คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 255 ลอยเหนือเวรกรรม

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 255 ลอยเหนือเวรกรรม

การเย็บปิดแผลเรื่องแบบนี้ฉินหลิวซีทำมาไม่น้อย ก่อนที่นางจะมา วันเบิกเนตรปรมาจารย์ลัทธิเต๋าวันนั้น นางก็เย็บแผลให้ซิ่วไฉผู้นั้น ทักษะการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วคุ้นเคยเป็นที่สุด

เพียงแต่เด็กหญิงตรงหน้า กลับโชคดีกว่าซิ่วไฉผู้นั้นร้อยเท่า ไม่รู้สึกเจ็บไม่พอ ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตน อีกฝ่ายทำอย่างเบามือที่สุด และละเอียดถี่ถ้วนเป็นพิเศษ

ท่านหมอตู้ยืนดูอยู่ข้างๆ เห็นฉินหลิวซีเย็บราวกับเย็บซ่อมเสื้อผ้า เย็บปิดปากแผลแหว่งไปมาทีละนิด ไม่รีบร้อน มือมั่นคง

ที่แท้บาดแผลก็เย็บเช่นนี้ได้

ท่านหมอตู้กลืนน้ำลาย ปลายนิ้วมือสั่นเบาๆ

ผู้ช่วย ผู้ช่วยปรุงยายืนดูอยู่ด้านข้าง มุมปากกระตุก สูดหายใจเข้าลึกอยู่หลายครั้ง ราวกับเข็มนั้นเย็บลงมาที่ใบหน้าตนเอง เจ็บไม่เบา

มีเพียงผู้จัดการเยี่ยผู้นั้นมองด้วยสายตาชื่นชม ได้ยินมานานแล้วว่าหมอนักพรตปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิงผู้นี้มีทักษะการแพทย์ล้ำเลิศ ทักษะการปรุงยาก็ไม่ธรรมดา ยาชนิดเดียวกัน ผลลัพธ์ที่นางปรุงออกมา สูงกว่าหมอปรุงยาอื่นทั่วไป

ก่อนหน้านี้เพียงได้ยินไม่เคยเห็นกับตา ความรู้สึกส่วนใหญ่คิดว่าเอ่ยเกินจริงไปมาก ยามนี้ได้เห็นด้วยตาตนเอง ช่างเปิดโลกแล้วจริงๆ

ได้ยินได้ฟังมาบ่อยๆ ว่ายันต์และการดูโหงวเฮ้งของอีกฝ่ายก็เยี่ยมยอดนี่นา

ผู้จัดการเยี่ยถูมือไปมา ตื่นเต้นขึ้นมา ไม่รู้จะขอยันต์คุ้มภัยสักแผ่นได้หรือไม่

ซือเหลิ่งเย่ว์ยืนดูอยู่ด้านข้างเงียบๆ ดวงตามีแสงสว่างวาบประหลาด ชื่นชมและยิ่งนับถือ

นางเก่งกาจมากจริงๆ

ฉินหลิวซีลงเข็มสุดท้าย หน้าผากมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย มัดปมเส้นด้ายให้แน่นจากนั้นค่อยลุกขึ้นมา เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก

นางรับผ้าที่ผู้จัดการเยี่ยส่งมาให้ พยักหน้าส่งเสียงขอบคุณเบาๆ มองใบหน้าเยี่ยนเอ๋อร์ที่มีรอยเย็บ พ่นลมหายใจออกมาดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ในร้านมีอวี้เสวี่ยจีหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยถามผู้จัดการเยี่ย

ดวงตาของผู้จัดการเยี่ยหดเกร็ง เอ่ย “ท่านจะใช้อวี้เสวี่ยจีหรือขอรับ”

ฉินหลิวซีพยักหน้า “หยิบมา หยิบผงไข่มุกเหล่านั้นมาด้วยสักหน่อย”

ผู้จัดการเยี่ยมองสตรีที่อยู่ในชุดเสื้อผ้ามีรอยปะ มีสีหน้าลังเล เกรงว่าสตรีผู้นี้คงจะจ่ายไม่ไหว

ฉินหลิวซีมองสายตาของเขา จึงเอ่ย “เอามาก่อน ลงไว้ในบัญชีของข้า เดี๋ยวข้ากลับเมืองหลีแล้วจะให้ผู้จัดการที่เมืองหลีส่งมาทดแทนให้ก็พอ”

ซือเหลิ่งเย่ว์ดวงตาวาวขึ้น อวี้เสวี่ยจีนั่นคือยาดีที่มีมูลค่านับพันตำลึง ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะยังไม่แน่ว่าจะมีสำรอง มีเงินใช่ว่าจะหาซื้อได้ แต่นางบอกจะใช้ก็ใช้ยังโยกย้ายของได้ด้วย

ผู้จัดการเยี่ยเอ่ย “ไม่ต้องหรอกขอรับ นายท่านสั่งเอาไว้ตั้งนานแล้ว ว่าท่านอยากใช้อะไรก็ได้ ท่านรอสักครู่ขอรับ”

ยาล้ำค่าอย่างอวี้เสวี่ยจีนี้ ไม่วางอวดหราอยู่ด้านหน้าต้องเก็บซ่อนเอาไว้ให้ลึก

เขาสั่งให้ผู้ช่วยปรุงยาไปเอาผงไข่มุก ตัวเขากลับหยิบกุญแจจากคอออกมา เข้าไปในห้องเก็บสมุนไพร

ตอนที่ฉินหลิวซีกำลังรอก็หยิบพู่กันออกมาแล้วเขียนใบจ่ายยาหนึ่งใบ ล้วนเป็นยาลดการบวมและลดการอักเสบ นางหันกลับไป มองสตรีผู้นั้น ทว่าหัวคิ้วพลันขมวดมุ่น

ซือเหลิ่งเย่ว์เห็นท่าทางของนาง เอ่ยถาม “ทำไมหรือ สตรีผู้นั้นมีสิ่งใดไม่ถูกหรือไม่”

ฉินหลิวซีกำใบจ่ายยา เม้มริมฝีปาก ถามสตรีผู้นั้น “สามีของเจ้าไม่ดีกับเจ้าหรือ”

สตรีผู้นั้นชะงักไป นางมีสีหน้าขมขื่น หันมองไปยังบุตรสาวที่นอนอยู่บนเตียง เอ่ย “ครอบครัวสามีรังเกียจที่ข้าให้กำเนิดบุตรสาว แต่หลานสาวคนแรก ตอนเกิดมาก็ยังดี เพียงแต่หลายปีมานี้ท้องของข้ายังไม่มีความเคลื่อนไหว เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่พอใจ แต่สตรีผู้ใดไม่ใช่แบบนี้เล่า ยอมรับไปก็พอแล้ว”

“หากข้าบอกเจ้าว่าเจ้าอาจตายเพราะเหตุนี้ยังจะทนอยู่หรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ย

โหงวเฮ้งของคนเปลี่ยนไปตามโชคชะตา ก่อนหน้านี้โหงวเฮ้งของสตรีผู้นี้แสดงออกถึงความไม่ลงรอยของสามีภรรยา มีความทุกข์แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ตอนนี้ใบหน้าของนางกลับมีไอแห่งความตายคลุมอยู่หนึ่งชั้น

เป็นเวลาเพียงชั่วครู่ โหงวเฮ้งก็เปลี่ยนไปแล้ว

ฉินหลิวซีนึกขึ้นได้รีบหันไปมองเยี่ยนเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียง ใบหน้าเครียดขึ้น กำใบจ่ายยาเอาไว้แน่นโนเวลพีดีเอฟ

ไอแห่งความตายทั้งนั้น

บรรยากาศรอบตัวของฉินหลิวซีเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขึ้นมา แม้แต่ซือเหลิ่งเย่ว์ก็ก้าวถอยไปสองก้าว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงท่านหมอตู้และผู้ช่วยที่อยู่ในสถานการณ์ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง

ไม่รู้ทำไม เพียงแต่กลัว

ผู้จัดการร้านหยิบอวี้เสวี่ยจีกลับมา เห็นบรรยากาศอึมครึมก็ชะงักไปทันใด จากนั้นหันมองใบหน้าของฉินหลิวซีดูไม่น่ามองนัก จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณชาย นำอวี้เสวี่ยจีมาแล้วขอรับ”

“อวี้เสวี่ยจี อวี้เสวี่ยจีจริงๆ หรือ รีบไปรายงานนายหญิงสาม” หน้าประตูมีเสียงร้องตกใจขึ้นมา

ทุกคนมองไป มีคนวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ เป็นสาวใช้แต่งตัวในชุดกระโปรงยาวสีชมพูผู้หนึ่ง

“ผู้จัดการเยี่ย เมื่อวานที่พวกเรามาถามเจ้าบอกไม่มี ตอนนี้มีแล้วหรือ เช่นนั้นก็ดี อวี้เสวี่ยจีนี้นายหญิงสามของเราเอาแล้ว ราคาเท่าใดพวกข้าก็จ่ายได้” สาวใช้ใบหน้าทะนงตัว

พวกเขามาถามอวี้เสวี่ยจีแทบทุกวัน อย่างไรวันเกิดของกุ้ยเฟยก็ใกล้เข้ามาแล้ว นายหญิงสามหาของขวัญที่เหมาะสมยังไม่ได้ ยามนี้หากได้อวี้เสวี่ยจีส่งไปให้ แน่นอนว่าจะต้องเป็นของขวัญที่เป็นหน้าเป็นตาได้อย่างแน่นอน

ฉินหลิวซีดวงตาหรี่ลง

มีคนเดินเข้ามาอีก ครั้งนี้เป็นสตรีอายุน้อยในชุดกระโปรงหรูหรา ม้วนมวยผมปล่อยปอยผมคลอเคลียข้างแก้ม สวมใส่เครื่องประดับอัญมณีราคาแพง

นางแต่งหน้าสะสวย หางตากรีดลากยาวขึ้น ปลายคางเล็กแหลม เย่อหยิ่งอย่างเป็นที่รู้กัน ยามปรายหางตามองคนยิ่งเหยียดหยามไม่ปิดบัง สูงส่งยิ่งนัก

“เป็นอวี้เสวี่ยจีจริงๆ หรือ” สตรีผู้นั้นยามเอ่ยถึงอวี้เสวี่ยจี แม้จะยังวางมาดแต่น้ำเสียงนั้นมีความยินดีและรีบร้อนซ่อนอยู่

ซือเหลิ่งเย่ว์จำคนผู้นี้ได้ เอ่ยกับฉินหลิวซี “นี่คือนายหญิงถูสาม เป็นคนที่ข้าเคยบอกกับท่าน พี่สะใภ้สามของถูเก้าคนนั้น เวรกรรมจริงๆ”

นายหญิงถูสาม และก็เป็นสตรีตระกูลเหมิง

ฉินหลิวซีมองสตรีผู้นั้นเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองอวี้เสวี่ยจีในมือของผู้จัดการเยี่ย หันไปมองสตรีผู้นั้นและเยี่ยนเอ๋อร์ พบว่าไอแห่งความตายเข้มขึ้นมาอีก พลันเข้าใจถึงที่มาของไอแห่งความตายนี้

นางยิ้ม ทว่ารอยยิ้มไปไม่ถึงดวงตา

เวรกรรมมหัศจรรย์เช่นนี้ ถูเก้าทำให้เยี่ยนเอ๋อร์บาดเจ็บ นางช่วยเอาไว้ ใช้อวี้เสวี่ยจี พวกเยี่ยนเอ๋อร์กลับต้องมาตายเพราะสิ่งนี้ เพราะนายหญิงถูสามไม่มีทางปล่อยอวี้เสวี่ยจีไป อยากได้แต่ไม่ได้ เช่นนั้นจำต้องแย่ง แย่งไม่ได้ จำต้องลงมือจนถึงที่สุด

ตามนิสัยของถูเก้าที่เห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลา ตระกูลเหมิงยิ่งใช้อำนาจบาตรใหญ่ กับชาวบ้านชั้นต่ำที่ไม่มีเสรีภาพในสายตาของนายหญิงถูสามผู้นี้ จะมีความเมตตาได้อย่างไร

นางไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพียงให้เงินครอบครัวสามีของสตรีผู้นี้เล็กน้อยก็สามารถเอายามาได้

และการกระทำของนายหญิงถูสาม ฉินหลิวซีก็ตกเข้ามาอยู่ในบ่วงเวรกรรมนี้ด้วย

ไม่สิ ยามนี้ลอยตัวออกมาได้แล้ว เพราะนางได้ช่วยชีวิตเอาไว้แล้ว

ผู้จัดการเยี่ยกลับขมขื่นอยู่ในใจ อวี้เสวี่ยจีนั้นมี นายหญิงถูสามไม่ได้มาถามเพียงครั้งเดียว เขาปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มี ยามนี้มาเจอสถานการณ์เช่นนี้ช่างโชคร้ายเสียจริง

“ผู้จัดการเยี่ย อวี้เสวี่ยจีข้าซื้อแล้ว เจ้าบอกราคามา” นายหญิงถูสามก้าวมาข้างหน้า มองไปยังผู้จัดการเยี่ย ยิ่งจับจ้องไปยังขวดแก้วในมือของเขา ดวงตาเปล่งประกาย

นางเฝ้ารออวี้เสวี่ยจีมาเนิ่นนาน หากได้มาครอบครอง มอบให้กุ้ยเฟยเป็นของขวัญวันเกิด เช่นนั้นจะแลกมาด้วยผลประโยชน์ ไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอน ต่อให้เพียงเสริมความดี ต่อให้ช่วยส่งเสริมตำแหน่งข้าราชการของสามีได้เล็กน้อย ก็นับว่าดียิ่งแล้ว

อย่างไรกุ้ยเฟยก็กำลังตามหาอวี้เสวี่ยจี เพียงเพราะช่วงนี้ฝ่าบาทมีคนโปรดคนใหม่ ไม่ได้โปรดปรานนางดังเช่นเมื่อก่อนแล้ว

ดังนั้นอวี้เสวี่ยจีนี้ นางจำเป็นต้องได้มา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท