คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 294 แอบวางแผนลอบโจมตี

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที 294 แอบวางแผนลอบโจมตี

เข็มพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ฝูเซิงตั้งตัวไม่ทัน

เดิมทีนางก็รู้สึกหวาดหวั่นกับคำพูดของฉินหลิวซีอยู่แล้ว ซ้ำอีกฝ่ายยังปล่อยเข็มพุ่งไปที่จุดกุ่ยกงเหนือริมฝีปากบน สามารถบอกได้ว่าใช้แรงได้อย่างแม่นยำ ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป เข็มแทงเข้าไปลึกสามส่วน ทำให้ริมฝีปากของฝูเซิงสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้กระดูกด้านในได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเข็มเงินแทงไปที่จุดกุ่ยกง ใบหน้าของฝูเซิงที่เดิมทีก็ซีดเซียวอยู่แล้วก็ยิ่งซีดลงมากขึ้นเรื่อยๆ พลังชี่[1]ก็ลอยขึ้นมาด้านข้าง ปกคลุมล้อมรอบตัวนางเอาไว้ เบาบางราวกับเมฆหมอกบนภูเขาอันไกลพ้น ดูเหมือนจะมีแต่ก็เหมือนไม่มี

เมื่อตระหนักได้ว่าถูกลอบโจมตี ฝูเซิงก็โกรธมาก

“นักพรตกระจอก ไม่รักษาคำพูด”

ไหนบอกว่าเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ไม่ได้เอะอะก็จะฆ่าแกงกัน แล้วตอนนี้หมายความว่าอย่างไร

ไม่มีจรรยาบรรณในการต่อสู้เลยแม้แต่นิด

ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่ใช่คนที่เอะอะก็จะฆ่าแกงกันจริงๆ เพียงแต่แอบลอบโจมตีเท่านั้น!”

ฝูเซิงโกรธมาก ดวงตาแดงก่ำ หัวเราะอย่างเยือกเย็น “เจ้าทำได้แค่นี้เองหรือ แค่ใช้เข็มเงินเล่มเดียวก็คิดจะให้ข้ายกธงขาวยอมแพ้อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!”

“เจ้าไม่ได้รักหันเอ๋อร์จริงๆ ด้วย”

“บังอาจ หันเอ๋อร์ใช่ชื่อที่นักพรตกระจอกอย่างเจ้าสามารถเรียกได้หรือ หุบปาก!” ฝูเซิงต้องการจะดึงเข็มเงินออกจากจุดกุ่ยกง แต่เมื่อนางเอามือไปสัมผัสก็รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า ทำให้รู้สึกชา ดวงวิญญาณสั่นไหว

ฉินหลิวซีเอ่ย “ฝูเซิง ข้าก็ไม่ได้ยืนกรานที่จะเป็นศัตรูกับเจ้า หรือจะเอาถึงตาย ข้าเห็นใจกับเรื่องของพวกเจ้าเป็นอย่างมาก เจ้าตายอย่างไม่ยุติธรรม ข้าขอแสดงความเสียใจ แต่ความรักที่ไม่สมปรารถนาของพวกเจ้านี้ต้องใช้สตรีทั้งสองคนมาเป็นเครื่องสังเวยเลยหรือ เจ้าตายไปคนเดียวยังไม่พอ ต้องลากเซียวชิงหันไปด้วยอย่างนั้นหรือ”

“ข้าจะไม่ตาย เราจะอยู่ด้วยกันเช่นนี้ตลอดไป ในข้ามีนาง ในนางมีข้า เช่นนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่”

ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “เจ้าอย่าไร้เดียงสาให้มากนัก อย่างที่ข้าบอก เซียวชิงหันไม่ได้ปรากฏตัวมานานเท่าใดแล้ว หรือดวงวิญญาณของนางยังคงสภาพเดิมอยู่หรือไม่ เจ้าออกมาจากร่างของนางก่อน กระดูกของเจ้าหากลับมาได้แล้ว ข้าจะให้ผู้ตรวจการเซียวหาฮวงซุ้ยที่ดีฝังศพให้เจ้า ต่อจากนี้ไปเซียวชิงหันก็จะไปเซ่นไหว้เจ้า หรือไม่ก็เคารพบูชาเจ้าเป็นเทพ ดีหรือไม่”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…” ฝูเซิงเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะช่างเย่อหยิ่งและดุร้าย เอ่ยเสียดสีว่า “ในเมื่อข้าไม่สามารถอยู่เป็นคู่กับนางได้ แล้วข้าจะต้องการให้มีคนมาเคารพบูชาเป็นเทพทำไมกัน”

ฉินหลิวซีมองกลับมาด้วยสายตาเย็นชา ลดสายตาลงพลางถอนหายใจเบาๆ “เป็นเจ้าที่บังคับให้ข้าต้องใช้กำลัง!”

เจ้าบังคับข้า

ฝูเซิงเห็นนางใช้ปลายนิ้วหยิบเข็มเงินขึ้นมาอีกหนึ่งเล่ม จู่ๆ ก็เกิดอาการกังวล ถอยหลังไปสองก้าว ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย เข็มเงินที่อยู่เหนือริมฝีปากบนก็ยิ่งสั่นไปมา ราวกับพยายามจะหลุดเป็นอิสระ นางตะโกนด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ “เจ้ากล้าหรือ! ข้าจะฆ่าตัวตาย!”

หลังจากเอ่ยจบก็บีบคอตัวเองด้วยมือทั้งสองข้าง

เมื่อนางบีบคอ ดูเหมือนนางจะเริ่มดิ้นรนอีกครั้ง เอ่ยกับตัวเองว่า “ไม่ได้ ไม่ได้นะ หันเอ๋อร์รีบออกมาเร็ว”

“คนไร้ประโยชน์” ฝูเซิงด่าด้วยน้ำเสียงดุร้าย

ฉินหลิวซีตาเป็นประกาย รีบพุ่งเข้าไปกดบนจุดฝังเข็มที่แขนของนางอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นมือของฝูเซิงก็ไร้เรี่ยวแรง มือที่บีบคอตัวเองก็คลายออก และเข็มในมือของฉินหลิวซีก็แทงไปยังจุดกุ่ยซิ่นที่นิ้วโป้ง

แทงเข็มเข้าไปลึกสามส่วน ร่างกายของฝูเซิงก็หยุดสั่นทันที แต่กลับเต็มไปด้วยพลังชั่วร้ายเพราะความโกรธ

เพล้ง เพล้ง เพล้ง

โคมวังหลวงถูกลมพัดแรงจนตกลงพื้น

ในเรือนเล็กราวกับมีเสียงผีโหยหวนและหมาป่าหอน

ฉินหลิวซีไม่สะท้าน มือหยิบเข็มแทงไปที่จุดกุ่ยซินที่จุดกึ่งกลางพับข้อมือและจุดกุ่ยลู่ด้านล่างข้อเท้าด้านข้างของนาง แทงลึกเข้าไปสามส่วน ก็ราวกับถูกไฟแผดเผา

หลังจากนั้นก็ใช้เข็มแทงไปที่จุดกุ่ยเจิ่นบริเวณคอหนึ่งนิ้ว และอีกหนึ่งเข็มแทงไปที่จุดกุ่ยฉวงบริเวณแก้มลึกห้าส่วน…

ฝูเซิงกรีดร้องด้วยความโกรธ

ฉินหลิวซีแทงเข็มอีกสองเล่มไปที่ช่วงท้องของนางผ่านเสื้อผ้าบางๆ “หากยังไม่ออกมาก็อย่าโทษที่ข้าแทงเข็มครบทั้งสิบสามเล่ม”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“เจ้ารู้จักสิบสามเข็มประตูวิญญาณ” ใบหน้าของฝูเซิงบิดเบี้ยว ดวงตาโตสีแดงจ้องมองนางอย่างดุร้าย ใบหน้าสีเขียวม่วงปกคลุมไปด้วยเหงื่อ ทำให้ยิ่งดูดุร้าย

ฉินหลิวซีหยิบเข็มขึ้นมาอีกหนึ่งเล่ม

มีควันสีเขียวพุ่งขึ้นมา ฝูเซิงออกมาจากร่างของเซียวชิงหันแล้ว

ทันทีที่นางออกมา เซียวชิงหันก็ตัวอ่อนระทวยล้มลงกับพื้น ฉินหลิวซีรีบเข้าไปพยุง ฝูเซิงยิ้มเยาะเย้ย ยกมือทั้งสองข้างขึ้น ขยับริมฝีปาก รัศมีชั่วร้ายสีดำหนาทึบมุ่งมาที่นาง จากนั้นพลังจิตที่มองไม่เห็นก็โจมตีไปยังฉินหลิวซี

ฉินหลิวซีส่งเสียงร้องอย่างรู้สึกตกใจ ก่อนจะยกมือขึ้น จากนั้นยันต์หลายแผ่นที่อยู่ในแขนเสื้อก็ลอยออกมาล้อมรอบฝูเซิงไว้ตรงกลาง

นางนำเซียวชิงหันไปไว้ด้านข้าง จ้องไปที่ฝูเซิงพลางเอ่ย “เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ถึงได้มีพลังพุทธะ หรือเจ้าไม่ใช่ฝูเซิง”

ฝูเซิงลุกขึ้นยืน เลียริมฝีปากด้วยปลายลิ้น “ข้าคือฝูเซิง ทำไมหรือ พลังพุทธะทำให้เจ้ากลัวแล้วอย่างนั้นหรือ”

“ก็น่ากลัวจริงๆ!” ฉินหลิวซียิ้มมุมปาก กระดิกนิ้วอย่างยั่วยุ

ฝูเซิงโกรธจัด พุ่งเข้าไปในทันที ปากของนางท่องคัมภีร์พระพุทธออกมา “…หากไม่ฝึกฝนก็เป็นคนธรรมดา หากยึดมั่นฝึกฝน รอเป็นพุทธะ ให้วางดาบลง แล้วเป็นพุทธะในทันที จงดูธรรมะอันไร้ขอบเขตของข้า!”

“ขอบเขตบ้าบออะไรกัน”

ฉินหลิวซีหยิบยันต์ต่อสู้และยันต์สายฟ้าออกมาจากแขนเสื้อแล้วโยนออกไป เกิดไฟลุกเผาไหม้ขึ้นมา

แกร่บ แกร่บ

ฝูเซิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“หากจะแกล้งเป็นพระอมิตายุพุทธเจ้า[2]ก็ไปโกนศีรษะล้านเสียก่อนค่อยมาหลอกข้า” ฉินหลิวซีใช้นิ้วร่ายคาถา จุดไฟนรกที่ปลายนิ้ว

ฝูเซิงรู้สึกหวาดกลัว

เมื่อเทียบกับยันต์บนร่างกาย ไฟนรกดวงเล็กๆ เหล่านั้นทำให้วิญญาณของนางหวาดกลัวมากกว่า

“เจ้า เจ้าเป็นใครกัน” ฝูเซิงมองไฟนรกด้วยความหวาดกลัว

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าในที่สุดนางก็แสดงความกลัวออกมา มองดูไฟนรกในมือ เลิกคิ้วพลางเอ่ย “เจ้าบอกข้ามาก่อนว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ เหตุใดจึงได้มีพลังพุทธะอยู่ในตัว หากเจ้าเป็นฝูเซิง พึ่งตายไปเดือนกว่า เจ้าซึ่งเป็นผีใหม่ไม่สามารถมีวิญญาณชั่วร้ายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ ดังนั้นเจ้ามีที่มาอย่างไรกันแน่ หรือว่าเจ้าไปได้อะไรมา”

ฝูเซิงเงียบไป

ฉินหลิวซีเห็นดังนั้นก็โยนยันต์ไปอีกสองสามแผ่น เผาไหม้จนฝูเซิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“หากยังไม่ตอบอีก ต่อไปจะเป็นไฟนรกนี้แล้วนะ”โนเวลพีดีเอฟ

ฝูเซิงมองการเดินเข้ามาใกล้ของนางด้วยสายตาโกรธแค้น

ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นางเป็นนักแสดงที่ใครๆ ก็ดูหมิ่น ด้วยเสียงที่ไพเราะและรูปร่างงดงามดั่งบุรุษของนางจึงทำให้นางได้รับบทเป็นนักแสดงนำชาย ทั้งๆ ที่นางเป็นสตรีโฉมงาม แต่โลกกลับต้องการให้นางเป็นนักแสดงชาย

แม้แต่เซียวชิงหันก็ยังตกหลุมรักนางเพราะบทบาทของนางในตอนแรก ให้นางแต่งตัวเป็นบุรุษ มีสิทธิ์อะไรกัน

แล้วยังมีผู้ตรวจการเซียวและคนอื่นๆ พวกเขาก็เป็นเพียงคนที่ดูภูมิฐานและสุภาพ แต่ในใจกลับเป็นขยะสกปรก ภายนอกแสร้งทำเป็นสูงส่ง เป็นเซียวชิงหันที่มายั่วยุนางก่อน แต่ผู้ตรวจการเซียวและคนอื่นๆ กลับโยนความผิดทั้งหมดให้นาง

ผู้เป็นขุนนางมีค่าดั่งหยกน่าเคารพดั่งทอง แต่ชีวิตของนักแสดงนั้นกลับไม่คุ้มค่าให้เอ่ยถึง พวกเขาต้องการให้นางตาย ทั้งยังเกลียดที่นางร้องเพลงละครยั่วยวนเซียวชิงหัน พวกเขาวางยาพิษทำลายเสียงของนางก่อน จากนั้นก็ทำลายโฉมของนาง และในที่สุดก็ฆ่าปาดคอแล้วโยนทิ้งไว้ที่สุสานร้าง

ตอนมีชีวิตอยู่ถูกดูหมิ่น หลังจากตายไปร่างก็ถูกโยนไว้ในป่าแล้วถูกสุนัขจรจัดกัดกิน นี่คือชีวิตของนาง

นางเกลียดมันมาก!

ความโกรธแค้นหลั่งไหลไปทั่วร่างกายและจิตใจทันที ดวงตาของฝูเซิงกลายเป็นสีแดงเลือด ใบหน้าที่เดิมทีงดงามของนางเริ่มบิดเบี้ยวกลายเป็นรูปลักษณ์เมื่อตอนที่นางตาย แก้มทั้งสองข้างถูกเหล็กร้อนนาบ มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก

นางเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เต็มใจพลางกรีดร้องโหยหวน ผมสีดำขลับของนางลอยขึ้น มีรัศมีอันน่ากลัววนอยู่รอบๆ ต้องการจะหนีออกจากเรือนเล็ก แต่กลับถูกขวางไว้ด้วยยันต์ที่ฉินหลิวซีวางดักไว้เสียก่อน

ฉินหลิวซีดวงตาเฉียบคม เห็นว่าท่าทางของนางกำลังจะกลายเป็นผีร้าย!

นางยกมือขึ้น กำลังจะดีดไฟนรกไปที่ฝูเซิง แต่กลับมีคนคว้าชายเสื้อข้างเท้าของนางไว้

“อย่าทำร้ายนาง”

[1] พลังชี่ กระแสพลังสายหนึ่ง ซึ่งไหลเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวเรา มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง เป็นพลังที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสถึงได้

[2] พระอมิตายุพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าผู้มีอายุขัยยาวนานไม่มีประมาณ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท