้านหน้ากำลังจดบันทึกสมุนไพรอยู่ เมื่อฉินหลิวซีเดินเข้าไป เขาก็วางสิ่งที่ทำอยู่เดินเข้ามาต้อนรับ

“ลูกค้าต้องการสิ่งใดหรือ มาซื้อยาตามใบจ่ายยาหรือมาให้ท่านหมอช่วยตรวจหรือ” ผู้ช่วยหันมาหาฉินหลิวซี คิ้วคมเลิกขึ้น คนผู้นี้มองแล้วคุ้นตายิ่งนัก เคยเจอที่ใด

ยังไม่รอให้เขามองให้ดี หน้าประตูพลันมีเสียงดังเข้ามา ผู้ช่วยมองไป สตรีผู้หนึ่งกำลังอุ้มเด็กหญิงใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดยืนมองพวกเขาด้วยท่าทางลังเลอยู่หน้าประตู อยากเข้ามาแต่ก็ไม่กล้าเข้ามา

เมื่อผู้ช่วยเห็นชัดแล้วพลันร้องตะโกนขึ้น “ท่านหมอตู้ รีบมาดูแม่นางน้อยผู้นี้ขอรับ”

หมอตู้ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นเดินเข้ามา เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหญิงจึงมีน้ำเสียงตกใจ “ไยจึงเป็นเยี่ยงนี้เล่า รีบเข้ามาเถิด”

สตรีผู้นั้นจึงเข้ามา ทว่าเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างฉินหลิวซี

“เป็นอะไรหรือ” หมอตู้เดินเข้ามาใกล้ เอ่ย “บาดแผลบนใบหน้าลึกสักหน่อย กลัวว่ารักษาหายแล้วจะหลงเหลือรอยแผลเป็น”

เดิมทีผิวหนังของเด็กหญิงก็บาง ถูกแส้ม้าที่มีตะขอฟาดเข้าใส่ จะบอกว่าผิวหนังเปิดเนื้อปริก็ไม่เกินไป

อีกอย่าง คุณชายถูเก้าผู้นั้นเดิมก็ปล่อยม้าวิ่งตามอำเภอใจ ความเร็วยิ่งยวด เช่นนี้ความเร็วในการสะบัดแส้และการเสียดสีทำให้บาดแผลยิ่งหนัก

สตรีผู้นั้นได้ยินก็น้ำตาร่วงลงมาอีกครั้ง

หมอตู้เอ่ยถาม “แต่บาดเจ็บมานานเพียงใดแล้ว ใช้ยาใดแล้วหรือไม่ เลือดถึงได้หยุดไหลแล้ว”

มองดูบาดแผลไม่ได้มียาฆ่าเชื้อใดๆ แต่เลือดกลับหยุดไหลแล้ว

ผู้ช่วยมองใบหน้าของเยี่ยนเอ๋อร์ รู้สึกเจ็บบนใบหน้าตนเองขึ้นมาแทน มองดูด้วยความสงสาร เอ่ย “เด็กน้อยเจ็บมากเลยใช่หรือไม่ ไม่ต้องกลัว ท่านหมอจะช่วยรักษาเจ้าให้หาย”

เยี่ยนเอ๋อร์ส่ายศีรษะ “เยี่ยนเอ๋อร์ไม่เจ็บ”

ทุกคนได้ยินแล้วยิ่งสงสาร บาดเจ็บหนักเช่นนี้จะไม่เจ็บได้อย่างไร คงเพราะเด็กรู้ความ ไม่อยากให้ผู้ใหญ่กังวลเลยเอ่ยเยี่ยงนี้

เยี่ยนเอ๋อร์กลับเอ่ยความจริง ไม่รู้ว่าฉินหลิวซีเอาอะไรให้นางกิน ไม่รู้สึกว่าใบหน้าเจ็บปวดแล้ว

หมอตู้ให้พวกนางเข้าไปนอนที่เตียงด้านใน ยังให้ผู้ช่วยไปเรียกเด็กปรุงยามา

“ท่านหมอ นางบอกว่าจะช่วยรักษาบาดแผลให้ลูกสาวข้า” แม้สตรีผู้นั้นจะรู้สึกขอบคุณที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะไม่ได้ไล่พวกนาง แต่ยังจำคำของฉินหลิวซีได้จึงเอ่ยขึ้น

ท่านหมอตู้และผู้ช่วยผู้นั้นตกใจ หันไปมองฉินหลิวซี

“ไม่ผิด ขอยืมใช้พื้นที่ของท่านสักหน่อย” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ท่านหมอตู้เห็นว่าอายุนางยังน้อย เอ่ย “เจ้ารู้การแพทย์หรือ มิใช่ข้าดูถูกเจ้า ต่อให้เจ้ารู้วิชาฉีหวง[1] แต่เด็กคนนี้อายุยังน้อยทั้งยังอ่อนแอ บาดแผลนี้อยู่บนใบหน้า ไม่อาจทนต่อการทรมานจากเจ้าได้”

ความหมายก็คือเจ้าอย่าได้เหลวไหล อย่างไรก็ให้ผู้ใหญ่จัดการ อย่าทรมานเด็กเลย

หญิงผู้นั้นหัวใจสั่นระริก มองไปยังฉินหลิวซี นางอายุน้อยจริงๆ จะเก่งเท่าท่านหมอแห่งร้านยาตำหนักอายุวัฒนะหรือ

ผู้ช่วยไปตามผู้จัดการมาแล้ว

ฉินหลิวซีเอ่ย “ในเมื่อข้าเอ่ยเช่นนั้นออกไปแล้ว แน่นอนว่ามีความมั่นใจ”

ผู้จัดการแหวกผ้าม่านเข้ามา หัวคิ้วขมวดมุ่น ก่อนอื่นหันไปมองเด็กน้อยที่ใบหน้ามีบาดแผล เมื่อมองเห็นบาดแผลของนางชัดๆ แล้วก็อดสูดลมหายใจอย่างสิ้นหวัง

บาดแผลนี้หนักเกินไปหรือไม่ ต่อให้รักษาหายได้ก็ต้องเหลือร่องรอยแผลเป็น

สตรีมีแผลเป็นบนใบหน้าจากนี้คงจะลำบากแล้ว

เขาหันไปมองฉินหลิวซี อยากเอ่ยเกลี้ยกล่อมว่าบาดแผลของเด็กคนนั้นหนักอย่าได้เล่นเหลวไหล แต่เมื่อมองเห็นหน้าฉินหลิวซีเขาก็ต้องใจไม่น้อย ขยี้ดวงตาของตนอย่างไม่อยากเชื่อ

เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ

ไม่มีเขา ก็ไม่มีร้านยาตำหนักอายุวัฒนะในทุกวันนี้ คนผู้นั้นที่เจ้าของร้านสั่งเอาไว้ว่าห้ามล่วงเกินเด็ดขาด

ฉินปู้ฉิว อารามชิงผิง

ผู้จัดการเยี่ยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านาง สองมือยกประสานก่อนจะโค้งคารวะ เอ่ยอย่างตื่นเต้น “ท่าน ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรขอรับ”

เอ๋ รู้จักหรือ

ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “เจ้ารู้จักข้าหรือ”

ความจริงนางมีตรารับรองจากร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ หากพวกเขาไม่ยอมให้ยืม ก็จะใช้ตรารับรอง

แต่ผู้จัดการผู้นี้กลับรู้จักตนเองโนเวลพีดีเอฟ

“แน่นอนว่าข้าน้อยรู้จักขอรับ นายท่านได้ติดภาพวาดของท่านเอาไว้ทุกๆ สาขา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด คนครอบครัวเดียวกันจะไม่รู้จักกัน จะเผลอไปด่าว่าท่านเอาได้ขอรับ” ผู้จัดการเอ่ยด้วยท่าทางนอบน้อม

หมอตู้ผู้ไม่ลืมหูลืมตา “?”

ผู้ช่วยเองก็นึกขึ้นมาได้ ภาพวาด จริงสิ ในห้องด้านหลังมีรูปเหมือนแขวนอยู่รูปหนึ่ง มิใช่คล้ายกับคนตรงหน้าหรอกหรือ

“ผู้จัดการ ผู้นี้คือ” ท่านหมอตู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“นี่คือคุณชายปู้ฉิว คือนักพรตหมอจากอารามชิงผิงเมืองหลี เป็นสหายที่นายท่านเทิดทูน และเป็นแขกคนสำคัญของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ” ผู้จัดการเยี่ยเอ่ยแนะนำด้วยรอยยิ้ม

ท่านหมอตู้ดวงตาไหววูบอย่างตกใจ

ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะมีกฎภายในอยู่หนึ่งข้อ สมุนไพรในร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ ไม่ว่าจะเป็นอะไร เพียงฉินปู้ฉิวอารามชิงผิงต้องการ ไม่มีไม่ได้

“ปากของเจ้านี้ช่างปราดเปรียว อย่าเพิ่งเอ่ยเรื่องนี้ ให้คนเอาน้ำอุ่นมา ด้ายไหมและเข็มต่างๆ…” ฉินหลิวซีบอกสิ่งที่ตนเองต้องการ ช่วยคนก่อน ส่วนเรื่องภาพวาดอะไรนั่น ค่อยไปคิดบัญชีกับเจ้าแซ่ซังนั่น

ผู้จัดการเยี่ยมองไปยังผู้ช่วย อีกฝ่ายก็ไม่กล้าถามมาก รีบออกไปจัดเตรียม

เมื่ออุปกรณ์ส่งมาให้ ฉินหลิวซีจึงเอ่ยกับเยี่ยนเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียง “เจ้าหลับสักตื่น ข้ารับรอง เจ้าตื่นมาก็จะดีแล้ว”

เพราะลูกกวาดหวานก่อนหน้านี้ เยี่ยนเอ๋อร์มีความเชื่อมั่นต่อนางมากจึงพยักหน้าอย่างว่าง่าย

ฉินหลิวซีจึงกดจุดสลบของนางลงไป ดวงตาของเยี่ยนเอ๋อร์ปิดลง สลบไปทันใด

สตรีผู้นั้นตกใจ “คุณ คุณชาย ลูกของข้านาง”

“บาดแผลลึกเกินไป หากต้องการให้ปิดสนิทและกลับมาหายเป็นปกติได้โดยเร็วจำเป็นต้องเย็บ ระหว่างที่เย็บแผล ต่อให้ใช้ยาชาไม่รู้สึกเจ็บ แต่นางเห็นเข็มเย็บบนหน้าตนเองคงกลัว สลบไปมองไม่เห็น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของตน ต่อไปก็จะไม่มีผลกระทบต่อจิตใจทุกครั้งที่เห็นเข็มด้าย” ฉินหลิวซีอธิบาย เอ่ย “รอจัดการบาดแผลเสร็จดีแล้ว นางก็จะตื่นมา”

สตรีผู้นั้นได้ยินก็รู้สึกซาบซึ้งใจไม่น้อย คุกเข่าโขกศีรษะให้ “ขอบคุณคุณชายที่ใส่ใจ”

“ลุกขึ้นมาเถิด หากเจ้ากลัวไม่ต้องดูก็ได้ หากเจ้าจะดู อย่าได้ส่งเสียงดังต่อการรักษาขั้นต่อไป เพื่อไม่ให้รบกวนข้า”

“ข้าจะไม่เสียงดังเจ้าค่ะ จะไม่เสียงดังแน่นอน” สตรีผู้นั้นยกมือขึ้นปิดปากตนเองเองไว้ ก้าวถอยหลังสองก้าว กลัวว่าจะไปขวางทางอีกฝ่ายเข้า

ฉินหลิวซีจึงฆ่าเชื้อทำความสะอาดมือ ใช้ผ้าขนหนูนุ่มชุบน้ำอุ่นทำความสะอาดคราบเลือดจากบาดแผลของเยี่ยนเอ๋อร์ด้วยตนเอง น้ำหนักมือเบามากราวกับกลัวทำให้เด็กน้อยจะรู้สึกเจ็บ

รอทำความสะอาดคราบเลือดสะอาดแล้ว เผยให้เห็นบาดแผลน่ากลัว ทำให้คนเกิดความสงสารขึ้นมาในใจ สูดหายใจเข้าลึก

ซือเหลิ่งเย่ว์เห็นแล้วยิ่งรังเกียจคุณชายถูเก้าผู้นั้นขึ้นไปอีก เอ่ยเสียงเย็น “เจ้าถูเก้านี่สมควรตายจริงๆ เด็กตัวเล็กๆ ต้องมาลำบากแบบนี้เพราะสิ่งที่เขาก่อ”

ฉินหลิวซีไม่เอ่ยวาจา สายตาไม่เปลี่ยน เพ่งสมาธิไปยังมือของตน

คนทำความชั่วต้องได้รับผลกรรมอย่างแน่นอน เด็กคนนี้ลลำบากมากเพียงใด ไม่มีการเอนเอียง ไม่เสียเปรียบแม้เพียงนิด

ยุติธรรม เป็นธรรม

[1] ฉีหวง เป็นตำราแพทย์แผนจีนมีสองภาค ภากแรกคือการถามตอบระหว่างหวงตี้กับฉีปั๋ว (หนึ่งในขุนนางที่เป็นอาจารย์) อีกภาคบันทึกเรื่องราวความเร้นลับ มีชื่อเดิมว่าเจินจิงหรือตาราการฝังเข็ม ฉีหวงจึงเป็นคำเรียกแทนการวิชาการแพทย์แผนจีนสาขาต่างๆ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท