คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 262 กวาดล้างปัญหาให้นาง

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 262 กวาดล้างปัญหาให้นาง

หากจะเอ่ยถึงที่มาที่ไปของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะ ความจริงก็เป็นเวลาเพียงหกเจ็ดปี จู่ๆ ก็มีร้านยาร้านหนึ่งเกิดขึ้นในเมืองหลี เดิมทีก็ไม่ได้สะดุดตา อย่างไรร้านยาก็มิได้มีเพียงร้านเดียว แต่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเริ่มต้นด้วยการนำเสนอยาห้ามเลือดได้เร็วไวอย่างยาจินชวง ทั้งยาบำรุงอย่างยาหย่างหรง ยาช่วยชีวิตอย่างยาอันกง ทำให้ค่อยๆ มีชื่อเสียงขึ้นมา

สิ่งที่ทำให้ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะมีชื่อเสียงขึ้นมาจริงๆ ก็คือยาสมุนไพรหอมชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่าอวี้เสวี่ยจี

เอ่ยตามตรง การค้าที่ดีที่สุดในโลกนี้ นอกจากเหล็กชาเกลือเหมืองแร่ที่ทางการควบคุม ก็คือกิจการของสตรี สตรีมากมาย ยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อความงาม โดยเฉพาะสตรีชนชั้นสูงที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเงินไม่ขาดมือเหล่านั้น

อวี้เสวี่ยจีมีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์ทำให้ผิวของสตรีใสราวกับหยกมันแพะ งดงามราวกับหญิงสาววัยเยาว์ มีกลิ่นหอมติดกาย อีกทั้งยังสามารถเสริมร่องรอยให้กลับมากระชับ แน่นอนว่าได้รับความนิยมจากสตรี

น่าเสียดายที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะไม่เหมือนร้านขายยาร้านอื่น ที่สิ่งใดได้เงินเยอะก็ทำสิ่งนั้น อย่างอวี้เสวี่ยจีนี้ ไม่ว่าจะแพงเพียงใด พวกเขาก็มีสินค้าเพียงไม่กี่ชิ้นที่ขายได้ คนอื่นนึกว่าพวกเขาทำไปเพื่อให้ขายได้ราคาที่สูงขึ้น จำนวนน้อยราคาจะได้สูง แต่ความจริงก็คือสมุนไพรจำเป็นที่นำมาทำอวี้เสวี่ยจีนั้นหายาก ขั้นตอนการปรุงยาไม่ง่าย คนปรุงยายิ่งขี้เกียจ ในตลาดจึงมีน้อยเยี่ยงนี้

แต่ไม่ว่าคนนอกจะว่าอย่างไร ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี ทว่าสามารถไปประมูลที่โรงประมูลจิ่วเสียนได้ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกครั้งที่ประมูลจะมี แต่ขอเพียงมีอวี้เสวี่ยจี การประมูลครั้งนั้นจะต้องมีคนมากมายอย่างแน่นอน

นอกจากอวี้เสวี่ยจี ยาอื่นของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเองก็มีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่าราคาก็สูง แต่ราคาสูงแล้วเห็นผลก็พอ ผู้มีอำนาจที่มีเงินไม่กลัวมันแพง กลัวเพียงแต่มันจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้

ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะก็มีชื่อเสียงขึ้นมา ได้ยินมาว่าตัวตนของเจ้าของร้านลึกลับเป็นอย่างมาก มีคนอิจฉากำไรที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะได้มาจึงคิดร้าย แม้แต่สมุนไพรสักชิ้นของร้านยังไม่อาจคว้ามาได้ กลับทำให้ตนเองต้องพังทลาย

นานวันไปแม้ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะจะมีผู้คนริษยามากมาย แต่เพราะไม่รู้ตัวตนที่ชัดเจนของเจ้าของร้าน และร้านยาตำหนักอายุวัฒนะยังทำกิจการร้านยาอย่างซื่อสัตย์ อีกทั้งยามมีภัยหนาวในทุกๆ ปีร้านยังใจดีช่วยแจกยา ได้ใจชาวบ้านยิ่งขึ้น ผู้มีอำนาจในต้าเฟิงจึงทำได้เพียงปิดตาข้างหนึ่งเปิดตาข้างหนึ่ง

ไม่มีสิ่งแอบแฝง เพราะเจ้าของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเอ่ยเอาไว้แล้ว หากเขาไม่มีความสุขกับการทำกิจการนี้ก็จะปิดร้านไปเสีย ไม่ทำแล้ว

ฟังสิ ผู้ใดทำธุรกิจแล้วยังกล้าโอหังเพียงนี้ ก็เจ้าของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะอย่างไรเล่า

เขาไม่ทำการค้านี้ ไม่มีผลประโยชน์จากตรงนี้ แต่เหล่าผู้มีอำนาจร่ำรวยทั้งหลาย ต้องการซื้อยาที่ดีเยี่ยงนี้ ซื้อยารักษาชีวิตเอาไว้ จะไปซื้อจากที่ใดเล่า

บอกว่าร้านขายยาอื่นก็มี แต่ประสิทธิภาพยาไม่เหมือนกัน ก็แอบไม่ยอมรับ

เช่นนี้แล้วร้านยาตำหนักอายุวัฒนะจึงขยายกิจการสาขาออกไปแม้ไม่เรียกว่าทั่วต้าเฟิง ทว่ามีอยู่หนึ่งร้านเกือบจะทุกเมืองก็ว่าได้ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะทำการค้าเอาแต่ใจ ไม่ว่าผู้ใดอย่าได้คิดใช้กำลังมากดดัน ร้านอยากขายก็ขาย ไม่อยากขาย บังคับซื้อก็ไม่มี

แต่ฉินหลิวซีคนผู้นี้กลับได้รับอวี้เสวี่ยจีมาง่ายๆ จะบอกว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง ผู้ใดจะเชื่อ

ที่หวังกงคิดก็คือ ฉินหลิวซีเป็นเพียงหมอนักพรตในอารามคนหนึ่ง ทว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเพียงนี้ ทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กันเยี่ยงไร

เขาถูมือทั้งสองข้าง เอ่ยกับหลานชาย “นายหญิงถูสามมาจากตระกูลเหมิง ได้รับการเหยียดหยามครั้งนี้คงไม่รามือง่ายๆ ต้องให้นางยอมหยุดด้วยตนเองจึงจะได้”

“ท่านปู่หมายถึง”

หวังกงลูบเครา เอ่ย “อาจารย์ปู้ฉิวช่วยปู่เจ้ารักษาอาการป่วย มีฝีมือและมีเมตตา ยามนี้มาคิดดูแล้ว ให้ค่ารักษาเป็นไขมุกทองคำกล่องเดียวช่างหยาบคายแล้ว”

ฉินหลิวซี ไม่หยาบคายแน่นอน เป็นบุญกุศล

นางเป็นคนในลัทธิเต๋า คงไม่ใส่ใจเรื่องราวที่นายหญิงถูสามก่อมากนัก แต่ความวุ่นวายไม่มีจะดีกว่า สตรีจากสกุลเหมิง ส่วนใหญ่มีนิสัยเช่นกุ้ยเฟย นั่นก็คือใช้อำนาจบาตรใหญ่

คนเช่นนี้เมื่อโกรธขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้บ้าง ใช่ว่าฉินหลิวซีจะกลัวนาง แต่ปัญหาหากเลี่ยงได้ก็เลี่ยง จะได้ไม่ต้องมารำคาญใจ

หวังกงมีความคิดอยากสั่งสอนหลานชาย เอ่ย “เจ้าลองคิด มีวิธีใดบ้างที่จะทำให้นางเลี่ยงจากปัญหานี้ได้ เก็บกวาดสักหน่อย”โนเวลพีดีเอฟ

หวังเจิ้งเงียบไป เอ่ยเสียงเบา “หลานอ่านรายงานช่วงนี้ บอกว่าฝ่าบาทกำลังโปรดปรานกุ้ยเหรินคนใหม่มีพระนามแต่งตั้งว่าเสวี่ย ช่วงนี้ในเมืองหลวงอากาศเริ่มเย็น เสวี่ยกุ้ยเหรินฝันในยามค่ำคืนว่าชายแดนนั้นมีพายุโหมกระหน่ำ ทำให้เสื้อผ้าสวมใส่ของเหล่าทหารไม่เพียงพอ ถืออาวุธมือแข็ง เกรงว่าอาจเกิดขึ้นเพราะไม่มีเสื้อผ้าป้องกันภัยหนาวจึงจับอาวุธไม่สะดวก จึงได้สละเงินส่วนตนจำนวนมากบริจาคเพื่อเป็นค่าเสื้อผ้าป้องกันภัยหนาวแก่เหล่าทหาร จึงเป็นที่พอพระทัย เลื่อนขั้นแต่งตั้งเสวี่ยกุ้ยเหรินเป็นกุ้ยผิน”

“วันเกิดของเหมิงกุ้ยเฟยกำลังใกล้เข้ามา ยามนี้ฟุ่มเฟือยจัดงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ทั้งๆ ที่เสวี่ยกุ้ยผินจ่ายเงินเพื่อบริจาค หากรับของขวัญมีค่าเกรงว่าฝ่าบาทคงไม่พอพระทัยนัก” หวังเจิ้งยังเอ่ยขึ้นอีก “หากนายหญิงถูสามยังคงดึงดันจะใช้อำนาจแย่งชิงอวี้เสวี่ยจีนี้เพื่อเป็นของขวัญ จะมีเรื่องดีหรือไม่ยังไม่อาจบอกได้ หลานคิดว่าสามารถเขียนบทความนี้ ให้เป็นที่ถกเถียงของประชาชน คิดว่านางคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามขอรับ”

หากใช้กำลังแย่งชิงอวี้เสวี่ยจีจริงๆ มีเรื่องรุนแรงขึ้นจนดังไปถึงหูของเหล่าขุนนางตรวจการ เพียงยื่นฎีกาฟ้องร้องขึ้นไป เกรงว่าเหมิงกุ้ยเฟยคงไม่เป็นที่พอพระทัยของฝ่าบาทนักขอรับ อย่างไรพระนางที่โปรดปรานคนใหม่นั้นก็ยอมประหยัดเพื่อบริจาคให้แก่ทหาร ส่วนเจ้ากลับใช้อำนาจข่มเหงรังแกผู้คนเพียงเพราะยาสมุนไพรหอมเพียงขวดเดียว ยังทำให้ประชาชนไม่พอใจ เช่นนี้ผู้ใดจะเป็นที่โปรดปรานก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว

หวังกงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เข้าใจใช้จิตใจผู้คนมาเขียนบทความ ไม่เลว มีติดอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไกลหูไกลตาฝ่าบาท ทำให้นางได้รับความไม่พอใจเพียงในชิงโจวคงไม่พอ ต้องส่งไปให้ถึงหูของศัตรูตระกูลถู จึงจะทำให้พวกเขาไม่กล้าใช้อำนาจบาตรใหญ่ เจ้าเด็กตระกูลถูผู้นี้ เห็นชีวิตผู้คนเป็นผักเป็นปลาเกินไป รวบรวมหลักฐานส่งให้ขุนนางตรวจการ ให้เจ้ากรมพระราชยานหลวงสั่งสอนหลานชายของตนสักหน่อย ปีหน้าเจ้าต้องเข้าสอบ ต่อไปเป็นขุนนาง ต้องเจอกับเรื่องเช่นนี้บ่อยๆ เจ้าไปจัดการด้วยตนเอง จะทำได้ดีหรือไม่ นั่นอยู่ที่เจ้า ต่อไปหากได้เจอเช่นนี้อีกก็จะจัดการได้ง่ายยิ่งขึ้น”

เพียงตระกูลถู เอามาเป็นบทเรียนให้กับหลานชาย ใช่ว่าจะไม่ได้

ที่สำคัญก็คือ หากสามารถตอบแทนบุญคุณของฉินหลิวซีได้ เช่นนั้นก็ยิ่งดีแล้ว

“ขอรับ” หวังเจิ้งยกมือขึ้นประสาน

หวังกงโบกมือให้เขาออกไป

ผู้ดูแลหวังจึงเดินเข้ามาใกล้ เอ่ย “นายท่าน ให้บ่าวส่งคนไปช่วยนายน้อยสี่หรือไม่ขอรับ”

“ไม่ต้องแล้ว ปล่อยให้เขาไปจัดการ ใช้ผู้ใด ทำอย่างไร ฟังเขาสั่งการก็พอ ป้อนอาหารให้ลูกอินทรีตลอด เมื่อใดจะเติบใหญ่กลายเป็นอินทรีหนุ่มได้ ต้องออกไปหาอาหารเองถึงจะได้ ถึงเวลาให้เขาได้ออกจากรังแล้ว เช่นนี้จึงจะรู้จักโลกภายนอก อนาคตจะเป็นขุนนางที่ดี ปกครองให้ดีได้”

หากทำได้ไม่ดีค่อยไปตามเก็บกวาดก็พอแล้ว

“ท่านทุ่มเทเพียงนี้ นายน้อยสี่ต้องเข้าใจแน่นอนขอรับ” ผู้ดูแลหวังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หวังกงเห็นว่าน้ำแกงในถ้วยหมดแล้วจึงยื่นส่งไปให้ “เอามาอีกถ้วย น้ำแกงนี้ไม่เลว เค็มๆ หวานๆ พรุ่งนี้ใส่ถังเช่าลงไปสักตัว”

“ขอรับ”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท