คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 283 จดหมายครอบครัวจากซีเป่ย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 283 จดหมายครอบครัวจากซีเป่ย

จดหมายจากนายท่านฉินผู้เฒ่าหนามาก อันดับแรกพวกเขาเล่าว่าคนในครอบครัวปลอดภัยดี แม้ว่าระหว่างทางจะไม่ง่ายนัก มีการเจ็บป่วยบ้างเป็นธรรมดา แต่พวกเขาก็มาถึงอย่างปลอดภัย ตอนนี้พวกเขาได้ปักหลักอยู่ที่บริเวณเขตเนรเทศของซีเป่ย นอกจากนายท่านผู้เฒ่าที่กำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้านพักชั่วคราว โดยมีเด็กๆ สองคนคอยดูแล บรรดานายท่านอีกสามคนที่เหลือได้ออกไปหางานทำเพื่อแลกเงินมาประทังชีวิต

ฉินปั๋วหงและคนอื่นๆ รู้ดีว่าหากบอกแต่ข่าวดีไม่บอกข่าวร้ายก็มีแต่จะทำให้นางฉินผู้เฒ่าและคนอื่นๆ คิดฟุ้งซ่าน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้บอกแต่ข่าวดีทั้งหมด ยังบอกถึงความยากลำบากที่พวกเขาประสบระหว่างทาง แต่ก็สามารถผ่านมันไปได้ ไม่มีอุปสรรคอันตรายใหญ่หลวง ที่สำคัญก็คือพวกเขายังได้รับความช่วยเหลือจากผู้สูงศักดิ์ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะป่วยก็ยังมีเงินเหลือไว้หาหมอและซื้อยา

เรื่องที่มาถึงซีเป่ยแล้ว พวกเขาก็เอ่ยถึงบ้างเล็กน้อย อย่างที่อยู่อาศัยในตอนนี้ก็ไม่ค่อยดีนัก อาหารการกินส่วนใหญ่นั้นเป็นพวกอาหารหยาบและของตากแห้ง พวกเขาจะให้นายท่านผู้เฒ่าและเด็กทั้งสองคนกินก่อน

แล้วยังมีเรื่องการหางานทำอีกด้วย เมื่อไปถึงที่นั้น นอกจากข้าราชการที่ถูกเนรเทศแล้ว ยังมีนักโทษบางคนที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงอีกด้วย เพียงแต่ว่าทางการมักจะส่งนักโทษเหล่านั้นไปทำงานหนัก อย่างเช่นขุดเหมือง ดังนั้นงานที่พวกเขาหาอยู่ก็จะไม่มีทางได้ร่วมงานกับนักโทษเหล่านั้น นอกจากว่าจะไปโดยสมัครใจเพราะอยากได้เงิน หรือถูกเรียกตัวให้ไปที่นั่น

ตอนนี้งานเดียวที่พวกเขาหาได้เป็นงานชั่วคราว เป็นเพราะพึ่งมาถึงที่นี่ ดังนั้นจึงรอให้คุ้นเคยก่อนแล้วค่อยวางแผน

จากนั้นพวกเขาก็ถามถึงความเป็นอยู่ของคนในครอบครัว และได้พูดถึงฉินหลิวซี ฉินหมิงชิงยังได้เอ่ยถึงบุญคุณที่นางช่วยสะใภ้กู้และลูกๆ นายท่านฉินผู้เฒ่าก็ชื่นชมว่านางเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ แสดงให้เห็นถึงความเป็นพี่หญิงใหญ่ของตระกูล จึงขอให้นางช่วยดูแลเด็กๆ และสตรีในครอบครัว

ในจดหมาย พวกเขาเพียงแค่บรรยายถึงสถานการณ์การเดินทางของพวกเขา แต่ทุกคนที่ฟังอยู่ตรงนั้นต่างก็พากันปาดน้ำตา

หลังจากที่ทุกคนอ่านจดหมายจบแล้ว ก็มีจดหมายสองสามฉบับจากบรรดาพี่ชายน้องชาย สะใภ้หวังเก็บของบ้านใหญ่ไว้ และมอบของบ้านรองและบ้านสามให้กับสะใภ้เซี่ยและสะใภ้กู้

ทางด้านสะใภ้เซี่ยไม่ได้มีอะไร แต่ทันทีที่สะใภ้กู้เปิดจดหมายครอบครัวแล้วเห็นลายมือของฉินปั๋วชิง น้ำตาก็ไหลลงบนกระดาษ แต่ก็กลัวกระดาษจะเลอะเทอะ นางจึงรีบเช็ดมัน เมื่อเห็นประโยคที่เขาเขียนว่า ‘ลำบากเจ้าแล้ว’ น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้งราวกับเม็ดลูกปัดตกลงมา

ทางด้านสะใภ้หวัง จดหมายครอบครัวของฉินปั๋วหงเป็นทางการมาก เนื้อหาไม่มีอะไรมากไปกว่าการดูแลนางฉินผู้เฒ่า อบรมสั่งสอนบุตร ดูแลเรื่องในเรือน เอ่ยขอบคุณที่นางทำงานหนัก และบอกให้ดูแลตัวเอง ในใจของนางรู้สึกเหมือนมีคลื่นซัด

เมื่อนางเห็นลายมือของฉินหมิงเยี่ยนบุตรชายของนางในตอนท้ายของจดหมาย จมูกของนางก็เริ่มแดง เมื่อเห็นเขาเขียนว่า ‘ท่านแม่ ลูกคิดถึงท่าน’ นางก็น้ำตาไหลพราก รีบหันหลังหนี กดจดหมายไว้แนบอก สูดหายใจเข้าลึกๆ ปาดน้ำตาก่อนที่จะหันกลับมาหานางฉินผู้เฒ่า

“ท่านแม่ ตอนนี้ท่านพ่อและคนอื่นๆ ไปถึงอย่างปลอดภัย และได้มีที่ให้พักพิง เช่นนี้ก็จัดการได้ง่ายแล้ว ตอนนี้อากาศหนาว ข้าจะไปจัดเตรียมของสักหน่อยแล้วหาคนส่งไปให้เจ้าค่ะ”

นางฉินผู้เฒ่าก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาจนเปียกชุ่ม พยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ “ดีแล้ว เจ้ารีบไปจัดเตรียม ที่นั่นอากาศหนาว เตรียมเสื้อกันหนาวเพิ่มสักหน่อย ไม่ต้องพิถีพิถันว่าต้องเป็นแบบไหน สิ่งที่สำคัญคือหนาพอที่จะให้ความอบอุ่นได้ หากเป็นไปได้ก็ให้จัดการพวกวัตถุดิบยาเสียหน่อย พวกเขาเอาแต่พูดถึงข่าวดี ไม่บอกข่าวร้าย การเดินทางครั้งนี้หนทางยาวไกล เกรงว่าจะเป็นไข้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คงจะยังไม่หายดีอยู่สักระยะหนึ่ง ซีเป่ยก็เป็นสถานที่ทุรกันดาร ควรจะจัดเตรียมวัตถุดิบยาให้มากจะดีกว่า”

สะใภ้หวังพยักหน้าเห็นด้วย เอ่ยกับบรรดาน้องสะใภ้ทั้งสองว่า “หากพวกเจ้ามีสิ่งใดอยากจะส่งไป ก็ไปเตรียมไว้ อย่างเช่นจดหมายครอบครัวหรือของอื่นๆ”

“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ามีเจ้าค่ะ” สะใภ้กู้รีบเอ่ย

เมื่อนางฉินผู้เฒ่าเห็นว่าพวกนางเริ่มนั่งไม่นิ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “พวกเจ้าทุกคนกลับไปเถิด”

บรรดาสะใภ้ย่อเข่าคำนับกำลังจะถอยออกไป แต่สะใภ้หวังถูกรั้งให้อยู่ต่อ

นางฉินผู้เฒ่าให้ติงหมัวหมัวนำกล่องออกมามอบให้ “ตอนนี้ตระกูลของเราจะเปิดร้านขายผลไม้แช่อิ่ม ทั้งยังต้องจัดหาสิ่งของให้พวกเขา และต้องเก็บเงินไว้ให้พวกเขาใช้ในยามฉุกเฉิน ในนี้มีเงินไม่มากนัก เจ้าเอาไปทั้งหมดเถิด”

“ท่านแม่ ทางด้านของข้ายังพอมีอยู่บ้าง ท่านเก็บเอาไว้ใช้เถิดเจ้าค่ะ” สะใภ้หวังปฏิเสธ

นางฉินผู้เฒ่าเอ่ย “ตอนนี้ตระกูลฉินอยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนแอ ข้าเป็นหญิงชราที่เจ็บป่วยเช่นนี้ ไม่ได้ออกนอกประตูไปพบเจอใคร ของใช้ทั้งหมดก็ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว ยังจะเหลือเก็บไว้ใช้ส่วนตัวทำไมอีก อย่างไรก็ต้องใช้ในสถานการร์คับขันก่อน รอให้มีมากพอเมื่อไหร่ เจ้าค่อยหาของคืนให้ข้า ต่อไปเมื่อข้าแก่ตัวลงก็จะได้มีของที่ระลึกให้พวกเขา”

สะใภ้หวังเห็นว่าริ้วรอยบนใบหน้าของนางฉินผู้เฒ่าเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตอกย้ำว่านางดูมีอายุมากขึ้น เมื่อนึกถึงคำพูดของฉินหลิวซี นางจึงเม้มริมฝีปากก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านแม่วางใจเถิด ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น เงินเหล่านี้ข้าจะนำไปใช้ก่อน เมื่อเปิดร้านและมีรายได้แล้วจะนำมาเติมคืนใส่กล่องให้ท่านเจ้าค่ะ”

นางฉินผู้เฒ่ายิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นก็ให้นางออกไป

หลังจากที่สะใภ้หวังกลับไปแล้ว นางก็นำจดหมายครอบครัวมาอ่านแล้วอ่านอีก น้ำตาไหลพลางเอ่ย “ก็ไม่รู้ว่าข้าจะสามารถอยู่ได้นานพอที่จะเห็นพวกเขากลับมาหรือไม่”

ติงหมัวหมัวปาดน้ำตาที่หางตา เอ่ย “ท่านวางใจเถิด ต้องได้พบแน่นอนเจ้าค่ะ”

นางฉินผู้เฒ่าถอนหายใจ หยิบจดหมายขึ้นมาอ่านอีกครั้ง

สะใภ้หวังกลับไปที่เรือน เห็นว่าฉินหลิวซีก็อยู่ที่นั่นด้วยจึงยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าอยู่ที่นี่ก็ดี มีจดหมายมาจากซีเป่ย ท่านพ่อของเจ้าก็เขียนจดหมายถึงทางบ้านด้วย รีบมาอ่านเร็ว อนุวั่น เจ้าก็มาฟังด้วยกันเถิด”

อนุวั่นแทบรอไม่ไหว นางขยับเท้า เหลือบมองไปที่ฉินหลิวซีด้วยความกลัวเล็กน้อย

ฉินหลิวซีเหลือบมองนาง “ตัวอักษร ‘เต๋อ’ กลับไปคัดลอกห้าสิบครั้ง”

“หา”

“หนึ่งร้อยครั้ง! ”

“ห้าสิบครั้ง ข้าเพียงแค่หาวเฉยๆ ไม่ได้ขอความเมตตา!” อนุวั่นแทบจะร้องไห้แล้ว เหตุใดนางต้องมาลำบากลำบนเรียนเขียนตัวอักษรเช่นนี้ นางแค่อยากเป็นอนุคนสวยไร้ความรู้ไม่ได้หรือ

ฉินหลิวซีถอนหายใจ เดินไปที่ด้านข้างของสะใภ้หวัง

ฉินหมิงฉุนมองอนุวั่นอย่างเห็นอกเห็นใจ ดึงชายเสื้อของนางแล้วเอ่ยว่า “แม่เล็ก ท่านต้องพยายามให้มาก พรุ่งนี้ข้าก็ต้องไปสำนักศึกษาแล้ว ท่านอยู่เรือนก็ตั้งใจเขียนตัวอักษร ไว้ข้าเลิกเรียนค่อยกลับมาตรวจ”

อนุวั่น “!”

เหตุใดมีแค่บุตรสาวปีศาจยังไม่พอ ซ้ำยังมีบุตรชายอกตัญญูอีก!

ทางด้านฉินหลิวซีได้รับจดหมายจากสะใภ้หวังแล้ว อ่านสิบบรรทัดในคราวเดียว จากนั้นก็ส่งให้ฉินหมิงฉุนอย่างรวดเร็ว “เจ้าเอาไปอ่าน!”

ฉินหมิงฉุนรีบรับมาเริ่มอ่านจดหมาย อ่านไปอ่านมาก็ร้องไห้ เอ่ยกับสะใภ้หวังว่า “ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านพ่อกับพี่รอง”

“เช่นนั้นเจ้าก็เขียนจดหมายไปบอกพวกเขา”

“ขอรับ”

ฉินหลิวซีเบะปาก มองไปทางอนุวั่น นางมีสีหน้าดูสิ้นหวัง ยังคงกังวลที่ตัวเองต้องคัดตัวอักษร ‘เต๋อ’ ห้าสิบครั้ง เห็นแล้วอดส่ายหน้าไม่ได้!

สะใภ้หวังเอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “ตอนนี้มีที่พักแล้ว ข้าอยากจะเตรียมเสื้อกันหนาวและวัตถุดิบยาส่งไปให้ ซีเอ๋อร์ ข้าไม่ต้องการสิ่งอื่นใด เจ้าว่าเจ้าสามารถให้ยันต์แคล้วคลาดแก่พวกเขาไว้พกติดตัวได้หรือไม่”

ฉินหลิวซีประหลาดใจ “ท่านเชื่อว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์หรือ”

“การขอพรจากเทพเจ้าก็เพียงแค่ขอความสงบใจ ข้าเองก็เช่นกัน” สะใภ้หวังยิ้ม เอ่ย “ยิ่งเป็นคำพูดของเจ้า ข้ายิ่งเชื่อ”

การทำนายก่อนหน้านี้ของฉินหลิวซีนั้นแม่นยำทั้งหมด ดังนั้นยันต์ของนางจะต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอน นางสามารถละเลยผู้อื่นได้ แต่สำหรับบุตรชายของนาง นางต้องขอให้เขาสักหนึ่งอัน!

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท