คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 275 นางหลอกเอาเงิน เป็นนักต้มตุ๋นก็ไม่ปาน

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 275 นางหลอกเอาเงิน เป็นนักต้มตุ๋นก็ไม่ปาน

ผู้ใหญ่บ้านหวังโกรธเกรี้ยว พลังความโกรธที่ปกคลุมตัวเขาหนาแน่น ทำให้พลังหยินก็ยิ่งกร้าวกล้าขึ้น เกิดเป็นลมหยินม้วนตัวขึ้นขณะที่ฝ่ามือของเขาคว้าตัวหวังซานเฉวียน พัดจนกระดาษเหลืองแดงในห้องพิธีปลิวว่อน ธูปเทียนดับวูบพร้อมกัน ทำให้คนที่อยู่ในห้องหน้าซีด สันหลังเย็นวาบ

ถึงแม้หวังซานเฉวียนไม่ได้ถูกคว้าตัวได้ก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกหนาวเยือกไปทั้งตัวราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ที่น่ากลัวกว่านั้นลำคอคือเหมือนถูกยัดอะไรใส่ไว้ พูดอะไรออกมาไม่ได้แม้สักคำ

แท้จริงไม่ใช่สิ่งของอุดลำคอไว้ แต่เป็นตอนที่ผู้ใหญ่หวังพบว่าไม่สามารถทำร้ายเจ้าลูกสารเลวคนนี้ได้ โกรธจนขึ้นไปขี่คอลูกชาย สองมือบีบคอไว้ แม้ว่าในความเป็นจริงจะไม่เห็นว่าถูกบีบเอาไว้แต่ย่อมรู้สึกได้

“เจ้าลูกสารเลวฆ่าพ่อ ทั้งยังทำผิดศีลธรรมกับแม่เลี้ยง ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตาย” ผู้ใหญ่หวังดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ โกรธแค้นใจยิ่งนัก

ลมพัดกรรโชกแรงยิ่งขึ้น

เด็กๆ ตกใจจนร้องไห้ไม่หยุด มีบางคนรีบวิ่งหนีออกไปทันที

หวังต้าหย่งก็ตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้จนพูดอะไรไม่ออกสักคำ สับสนงุนงงไปหมด เมื่อเช้าแค่ยกโลงศพไม่ขึ้น แต่ตอนนี้ทำไมรุนแรงนัก?

แม่เลี้ยงหูยิ่งตกใจจนล้มพับลงนั่งพี่พื้น เรียกด้วยเสียงสั่นเทา “พี่รอง”

พี่รองแซ่หูหมุนตัวกลับไป รีบดันไต้ซือในชุดนักพรตที่กำลังถือแส้ขนหางจามรีสีขาวยืนอยู่ด้านข้าง “ไต้ซือ ท่านดูเร็ว?”

ไต้ซือสะบัดแส้ มืออีกข้างนับนิ้ว มองไปรอบๆ ทีหนึ่ง “เป็นดังที่ข้าคาดไว้ มีปีศาจร้ายกำลังเล่นงานอยู่จริงๆ บ้านนี้มีผู้หญิงตั้งครรภ์อยู่ใช่หรือไม่”

หมายถึงเด็กที่อยู่ในท้องแม่งั้นหรือ

หวังต้าหย่งหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันใด “ท่านหมายความว่าอย่างไร”

“ต้าหย่ง ฟังท่านไต้ซือพูดก่อน อย่าให้พ่อเจ้าจากไปไม่ดี” แม่เลี้ยงแซ่หูเอ่ยพลางร้องไห้

“หญิงสารเลว ยังจะมีหน้ามาพูด!” ผู้ใหญ่หวังปล่อยตัวลูกชาย พุ่งเข้าไปรัดตัวภรรยาน้อยแซ่หู

นางรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที ตัวสั่นงันงก ผู้คนยิ่งเห็นว่าแม่เลี้ยงหูผู้งดงาม บอบบาง ยิ่งน่าสงสารมากขึ้น

“ทารกในครรภ์มีพลังหยินรุนแรงนัก กลัวว่าเจ้าสิ่งนั้นจะถูกเด็กในท้องดึงดูดเข้ามา” ไต้ซือพูดหน้าตาจริงจัง “ข้าหมายถึง ให้หญิงที่ตั้งครรภ์อยู่ให้ห่างจากห้องพิธีศพ ให้ดีต้องหลีกเลี่ยงห้องพิธีไปถึงเดือนสาม ข้าจึงจะทำการไล่ปีศาจร้ายนั้นได้”

“ความหมายของท่านคือไม่ให้พี่สะใภ้ข้าส่งศพแสดงความกตัญญูต่อพ่อข้าหรือ”

“ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อทารกในครรภ์และผู้ใหญ่บ้านที่ตายไป” ไต้ซือแสดงท่าทรงภูมิล้ำลึกขณะกล่าวออกมา “มิเช่นนั้น ไม่เพียงแต่จะสูญเสียทารกไป วิญญาณผู้ใหญ่บ้านก็จากไปไม่ได้ พวกท่านรับได้หรือ”

หวังต้าหย่งเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจังอย่างรวดเร็ว

ถ้าภรรยาข้าไม่ได้ไปส่งศพแสดงความกตัญญูเป็นครั้งสุดท้าย กลัวว่าภายหน้าจะถูกผู้คนตราหน้า ถูกประณามด่าทอว่านางเป็นคนอกตัญญู

เลี่ยวซื่อ ภรรยาของหวังต้าหย่ง สีหน้านางซีดเซียว โอบกอดลูกสาวสองคนเอาไว้ นางมองไปทางหวังต้าหย่ง ดวงตาทั้งสองแสดงความหวาดกลัวต่อเรื่องนี้ยิ่งนัก

ดูไปแล้วนางท่าทางเหมือนแม่สามียิ่งกว่าแม่เลี้ยงหูเสียอีก ไรผมทั้งสองข้างเริ่มมีสีขาวแซมแล้ว

“พี่ใหญ่ นี่ก็เพื่อท่านพ่อกับหลานชาย” หวังซานเฉวียนพบว่าตัวเองกลับมาพูดได้แล้วจึงกล่าวออกมา

“ไอ้ลูกอกตัญญู! นางแพศยา!” ผู้ใหญ่บ้านหวังไม่สามารถทำอะไรทั้งสองคนได้ ได้แต่พลุ่งพล่านไปมา ทำให้ทั้งห้องนั้นอบอวลด้วยลมหยิน

“เจ้าสิ่งนี้รุนแรงมาก ตอนนี้อย่าเพิ่งถกกันเรื่องพวกเจ้าต้องการจะกำจัดหรือไม่ ถ้าหากใช้วิธีของข้า จะต้องจ่ายค่าทำบุญเสียก่อน” ไต้ซือกล่าวอย่างอดรนทนไม่ไหว

“เท่าไหร่”

“หนึ่งร้อยตำลึง”

อะไรนะ?

อย่าว่าแต่ผู้ใหญ่หวังจะกลายเป็นผีร้าย ฉินหลิวซีก็แทบจะสำลักในคอ

นางคิดเงินค่าทำพิธีเพียงสิบตำลึง แต่เจ้านักต้มตุ๋นที่ไม่รู้เรื่องนี่แค่เปิดปากมาก็ขอร้อยตำลึงเสียแล้ว ช่างกล้าจริงๆ

ฉินหลิวซีกำมือแน่น นางอกตัญญูแล้ว นางหาเงินได้แย่กว่านักต้มตุ๋นเสียอีก

เจ้าก็รู้ตัวแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าลัทธิเต๋ากล่าว

ผู้ใหญ่หวังไม่สนใจจะฆ่าลูกอกตัญญูกับนางแพศยาของเขาแล้ว กลับวิ่งไปยังเจ้านักต้มตุ๋น แยกเขี้ยวยิงฟันตะโกนใส่ “เจ้าคนหลอกลวง อ้าปากก็จะเอาร้อยตำลึง ปล้นกันซึ่งๆ หน้า”

เขาหันไปจ้องหน้าพี่ชายคนรองของนังแพศยาและเจ้านักต้มตุ๋น ก็เข้าใจแจ่มแจ้ง “ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าสมรู้ร่วมคิดกันจะมาหลอกเอาเงินข้าตาเฒ่าบ้านหวัง มิน่า มาให้ร้ายหลานชายในท้องลูกสะใภ้ข้า พวกเจ้ามันใจดำอำมหิต”

สีหน้าเขาโกรธเกรี้ยว เข้าไปคว้าเคราของเจ้านักต้มตุ๋น ถึงขนาดอยากจะควักลูกตา แต่เมื่อเป็นผี จึงไม่มีแรง คว้าทะลุตัวไป นักพรตต้มตุ๋นรู้สึกไม่สบายไปทั้งเนื้อทั้งตัว ตาคู่นั้นสั่นไหวเล็กน้อย แต่ยังดันทุรังท่องบทสวดในใจ

โธ่เอ้ย ที่นี่ไม่ใช่ว่ามีผีอยู่จริงๆ หรอกนะ

หากไม่ใช่เพื่อเงินละก็ เขาคิดวิ่งหนีไปแล้ว พิลึกพิลั่นอะไรอย่างนี้

ผู้ใหญ่หวังเห็นว่าแรงผีของตนไม่พอ ไม่อาจระงับไว้ซึ่งความร้อนรน โกรธแค้น และเกลียดชัง ด้วยเพราะตนเองตายโดยไม่ยินยอม และด้วยว่าตนเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เพราะแรงแค้นนี้ทำให้วิญญาณผู้ใหญ่หวังมีกำลังขึ้น อย่างน้อยพลังโกรธแค้นนี้สามารถปัดป้ายวิญญาณหล่นลงมา ทำให้ทุกคนตกใจจนสะดุ้ง

กลัว กลัวกันแล้วหรือยัง? ผู้ใหญ่หวังดีใจยิ่งนัก รีบวิ่งไปตะโกนใส่หน้าหวังต้าหย่ง “อย่าไปเชื่อพวกมัน หลอกลวงทั้งนั้น พ่อเจ้าตายอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม”

เขาเห็นหวังต้าหย่งไม่สะดุ้งสะเทือน เขาจึงวิ่งไปอยู่หน้าแม่เลี้ยงหู ตบไปทีหนึ่งแต่กลายเป็นลมวูบหายไป เขาตะโกนด่านางที่ข้างหู

“อ้ะ!” แม่เลี้ยงหูลูบที่ใบหน้า รู้สึกเหมือนถูกตบ สีหน้าหวาดผวามองไปทั่วทิศทาง เป็นตาเฒ่านั่นกลับมาหรือไม่

ผู้ใหญ่หวังสาแก่ใจ เขายื่นมือออกไปอยากจะบีบ

ฉินหลิวซีเห็นเข้าจึงกระแอมเสียงทีหนึ่ง

ผู้ใหญ่หวังเงยหน้ามองมาก่อนจะประสานสายตากับฉินหลิวซี เขาอุทานออกมาคำหนึ่ง ลอยเข้ามาใกล้ๆ ฉินหลิวซี คิดจะทำท่าแลบลิ้นเลีย อยากจะลองดูว่านางเห็นเขาจริงหรือไม่

“เจ้ากล้าแลบลิ้น ข้าไม่สนเจ้าเป็นใคร จะตัดลิ้นให้ขาด” ฉินหลิวซีไขว้มือพูดอย่างเย็นชา

ผู้ใหญ่หวังชะงักกึก ร้องออกมาทันที “เจ้าเห็นข้าจริงๆ หรือ”

หวังต้าหย่งเห็นฉินหลิวซีเปิดปากพูด ถึงได้นึกถึงนางขึ้นมา หันไปถาม “คุณชาย ท่านว่าอะไรหรือ”

“อืม” ฉินหลิวซีตอบ “ไม่ต้องสนใจ โลงศพยกไม่ขึ้น ไม่เกี่ยวกับลูกในท้องภรรยาเจ้า ยิ่งไม่เกี่ยวกับพลังร้ายอะไรเล่นงาน”

“ใช่ๆๆ พวกเจ้าอย่าไปเชื่อเด็ดขาด ไอหยา! หรือว่าเจ้าจะเป็นไต้ซือตัวจริง?” ผู้ใหญ่หวังตื่นเต้นจนหนวดปลิว “สวรรค์มีตา ดีล่ะ ไต้ซือ ข้าคือตาเฒ่าหวัง ข้าตายอย่างไม่เป็นธรรม”

ฉินหลิวซีไม่ได้สนใจวิญญาณตาเฒ่าหวังนัก เป็นเพราะนางเปิดปากพูด แม่เลี้ยงหูจึงมองมาที่นาง ส่วนพี่รองแซ่หูกับนักพรตปลอมต่างก็หน้าเปลี่ยนสีด้วยกันทั้งคู่ “เจ้าเด็กนี่มาจากไหน พูดจาเลอะเทอะไม่เป็นความจริง ต้าหย่ง ตอนนี้เจ้าเป็นหัวหน้าครอบครัวหวังแล้ว หรือเจ้าเห็นแก่เงินไม่คำนึงถึงการตายของพ่อเจ้า?”

“ไม่ใช่”

“ไม่ใช่ก็ดี น้องหง เจ้ารีบนำเงินทำบุญมา ท่านไต้ซือจะได้กำจัดเจ้าผีร้ายนี่ แล้วจะได้ส่งศพพี่เขย อย่าให้เขาตายไปแล้วก็ยังไม่เป็นสุข อย่างไรคนก็ตายไปหลายวันแล้ว รีบนำไปฝังให้เรียบร้อยถึงจะถูก” พี่รองแซ่หูเร่ง

“ข้า ข้าไม่มีหรอก” แม่เลี้ยงหูร้องไห้ขึ้นมา

นางไม่รู้จริงๆ ว่าตาเฒ่านั่นเอาเงินในบ้านไปซ่อนไว้ที่ไหน หลายปีมานี้นางใช้มารยาหญิง เล่นบทใสซื่อ ทุ่มเทสุดตัว แต่หลอกเอาเงินในบ้านตาเฒ่านั่นมาได้แค่ยี่สิบตำลึง

แท้ที่จริงตาเฒ่าหวังร่ำรวยเงินทองแต่เก็บงำไว้เป็นอย่างดี ไม่ยอมให้นางรู้ว่าซ่อนไว้ที่ไหน

“เฮอะ นางย่อมไม่รู้ ข้าเปลี่ยนที่เก็บทุกเดือน!” ผู้ใหญ่หวังลูบเคราอย่างภูมิใจ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท