คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 266 มา เจ้าหั่นข้าสิ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 266 มา เจ้าหั่นข้าสิ

ไปเยือนชิงโจวครั้งนี้ฉินหลิวซีได้รับผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้นหลายคน ทำให้อารมณ์ไม่ดีที่เกิดจากเห็นอาการบาดเจ็บของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนดีขึ้นมา ใบหน้าเองก็มีรอยยิ้มกลับมาแล้ว

เพียงแต่เมื่อนางอารมณ์ดี ฉีหวงกลับบ่น กล่าวโทษว่านางหายไปไม่เจอหน้าหลายวัน

“ครั้งหน้าหากท่านไปนานเพียงนี้ ข้าก็จะตามไปด้วย” ฉีหวงกำชับ

ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มตาหยี “ตามข้าไป สิ่งเล็กๆ ใหญ่ๆ ที่อยู่ในเรือนนี้ เจ้าที่เป็นผู้ดูแลไม่สนใจหรือ”

ฉีหวงเอ่ย “อย่างไรก็ไม่มีผู้ใดกล้ามาก่อกวน ทั่วทั้งจวน ไม่มีส่วนใดที่สงบสุขเท่าเรือนของท่านแล้วเจ้าค่ะ”

เป็นเช่นนั้น ห้องเก็บสมุนไพรส่วนสำคัญที่สุดถูกฉินหลิวซีร่ายค่ายอาคมเอาไว้ หากจะเดินเข้ามา แม้แต่ประตูก็ยังเข้าไม่ได้ ทำได้เพียงเดินวนไปวนมาหน้าประตูเท่านั้น

ส่วนลับนี้ ยังมีผีสองตัวเกาะกำแพงคอยเฝ้า ผู้ใดจะมาก่อเรื่องหรือขโมยของ ผีชายหญิงทั้งสองก็มิใช่เลี้ยงเสียข้าวสุกไม่

ตอนนี้ยังมีโสมน้อยเพิ่มมาอีกหนึ่งต้น แม้ว่าตอนนี้มันทำได้เพียงแกล้งตายอยู่ในดิน แต่ฉินหลิวซีไม่อยู่ กลับเดินไปเดินมาทั่วเรือน เมื่อวานยังเกือบถูกฉินหมิงฉุนพบเข้า ต้องปลอมตัวเป็นต้นไม้หนีออกไป

ฉินหลิวซีเคยบอกว่า เรือนหลังนี้นางสร้างขึ้นมาด้วยความใส่ใจ ยังมีผีคอยเฝ้า ไม่มีทางถูกทำลายได้

หางตาของนางเห็นความเคลื่อนไหว กระแอมไอ “ออกมา”

โสมน้อยตัวแข็งทื่อ เกาะผนังค่อยๆโผล่ศีรษะออกมาช้าๆ เรียกมันหรือ

“หืม”

โสมน้อยตัวสั่นรีบวิ่งเข้ามา สองมือประกบเข้า “โสมน้อยคารวะใต้เท้า”

ฉินหลิวซีก้มลงไปหยิบรากข้างหนึ่งของมันขึ้นมา ห้อยหัวมันลง มองสำรวจชั่วครู่ “ไยจึงยังไม่ออกผล เจ้ามีประโยชน์อะไรกัน”

โสมน้อยดิ้นรนอยู่ชั่วครู่ “ใต้เท้า โสมน้อยพยายามแล้ว พื้นที่ของใต้เท้ามีพลังวิญญาณเข้มข้น โสมน้อยบำเพ็ญเพียรอยู่ทุกวัน ท่านรอก่อน ไม่เกินสามเดือน หากไม่เชื่อถึงตอนนั้นท่านก็หั่นข้าเลย”

อ๊ากๆๆๆ ไม่เจอนักพรตหลายวัน มีความสุขมาก จะออกมาเดินเล่นตอนเช้าเท่านั้น ไยจึงมาเจอเข้าพอดีเล่า

เจ้าโสมช่างโชคร้าย

ฉินหลิวซีจับรากแกว่งไปมาหนึ่งรอบ เอ่ย “ข้าไม่เอาสามเดือน ข้าจะเอาหนึ่งเดือน หมดเดือนสิบ เจ้ายังไม่ออกผลมา ข้าไม่หั่นเจ้า จะเอาไปปรุงยา เจ้าตัดสินใจเองแล้วกัน”

โสมน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา

ชีวิตโสมยังมีความหวังอยู่หรือไม่

ฉีหวงเห็นมันตกใจจนรากม้วนเข้าหมดแล้ว จึงแย่งมันออกมาจากมือฉินหลิวซี วางไว้บนมือแล้วเอ่ยถาม “คุณหนูอยากได้ผลโสม แม้ว่าผลจะดี แต่โสมน้อยนี้มีส่วนที่ยอดเยี่ยมกว่า หากต้องการใช้ ชิ้นน้อยๆ ก็พอแล้วกระมัง”

แม้ผลโสมจะยอดเยี่ยม แต่ร่างกายของโสมน้อยบำเพ็ญเพียรมานานนับพันปีคงจะให้ผลดีกว่ากระมัง

“มีประโยชน์” ฉินหลิวซีมองไปยังโสมน้อย เอ่ย “สรรพคุณของมันสามารถช่วยชีวิตได้ ถึงตอนนั้นใช้เพียงชิ้นน้อยๆ ก็คงได้ เพียงแต่ผลโสมของมันจะอ่อนด้อยลงมาสักหน่อย เอามาทำยาบำรุงร่างกายก็ไม่เลว ยังสามารถชะลอความแก่ ข้าอยากได้มาทำยา”

คำสาปเลือดของซือเหลิ่งเย่ว์ จะแก้อย่างไร นางยังไม่มีวิธี แต่วิธีที่รุนแรงที่สุดคือแอบสวรรค์เปลี่ยนชีวิต

คำสาปเลือดของพ่อมดดำหรือ ก็เพียงต้องการให้ตระกูลซือจบสิ้นก็เท่านั้น สายเลือดของตระกูลซือหมดสิ้นแล้ว คำสาปก็ถูกแก้แล้ว

ดังนั้น ซือเหลิ่งเย่ว์อาจต้องตายสักครั้ง แล้วเกิดขึ้นมาใหม่

แน่นอนแล้ว นี่คือแผนการที่เลวร้ายที่สุด หากไม่อับจนหนทางจริงๆ จะไม่ใช้ แต่เกรงว่าหากเป็นวิธีที่เลวร้ายที่สุด นางก็ต้องเตรียมตัวจึงจะทำให้ซือเหลิ่งเย่ว์กลับมาจากความตายได้อีกครั้ง ไม่เช่นนั้นนางอาจจะตายจริงๆ ชีวิตนี้ผู้ใดจะรับผิดชอบได้เล่า

มันหวานร้อนมือ

ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ยไม่ผิด คำสาปเลือดของตระกูลซือ ความจริงคือมันหวานร้อนๆ หากทำไม่ดีอาจถูกย้อนกลับ

นางต้องการศึกษา ชนเผ่าพ่อมด นางยังไม่เคยประลองฝีมือกับยอดฝีมือในชนกลุ่มนี้เลย

ฉีหวงเอ่ยกับเจ้าโสมน้อย “ได้ยินหรือไม่ คุณหนูอยากได้ไปทำยา นางทำเพื่อช่วยเจ้า เจ้าต้องทำให้เต็มที่ หากมีผลออกมาให้คุณหนูทำยา ได้ช่วยชีวิตคน เป็นบุญกุศลของเจ้ามิใช่หรือ”

โสมน้อยครุ่นคิด ดูเหมือนจะใช่ บนโลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณอยู่มากมาย แต่การบำเพ็ญเพียรมีสติปัญญาขึ้นมา ใครไม่รู้บ้างว่าบุญกุศลเป็นสิ่งที่ดี ต้องสะสมให้มากเข้าไว้

มันคิดถึงจุดนี้ ใบบนศีรษะส่ายไปมาอย่างมีความสุข “แบ่ง แบ่งได้หรือ”

ฉินหลิวซีเหลือบมองมันด้วยสายตาเย้ยหยัน “สิ่งที่เจ้าบ่มเพาะออกมาทั้งนั้น เจ้ามีส่วนร่วม แน่นอนว่ามีกุศลของเจ้า มีบุญกุศลบวกกับการบำเพ็ญเพียร อนาคตมีความโชคดี เจ้าก็จะแปลงกายได้แล้ว”

“โอ้ เช่นนั้นข้าจะต้องบำเพ็ญเพียรทั้งวันทั้งคืน ใต้เท้า ตอนนี้ท่านต้องเอาข้าไปทดลองยาหรือไม่” โสมน้อยมีชีวิตชีวาขึ้นมา “มา ท่านหั่นข้าเถิด ข้าไม่กล้วเจ็บ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ทุกอย่างเพื่อบุญกุศล

เหอะ โสมจริงใจ โสมไร้เดียงสา

ฉินหลิวซียกมันขึ้นโยนออกไป “ไปบำเพ็ญเพียรซะ”

ฉีหวงเม้มริมฝีปากยิ้ม

โสมน้อยยกมือขึ้นมาประสาน เดินประสานมือกลับไปที่หลุมของตนเอง ผลโสม ต้องออกผลให้เร็วสักหน่อย

ฉีหวงเอ่ยถาม “ท่านรับคนไข้แบบใดมาเจ้าคะ ต้องใช้โสมล้ำค่าเพียงนี้”

“เทียบกับคนไข้ทั่วไป ยังต้องวุ่นวายหลายส่วน” ฉินหลิวซีหลุบมองมือที่วางอยู่ข้างขา ทว่าไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงมองไปยังหน้าประตู เสียงดังขึ้นมาเล็กน้อย “เดินเอื่อยเฉื่อยเช่นนี้ได้อย่างไร ทำให้มาสายเพียงนี้”

ฉีหวงมองไป เสียงฉินหลิวซีจบลง พลันมองเห็นซาลาเปาน้อยปรากฏเข้ามาในสายตา

ฉินหมิงฉุนถือกระเป๋าใบเล็กของตนวิ่งเข้ามา หยุดลงตรงหน้าฉินหลิวซี ยกมือประสาน “พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว”

“อืม” ฉินหลิวซีมองกระเป๋าสีฟ้าใบเล็กของเขา เอ่ยถาม “หลายวันมานี้เรียนเป็นอย่างไรบ้าง เขียนตัวอักษรเป็นอย่างไร”

ฉินหมิงฉุนรีบหยิบกระดาษที่มีตัวอักษรเล็กๆ ยื่นไปให้ “เชิญท่านตรวจดูขอรับ”

ฉินหลิวซีรับไป กวาดสายตามอง เอ่ย “ไม่เลว มีพัฒนาการ”

ฉินหมิงฉุนยืดอกขึ้นมา

“ของอี๋เหนียงเจ้าล่ะ”

ความภาคภูมิใจของฉินหมิงฉุนชะงักไปชั่วครู่ ช้อนดวงตาขึ้นมอง เอ่ย “พี่หญิงใหญ่ อี๋เหนียงโง่เกินไป ตัวอักษรที่เรียนเมื่อวาน วันนี้ก็ลืมแล้ว ข้าเขียนกลับด้านยังได้แล้ว นางยังเขียนได้ไม่ดีเลยขอรับ ข้าสอนไม่ไหวแล้ว ปล่อยไปได้หรือไม่ขอรับ”

สอนอี๋เหนียงให้รู้จักและเขียนตัวอักษร รู้สึกว่ามันยากเสียยิ่งกว่าท่องหนังสือหลายเท่าโนเวลพีดีเอฟ

ดวงตาฉินหลิวซีกระตุก ใบหน้าไร้อารมณ์ เอ่ย “เช่นนั้นพอดี นางช่วยเจ้าทบทวน ช่วยเพิ่มภาพจำให้กับเจ้า เจ้าจะได้เรียนได้ดี ข้าจะไปติดต่อสำนักศึกษาให้พวกเจ้า เข้าไปศึกษาเล่าเรียนเสีย”

หลายวันนี้นางยุ่งอยู่ตลอด ลืมเรื่องนี้ไป ต้องไปหาที่ในสำนักศึกษาสักสองที่ อีกทั้งร้านโรงศพที่ชายชรามอบให้ก็ต้องจัดการสักหน่อย

เฮ้อ เรื่องเยอะมากจริงๆ

ดวงตาของฉินหมิงฉุนวาวขึ้นมา “จริงหรือขอรับ”

ฉินหลิวซีเห็นเขาดีใจ จึงเอ่ย “เข้าไปในสำนักศึกษาแล้ว การเรียนจะลำบากกว่านี้สักหน่อย เรียนไม่ดี อาจารย์อาจตีมือ”

ฉินหมิงฉุนหดมือเข้า เอ่ยอย่างหวาดๆ “ทราบแล้วขอรับ”

“เข้าไปอ่านหนังสือ” ฉินหลิวซีบุ้ยปาก

“ขอรับ” ฉินหมิงฉุนรีบตอบรับ ก้าวได้สองก้าว หันกลับมาเอ่ย “พี่หญิงใหญ่ ข้ามาจากเรือนท่านย่า มีคนมาบ้าน ไปหานายหญิงผู้เฒ่าและป้าสะใภ้รองแล้ว ข้าคิดว่าไม่ได้มาดีนัก”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท