คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 256 ไม่ยอมรับชะตาชีวิต ทั้งยังกล้าล่วงเกิน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 256 ไม่ยอมรับชะตาชีวิต ทั้งยังกล้าล่วงเกิน

นายหญิงถูสามผู้นั้นมีความต้องการที่จะครอบครองอวี้เสวี่ยจีเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว หันไปมองผู้จัดการเยี่ยด้วยท่าทางเฉยเมย

ผู้จัดการเยี่ยทำได้เพียงด่าแม่อยู่ในใจ ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “นายหญิงถูสาม จังหวะไม่ดีเลยจริงๆ อวี้เสวี่ยจีมีคนจองไปแล้วขอรับ”

นายหญิงถูสามขมวดคิ้วขึ้น เอ่ย “ผู้ใดกัน”

ผู้จัดการเยี่ยมองมายังฉินหลิวซี นายหญิงถูสามก็มองตามมา มองพิจารณานางเล็กน้อย “เจ้าหรือ” นางเชิดปลายคางขึ้น เอ่ย “ของยังไม่ออกจากร้าน เช่นนั้นผู้ที่ให้ราคาสูงก็ต้องได้ไปใช่หรือไม่ เขาให้ราคาเท่าใด ข้าให้สองเท่า”

ผู้จัดการเยี่ยยิ้มพลางเอ่ยตอบ “นายหญิงถูสามเองก็เป็นลูกค้าเก่าของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะแล้วคงจะเข้าใจ กฎของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะคือมาก่อนได้ก่อน ส่วนของผู้ใดได้ไปแล้ว จะจัดการอย่างไร ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะมิได้สนใจ”

แน่นอนกฎมีไว้แหก ต้องดูว่าคนผู้นั้นเป็นใครแล้ว

อย่างเช่นนายท่าน อย่างเช่นคนตรงหน้า อยากแหกก็แหก

อย่าได้ถามว่ากฎไยจึงเป็นราวกับของเล่นเช่นนี้ ถามก็คือนายท่านนั้นนิสัยเอาแต่ใจ

นายหญิงถูสามเองก็รู้เรื่องนี้ ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะไม่เหมือนร้านยาอื่น ยาของที่ร้าน เจ้าไปซื้อได้ หากเจอคนที่มาซื้อพร้อมกัน ให้ความสำคัญกับคนที่มาก่อน ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับราคาสูงต่ำ

หากท่านอยากใช้ฐานะมาข่มโดยไร้เหตุผลเช่นนั้นก็ต้องขอโทษแล้ว หากล่วงเกินร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเพราะเรื่องนี้ เช่นนั้นคงได้เข้าไปอยู่ในบัญชีดำของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ หลังจากนั้นไปขอยาสักขวดก็ไม่ขายโนเวลพีดีเอฟ

เคยมีผู้มีอำนาจมาอวดเบ่งที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ อยากใช้ฐานะมากดขี่ สุดท้ายไม่รู้ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะทำอย่างไร เอาหลักฐานการทำผิดของตระกูลผู้มีอำนาจนั้นไปยื่นให้ทางการ จนถูกยึดทรัพย์ตัดศีรษะ

ผู้มีอำนาจนั้นยังอยู่ในตำแหน่งโหว เพราะต้องการกุมร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเอาไว้ในมือจึงถูกอีกฝ่ายทำลายด้วยวิธีโจ่งแจ้ง

ได้ยินว่าตระกูลตงที่อยู่เบื้องหลังร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเป็นคนร้ายกาจที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย มีคนคาดเดาว่าความจริงแล้วคนที่อยู่เบื้องหลังของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะคือฝ่าบาท ดังนั้นจึงลำพองได้เช่นนี้ ผ่านเรื่องนั้นไปแล้ว ไม่มีใครกล้าแตะต้องอีก แม้ว่าเหล่าผู้มีอำนาจจะกระหายในผลประโยชน์และยาอันล้ำค่าด้านในจนน้ำลายแทบหกก็ตาม

นายหญิงถูสามเองก็รู้ถึงกฎข้อนี้ดี เห็นว่าผู้จัดการเยี่ยเอาเรื่องกฎขึ้นมาเอ่ยจึงไม่กล้าบีบบังคับ ทำได้เพียงมองไปยังฉินหลิวซี เอ่ย “ข้าคือนายหญิงสามตระกูลถู บ้านมารดาคือสกุลเหมิงในเมืองหลวง อวี้เสวี่ยจีนี้ เตรียมส่งเข้าวังให้แก่เหมิงกุ้ยเฟย เจ้าบอกราคามา จะซื้อกับเจ้า ราคาเท่าใดก็ได้”

ในตอนที่นางเข้ามา มารดาของเยี่ยนเอ๋อร์ก็ยืนอยู่อีกฝั่ง ได้ยินประโยคนี้เข้าดวงตาหดเกร็ง มองไปยังฉินหลิวซี

นางพอเข้าใจ อวี้เสวี่ยจีอะไรนี่ เกรงว่าคุณชายผู้นี้เตรียมจะใช้ทาบนหน้าของเยี่ยนเอ๋อร์ ตอนนี้มีคนมาขอซื้อ คนมาใหม่นั้นยังเป็นคนตระกูลถูที่ทำร้ายเยี่ยนเอ๋อร์อีกด้วย

ดวงตาของสตรีผู้นั้นทั้งหวาดกลัวทั้งโกรธทว่าไม่กล้าเอ่ยโต้แย้งแม้เพียงนิด ในสายตาของคนสูงศักดิ์ ชาวบ้านอย่างพวกนาง ต่ำต้อยราวกับมด

นางมองฉินหลิวซี คุณชายผู้นี้เกรงกลัวตระกูลถูหรือไม่ หากไม่กลัวคนตระกูลถูจะทำอะไรกับเขา จะต้องมาลำบากเพราะเรื่องนี้หรือไม่

อวี้เสวี่ยจีนี้ฟังดูแล้วเหมือนจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ใช่สิ่งที่ชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกนางจะใช้ได้

สตรีผู้นั้นเม้มริมฝีปากก่อนจะก้าวมาข้างหน้า เอ่ยถามฉินหลิวซีเสียงเบา “คุณชาย ยานี้ต้องใช้บนบาดแผลของเยี่ยนเอ๋อร์หรือเจ้าคะ”

ฉินหลิวซีพยักหน้า “มีเพียงอวี้เสวี่ยจี ที่จะทำให้ใบหน้าของนางกลับมาเป็นปกติดังเดิม”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

หัวใจของสตรีผู้นั้นหดเกร็ง นางทำใจกล้าก่อนจะถอยมาสองก้าว มองบุตรสาวที่หลับอยู่บนเตียง เอ่ย “คุณชาย บาดแผลของเยี่ยนเอ๋อร์เย็บเรียบร้อยแล้ว หากทิ้งร่องรอยแผลเป็น นั่นคือโชคชะตาของนาง พวกเรายอมรับได้ แต่ไม่อาจทำท่านเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ ยานี้หากมีค่าเพียงนี้ พวกเขาอยากได้ ท่านให้ไปเถิดเจ้าค่ะ คนตระกูลถู ล่วงเกินไม่ได้เจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซียิ้ม “หากเจ้ารู้ ไม่เคยมีใครบอกให้ข้ายอมรับชะตากรรม ข้าฉินปู้ฉิวเองก็ไม่เคยยอมรับชะตากรรม บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่ข้าไม่อาจล่วงเกินได้”

นางเอ่ยวาจานี้อย่างรู้จักตนเองเป็นอย่างดี

หยิ่งผยอง

นายหญิงถูสามขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าไม่น่ามองนัก นางเอ่ยบอกตัวตนของนางไปชัดเจน กระทั่งใช้ฐานะกดดัน บอกให้ฉินหลิวซียอมถอย แต่คนผู้นี้ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ

ไม่สิ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ไม่กลัว

และยังท้าทาย

สาวใช้ชุดสีชมพูผู้นั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า เอ่ย “คุณชายท่านนี้ นายหญิงของข้ายอมจ่ายราคาสูงเพื่อซื้อยา ท่านช่วยเปิดทางด้วย”

“หากข้าไม่เปิดเล่า” ฉินหลิวซีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้จัดการเยี่ย หยิบขวดแก้วอวี้เสวี่ยจีจากมือของเขา เอ่ยกับผู้ช่วยปรุงยา “เก็บน้ำจากหิมะเอาไว้หรือไม่”

“มีขอรับ”

“เอามา”

ผู้ช่วยปรุงยารับคำ รีบเข้าไปเอาน้ำมา

“นี่ เจ้าคนผู้นี้ รู้หรือไม่ว่านายหญิงของข้าเป็นผู้ใด” สาวใช้ชุดชมพูผู้นั้นเห็นว่าฉินหลิวซีไม่ทุกข์ร้อน จึงเริ่มโมโหขึ้นมา

ฉินหลิวซีเหลือบมองนางด้วยสายตาเหยียดหยาม “อายุยังน้อย เจ้าหูฝาดหรือหูหนวกกันเล่า เมื่อครู่นายหญิงของเจ้าเอ่ยบอกแล้วมิใช่หรือ นางคือนายหญิงสามแห่งตระกูลถู สตรีสกุลเหมิง ทุกคนต่างได้ยินกันทั้งนั้น เจ้าไม่ได้ยิน หูหนวกเป็นอาการป่วย ต้องรักษา”

ซือเหลิ่งเย่ว์หัวเราะออกมา

สาวใช้ชุดสีชมพูใบหน้าแดงก่ำ เอ่ยด้วยความโกรธ “ในเมื่อเจ้ารู้ ไยจึงกล้า”

“นางเป็นใคร เกี่ยวอะไรกับข้าเล่า” ฉินหลิวซีเอ่ยโยนหนึ่งประโยคออกไป

สาวใช้ชุดสีชมพูและนายหญิงถูสามสีหน้าเขียวขึ้นมา

นายหญิงถูสามมองขวดแก้วใสในมือของนาง กัดฟันจนเจ็บเอ่ย “ราคาสิบเท่า ยานี้เอาให้ข้า ข้ายอมจ่ายสิบเท่า ข้ายังแนะนำเจ้าให้กับเหมิงกุ้ยเฟยได้ด้วย”

นางเอ่ยออกไปแล้วก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง กำลังจะเอ่ยเสริม ฉินหลิวซีกลับหัวเราะออกมา ชี้มายังนาง “สาวใช้ของท่านหูมีปัญหา ท่านที่เป็นเจ้านาย สมองก็มีปัญหาแล้ว ท่านจะแนะนำข้าที่เป็นบุรุษให้กับกุ้ยเฟย ท่านรังเกียจอายุยืนยาว แต่ข้ากลัวว่าจะมีชีวิตไม่เพียงพอ”

ในสายตาคนอื่น นางเป็นเพียงชายหนุ่มคนหนึ่ง นายหญิงถูสามกลับหลุดปากเอ่ยว่าจะแนะนำนางให้กับกุ้ยเฟย ได้อย่างไรกัน รังเกียจว่าฝ่าบาทสวมหมวกสีเหลืองทองไม่สวย นางจะเปลี่ยนหมวกเขียวให้ผู้เป็นนายหรือ

ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มงดงามของนายหญิงถูสามพลันซีดขาว เอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าบังอาจนัก เจ้ามากลับความหมายคำของข้าได้อย่างไร เพียงรู้สึกเสียดายเท่านั้นจึงได้แนะนำเส้นทางเดินให้เจ้า แนะนำเจ้าให้กับมารดาของแผ่นดิน มิเช่นนั้นเจ้าคิดว่าชาวบ้านธรรมดาอย่างเจ้าจะได้เข้าเฝ้าอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้หรือ แน่นอนว่าได้เข้าไปอยู่ในจวนอันเฉิงโหว บ้านมารดาของมารดาแผ่นดิน เจ้าตั้งใจกลับความหมายคำของข้า”

นางก็เป็นคนมีสามีแน่นอนรู้ถึงกำแพงกั้นระหว่างชายหญิง วาจาเมื่อครู่ เพราะนางยังคิดไม่ทันจึงปากไวเอ่ยไปเช่นนั้น ในใจรู้สึกเสียใจไม่น้อย

วาจานี้หากได้ยินไปถึงฝ่าบาท ความดีนางยังไม่ทำกลับได้เรื่องใหญ่แล้ว

แนะนำเด็กหนุ่มหน้าขาวหล่อเหลาให้ท่านอา ไม่ใช่รนหาที่ตายแล้วจะเป็นอะไรได้

ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าต้องขอบคุณท่านแล้ว แต่ไม่ต้อง อาจารย์ของข้าไม่ให้ข้าเล่นกับคนไม่มีสมอง หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนหลอกไปด้วย”

“เจ้า เจ้า” นับตั้งแต่ท่านอาเป็นที่โปรดปราน ตระกูลเหมิงก็รุ่งเรืองทะยานขึ้นฟ้า นายหญิงถูสามไหนเลยจะเคยต้องโกรธเพียงนี้ ตัวแข็งทื่อด้วยความโกรธเพราะวาจาของฉินหลิวซี เจ็บจี๊ดขึ้นมาในหัวใจ

ไม่สังหารเจ้านี่ ยากที่จะคลายความโกรธ

ดวงตาของนายหญิงถูสามมีไอสังหารพาดผ่าน

ซือเหลิ่งเย่ว์เห็นอย่างชัดเจน หัวคิ้วเลิกขึ้น

ฉินหลิวซีเองก็ดูออก มุมปากยกขึ้นอย่างเย็นยะเยือก อยากสังหารนางหรือ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท