คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 276 ตามข้าที่เป็นบรรพบุรุษเจ้าอย่างไรเล่า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 276 ตามข้าที่เป็นบรรพบุรุษเจ้าอย่างไรเล่า

ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านอำนวยความสะดวกให้ผู้ใหญ่หวังมาหลายปี มีที่ดินทำกินอันอุดมสมบูรณ์อยู่สามสิบไร่ ที่ผ่านมาเขาใช้ประโยชน์จากที่ดินนี้ ได้รับของกำนัลจากลูกบ้านที่นำมาแสดงความเคารพ รวมกับผลกำไรของลูกๆ ที่ยังไม่ย้ายออกไปมีครอบครัว เมื่อหามาได้ก็รวมเข้าเป็นกองกลาง ตัวตาเฒ่าเองก็เป็นนายทุนผู้ตระหนี่ขี้เหนียว ดังนั้นทรัพย์สินของบ้านที่หามาได้อย่างน้อยก็ราวๆ ร้อยตำลึง ทั้งหมดรวมอยู่ในมือเขาคนเดียว

เขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน หากมีเงินไม่กี่ชั่ง จะอยู่ในตำแหน่งนี้อย่างมั่นคงได้อย่างไร เมื่อภรรยาคนแรกตายลง เขาต้องการแต่งงานใหม่ แต่ด้วยวัยชรา หากไม่ใช่ตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านบวกกับฐานะเงินทอง ใครจะไปขอแม่นางหูที่อายุยังน้อยมาเป็นภรรยาน้อยของเขาได้

ถึงแม้แต่งภรรยาน้อยมาได้คนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถูกรูปโฉมสวยงามล่อให้หลงหัวปักหัวปำจนยกทรัพย์สินให้แม่นางหูไปจนหมด ตาเฒ่าหูยังป้องกันไว้ เป็นเพราะอายุต่างกันมาก ถ้าหากยกเงินทองให้อยู่ในกำมือแม่นางหูจนหมด เขาจะเอาความมั่นใจอะไรมาควบคุมให้นางอยู่ในโอวาทได้

ดังนั้นไม่ว่าแม่เลี้ยงหูจะทุ่มเทสุดกำลังออดอ้อนออเซาะอย่างไร เขาก็ยังปิดประเป๋าไว้แน่น หยิบยื่นให้นางเล็กน้อยเป็นการเอาใจ หลังจากนางคลอดลูกชายให้คนหนึ่งค่อยมือหนักจ่ายให้นางมากหน่อย แต่ส่วนใหญ่ก็ยังปิดบังไว้อยู่ดี

อันที่จริงเขาป้องกันไว้ก็ไม่ผิด เพราะนางสารเลวน้อยคนนี้ลับหลังลอบเป็นชู้กับชายอื่น ทำให้เขาตาย แล้วยังคบชู้อีก

ผู้ใหญ่หวังจ้องไปที่ลูกชายคนที่สามด้วยสายตาอำมหิต สองตาแดงก่ำ โกรธแค้นยิ่งนัก ถ้ารู้แต่แรกว่าเจ้าลูกชั่วคนนี้หน้าไหว้หลังหลอก สมควรให้ขึ้นอืดตายในบ่อส้วมตั้งแต่แรกเกิด

หวังซานเฉวียนหนาวเยือกไปทั้งตัว มองไปทางหวังต้าหย่งกล่าวว่า “พี่ใหญ่ ท่านเป็นลูกคนโต ท่านตัดสินเถอะว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้?”

เงินก้อนนี้พวกเขาต้องเอาออกมาอยู่ในมือให้ได้ แต่แม่เลี้ยงหูไม่มี อยู่ที่ลูกคนโตเป็นหลัก หากว่าให้พี่ชายเขาเป็นผู้นำลงมือทำเรื่องนี้ก็ย่อมสำเร็จได้ ถ้าเขาไม่ทำ ถ่วงเวลาส่งศพบิดาออกไป ก็เท่ากับว่าเป็นลูกอกตัญญู

หวังต้าหย่งโกรธจนแทบบ้า เหลือบตามองไปที่ฉินหลิวซี ตัดสินใจว่า “ไม่ต้องลำบากแล้ว เรื่องของท่านพ่อ ไต้ซือตัวจริงมองปัญหาออกตังแต่แรกแล้ว”

ใครเป็นไต้ซือตัวจริง?

ทุกคนมองตามสายตาเขาไปที่ฉินหลิวซี ตาโตเป็นไข่ห่านโนเวลพีดีเอฟ

พี่รองแซ่หูวิ่งก้าวมาเป็นแรก พลางชี้ไปที่ฉินหลิวซี “ต้าหย่ง ท่านว่านี่คือไต้ซือ ท่านเห็นพวกเราเป็นคนโง่อย่างนั้นหรือ เจ้าเด็กหนุ่มหนวดยังไม่งอกนี่หรือคือไต้ซือ ถ้าท่านต้องการปิดบังซ่อนเร้นทรัพย์สินบ้านหวัง ไม่สนน้องร่วมท้องแม่เดียวกับท่าน ก็บอกมาตรงๆ ไยต้องปั้นแต่งเจ้าหนุ่มน้อยหลอกทุกคน”

แม่เลี้ยงหูยิ่งร้องไห้เสียงดังขึ้นมาอีก “พ่อเจ้า ท่านจากไปเร็วเกินไป ทิ้งให้พวกเราแม่ลูกถูกรังแก ไม่สู้พาพวกเราตายไปกับท่านให้หมดเรื่องหมดราว”

“กลางวันแสกๆ อย่าพูดเรื่องผีสาง ข้าเตือนเจ้าอย่าได้พูดเรื่องนี้ ตาเฒ่าหวัง เอ้อ สามีเจ้า หากเขาหวังให้เป็นอย่างที่เจ้าพูด เขาคงก็เอาเจ้าไปด้วยเป็นคู่วิญญาณสามีภรรยา ให้เจ้าปรนนิบัติดูแล!” ฉินหลิวซีกล่าวอย่างเยือกเย็น “จะอย่างไรคนก็ตายไปแล้ว อายุก็มากแล้ว ตายไปอย่างโดดเดียว ลำบากยากแค้น หากมีเจ้า ภรรยาสาวเดินทางไปเป็นเพื่อนสู่ปรโลกก็คงดีไม่น้อย!”

นางหูหยุดนิ่งไม่ไหวติง “!”

นางน้ำตานองหน้ามองไปที่ฉินหลิวซี เจ้าเป็นคนโหดเหี้ยมหรือ กล่าววาจาดังมีพิษ ภาพนั้นน่ากลัวจนนางไม่กล้าคิด

เป็นตาเฒ่าหวังที่ตาเป็นประกาย ลอยไปอยู่ข้างนางหู “ระวังให้ดี นางแพศยา เจ้าสมควรตายไปเป็นเพื่อนตาแก่เช่นข้า”

และเป็นหวังชุ่ยเหลียนที่ฟังคำของฉินหลิวซีจบก็เกือบหัวเราะออกมา แต่ไม่ถูกกาละเทศะนางจึงกลั้นไว้

ทุกคนต่างก็มีปฏิกริยาแตกต่างกันออกไป

หวังต้าหย่งกระแอมออกมาทีหนึ่ง ถูจมูกปิดบังเสียงหัวเราะ “คุณชาย…ไม่ใช่ ไต้ซือ ท่านช่วยดูทีเถิด ที่แท้เป็นท่านพ่อข้าทำเรื่องนี้ใช่หรือไม่ ที่ถ่วงเวลาไม่ยอมให้เคลื่อนศพ”

“ไม่ใช่ หวังต้าหย่ง เจ้ายังเห็นเจ้าคนนี้เป็นไต้ซืออีกหรือ สุ่มสี่สุ่มห้าก่อเรื่องวุ่นวาย เจ้าคนอกตัญญู!” พี่รองหูมองหวังต้าหย่งที่เชื่อคำฉินหลิวซีที่หนึ่ง เป็นกังวลจนอดไม่ได้ที่จะสาวเท้าเข้ามา ไม่ได้การ เขายังหวังกับเดิมพันครั้งนี้

ฉินหลิวซีเหลือบมองไปที่เขา หัวเราะอย่างเย็นชา “ถ้าใช้ไต้ซือปลอมที่พวกเจ้าพามา นั่นแหละอกตัญญู เจ้าเป็นใคร ก็แค่สวมชุดไต้ซือ อย่าได้แอบอ้าง บทสวดเทพจินกวงสวดอย่างไร สวดให้ข้าฟังสักสองท่อนเป็นไร”

นางชี้ไปยังเจ้าหนวดสิบแปดมงกุฎที่สวมชุดนักพรต “สวดไม่ได้ เจ้าก็เป็นพวกต้มตุ๋นที่มากับพวกเขา มาหลอกเอาเงินบ้านหวัง”

นักต้มตุ๋นสายตาหลุกหลิก “เจ้าว่าสวดข้าก็ต้องสวด ข้าจะสวดไปเพื่ออะไร ทำไมข้าต้องสวดตามด้วย”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ตามข้าที่เป็นบรรพบุรุษเจ้าอย่างไรเล่า” ฉินหลิวซีหัวเราะ “ไม่สวดใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อย ว่าปีศาจในปากเจ้าที่แท้เป็นเช่นไร”

เจ้านักต้มตุ๋นคอย่น ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็เห็นฉินหลิวซีประสานนิ้วมือร่ายอาคมไปทางนางหู

“ข้าช่วยพลังวิญญาณเจ้านิดหน่อย ไปฉีกเครามันออกมาซะ” ฉินหลิวซีกล่าวเรียบๆ

นึกไม่ถึงว่าจะมีคนโกหกหลอกเงินได้เก่งกว่านาง นางเห็นเขากระสับกระส่ายอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว!

ทันใดนั้นผู้ใหญ่หวังอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าร่ายกายมีเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาคิด เขาพุ่งเข้าไปที่เจ้านักต้มตุ๋นยื่นมือดึงเคราอย่างแรง

หนวดเคราของเจ้านักต้มตุ๋นเหมือนมีแรงคนดึงออก เมื่อหนวดปลอมหลุดออกแล้วก็เผยให้เห็นใบหน้าชายหนุ่มท่ามกลางสายตาของทุกคน

“โอ้ เป็นหนวดปลอม” ผู้ใหญ่หวังมองพลางพลางสะบัดของในมือ แล้วก็ปาทิ้งไป “เจ้านักต้มตุ๋นหน้าไม่อาย ไม่รู้อะไรสักอย่าง ยังกล้าหลอกเอาเงินร้อยตำลึง”

เพียะ

เสียงตีดังออกมาจากอากาศ

เจ้านักต้มตุ๋นถูกตีจึงร้องออกมา โยนแส้ทิ้งไป ร้องโวยวายพลางแหวกทางหนี “ผี มีผีอยู่!”

ทุกคนในที่นั้นเข่าอ่อนลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น ตัวสั่นเทิ้มขณะมองไปทางฉินหลิวซีด้วยความหวาดกลัว

เขาเรียกผีออกมางั้นหรือ

“ไต้…ไต้ซือ” หวังต้าหย่งอ้าปากสั่นๆ เรียก

ผู้ใหญ่หวังเวลานี้พุ่งตัวไปบีบคอหวังซานเฉวียนหวังให้ตายถึงจะยอมหยุดแรงมือ

หวังซานเฉวียนคว้าคอตัวเองไว้ ส่งเสียงหายใจเฮือก สายตาหวาดหวั่น

“ถ้าบีบคอเขาจนตาย เจ้าจะมีโทษฐานฆ่าลูกชายอีกกระทง กลายเป็นวิญญาณร้ายไปจริงๆ แล้วจะต้องไปพบยมบาลในนรกเพื่อตัดสินกรรมดีกรรมชั่ว จะต้องได้รับกรรมอย่างแน่นอน” ฉินหลิวซีกอดอกเอ่ยกับผู้ใหญ่หวัง

ทุกคนมองตามสายตาของนางไป พบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครเลยนอกจากหวังซานเฉวียนที่กำลังคว้าคอตัวเองอยู่

ผู้ใหญ่หวังตาวาวโรจน์ “เป็นเขาที่ฆ่าข้าก่อน เพื่อจะอยู่กินกับนางแพศยานั่น ถึงกับกล้าลงมือกับพ่อตัวเอง”

“โทษของเขา ยังมีศาลพิพากษาในโลกมนุษย์”

ผู้ใหญ่หวังลังเลอยู่นิดหนึ่ง จึงยอมปล่อยมือ

หวังซานเฉวียนได้รับอิสระก็ร้องขึ้นว่ามีผี อยากจะวิ่งหนี แต่ฉินหลิวซีคว้าแส้ของเจ้านักต้มตุ๋นที่หล่นอยู่ใกล้มือได้ นางขว้างออกไปถูกเขาพอดี ซานเฉวียนร้องโอ๊ยแล้วล้มลงทันที

หวังต้าหย่งมองดูสถานการณ์ ยิ่งเกิดความกลัว เขาจึงเอ่ยถาม “ไต้ซือ คนที่ท่านพูดด้วย คือท่านพ่อข้าใช่หรือไม่”

แม่เลี้ยงหูตกใจอกสั่นขวัญแขวนจนหน้าไม่มีสีเลือด หดตัวไปอยู่มุมห้อง เป็นตาแก่นั่นกลับมาจริงๆ หรือ

หวังต้าหย่งมองซ้ายมองขวา “ท่านพ่อ ไยท่านพ่อจึงยังอาลัยไม่ยอมจากไป หรือเป็นเพราะพวกเราทำไม่ดีหรือ รบกวนไต้ซือถามเขาหน่อย พวกเราจะได้แก้ไขให้ถูก”

ผู้ใหญ่หวังมองลูกชายคนโตน้ำตาคลอสองตา เมื่อก่อนเห็นเขาเป็นคนซื่อๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ทันคน มาตอนนี้ ลูกคนไหนเล่าที่แบกรับเรื่องราวต่างๆ ไว้ ทั้งยังกตัญญูต่อบิดา

“งานศพจัดได้ดีแล้ว แต่พ่อท่านมีแรงอาฆาตครอบงำดวงวิญญาณ ทำให้ไม่ยอมจากไปตามธรรมชาติ” ฉินหลิวซีเหลือบมองหวังซานเฉวียนที่นอนอยู่ที่พื้นและนางหู กล่าวว่า “ก่อนอื่น ท่านต้องไปแจ้งต่อทางการ”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท