“โอ้?” เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ สายตาของนางมองไปยังเศษผ้าสีชมพูที่ตกอยู่ใต้เก้าอี้ สองแม่ลูกตระกูลหวังไม่มีทางสวมชุดที่มีสีสันเช่นนี้ เมื่อครู่นี้จะต้องมีคนอื่นอยู่ที่นี่แน่!
เฮ่อเหลียนเวยเวยวิเคราะห์สถานการณ์ แต่นางก็ยังไม่ลืมที่จะสบตากับแม่เฒ่าหวัง แล้วเอ่ยถามว่า ”เรื่องอะไรหรือ”
“วันที่หลิงเอ๋อร์หายตัวไป ดูเหมือนนางจะมีปากเสียงกับคุณชายรองจางเจ้าค่ะ” แม่เฒ่าหวังพูดพร้อมกับก้มหน้าลง ”อันที่จริงพูดเช่นนี้เองก็น่าอาย เพราะตระกูลหวังไม่เคยทำอะไรผิด หวังหลิงตั้งใจเรียนหนังสือหนักกว่าใคร และในอนาคตเขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน แต่หลิงเอ๋อร์กลับเลือกที่จะไปกับคุณชายรองจาง วันนั้นทั้งสองมีปากเสียงกันเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าคุณชายรองจางจะไม่อยากสานสัมพันธ์กับนางต่อ ดังนั้นเขาจึงบอกกับหลิงเอ๋อร์ว่าถ้านางยังตามกวนใจเขาต่อไป เขาจะส่งคนไปสอนบทเรียนให้กับตระกูลจางเจ้าค่ะ”
แม่เฒ่าหวังไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากนี้ นางรู้ว่าพูดแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนตรงหน้าเชื่อมโยงมันเข้ากับเรื่องอื่นๆ ได้อีกหลายเรื่อง
เป็นอย่างที่คิด เฮ่อเหลียนเวยเวยพยักหน้าและยิ้มออกมา ”แม่เฒ่าหวัง เหตุการณ์ที่ท่านเล่ามามีประโยชน์กับคดีนี้ยิ่งนัก ตอนนี้พวกข้ารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร”
“ใต้เท้า ท่านห้ามบอกตระกูลจางนะเจ้าคะว่าข้าเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง” แม่เฒ่าหวังรีบบอกในระหว่างที่เฮ่อเหลียนเวยเวยลุกขึ้น ราวกับนางกลัวที่จะทำให้ตระกูลจางขุ่นเคืองจริงๆ
รอยยิ้มของเฮ่อเหลียนเวยเวยเหยียดกว้างขึ้น จากนั้นนางจึงพูดอย่างมีเลศนัยว่า ”วางใจได้ ข้าไม่นำเรื่องนี้ไปบอกตระกูลจางแน่ พวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้”
“ดียิ่งนัก ดีจริงๆ เจ้าค่ะ” แม่เฒ่าหวังดูโล่งใจ นางพยักหน้าแล้วพูดกับบุตรชายว่า ”อาหลิง ข้างนอกมืดแล้ว พาเจ้าหน้าที่สองคนนี้ไปส่งที่ประตูทีสิ”
“ขอรับ” หวังหลิงตอบ แล้วเดินไปหาเฮ่อเหลียนเวยเวย
แต่ทันทีที่เขาเข้ามาใกล้เจ้าหน้าที่ทั้งสอง เขาก็เห็นแสงสว่างวาบขึ้นตรงหน้า แล้วชายท่าทางสองหน้าคนนั้นก็คว้าหมับเข้าที่คอเขา!
หวังหลิงชะงักไป เขามองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสีหน้าเดือดดาล ”ท่านทำอะไรขอรับ?!”
แม่เฒ่าหวังไม่พอใจเล็กน้อยกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันนี้ ”ใต้เท้า ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ทำไมท่านถึงบีบคออาหลิงล่ะเจ้าคะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยกระตุกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม แล้วพูดกับแม่เฒ่าหวังว่า ”แม่เฒ่าหวัง หมดเวลาแสดงละครแล้ว ฝีมือการแสดงของเจ้าจัดว่ายอดเยี่ยม ทั้งยังฉลาดปราดเปรื่องอย่างมาก แต่ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร เจ้าก็มักจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ ถ้าเจ้ายอมปล่อยผู้หญิงที่จับตัวไว้มาแต่โดยดี ลูกชายของเจ้าอาจจะรอดก็ได้”
วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คนร้ายยอมจำนนคืออะไรน่ะหรือ
แน่นอนว่าย่อมเป็นการที่สิ่งสำคัญที่สุดของพวกเขาเหล่านั้นตกมาอยู่ในกำมือนาง
อย่างไรตอนที่นางอยู่ในยุคปัจจุบัน นางก็ไม่ถือว่าเป็นคนดีอะไรอยู่แล้ว
ยิ่งกว่านั้น นี่ก็เป็นยุคโบราณ นางจึงควรเลือกใช้วิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ทันทีที่นางเห็นเศษผ้าสีชมพูบนพื้น นางก็วางแผนการเอาไว้แล้วว่าจะจับตัวหวังหลิงไปเป็นตัวประกัน
บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันทีที่เฮ่อเหลียนเวยเวยพูดจบ!
อากาศหนาวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเย็นยะเยือกจนน่าอึดอัด!
ลมที่พัดเข้ามาจากทางไหนก็ไม่อาจทราบได้พัดเส้นผมของแม่เฒ่าหวังปลิวไสว รอยจ้ำเลือดสีดำคล้ำและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าซีดเผือดราวกับคนตายของนางน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ”ข้าหรืออุตส่าห์มีเมตตากับพวกเจ้า แต่ในเมื่อพวกเจ้าก้าวร้าวถึงเพียงนี้ ข้าก็คงไม่จำเป็นต้องเป็นมิตรกับพวกเจ้าอีกต่อไป ข้าขอเตือนให้เจ้ารีบปล่อยลูกชายข้าจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นมันจะไม่ใช่แค่ผู้หญิงพวกนั้น แต่กระทั่งพวกเจ้า ข้าก็จะไม่ปล่อยไปเหมือนกัน!”
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า พวกมันดูเหมือนจะได้รับผลกระทบต่อปราณแห่งความเคียดแค้นที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น!
สายฟ้าฟาดลงมา ท้องฟ้าเหนือบ้านตระกูลหวังกลายเป็นสีดำสนิทไปทั่วทั้งผืนราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังรวมตัวกันอยู่บนนั้น อีกทั้งที่หัวมุมก็ยังมีหนูฝูงใหญ่วิ่งกันให้วุ่น เสนาบดีประจำกรมขุนนางและเจ้าหน้าที่ที่เห็นภาพนั้นต่างก็รู้สึกหวั่นใจและหวาดกลัวเกินบรรยาย
เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้วเข้าหากัน นางไม่เคยเห็นใครมีปราณแห่งความเคียดแค้นมากถึงเพียงนี้มาก่อน
“ปราณแห่งความเคียดแค้นนี้ไม่ได้มาจากนางคนเดียว” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้านอกหน้าต่าง แล้วเอ่ยอย่างไม่แยแสว่า ”วันนี้ท้องฟ้ามีเมฆมาก ประตูนรกก็เปิดออกกว้าง วิญญาณร้ายที่ทางยมโลกไม่สามารถควบคุมได้จะมารวมตัวกันที่นี่ยามจื่อ ดังนั้นเราต้องหาทางป้องกันไม่ให้พวกมันติดเชื้อ มิฉะนั้นยมโลกอาจจะปิดประตูทุกบานที่เชื่อมกับโลกมนุษย์ล่วงหน้าเพื่อควบคุมต้นตอของการติดเชื้อ และเส้นทางแห่งการเกิดใหม่ก็อาจจะถูกปิดไปด้วย”
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ใช้มีดสีเงินที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อเฉือนไปที่หน้าของหวังหลิง นางมองแม่เฒ่าหวังอย่างใจเย็น ”เอาสิ มาดูกันว่าฝั่งไหนจะเร็วกว่ากัน จะเป็นเจ้าที่เรียกวิญญาณร้ายมา หรือจะเป็นมีดของข้า ครั้งต่อไปมีดเล่มนี้จะเชือดเข้าที่คอเขา อย่างไรชีวิตมนุษย์ก็คงไม่สำคัญในสายตาเจ้าอยู่แล้ว”
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงทำร้ายอาหลิง! ดี! ดีมาก! ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าก็จะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติของการถูกวิญญาณร้ายสิง!” แม่เฒ่าหวังคำราม น้ำเสียงของนางแหลมสูงเสียดหู เล็บสีดำของนางยื่นออกมาข้างหน้า แล้วหมอกสีดำที่อยู่รอบบริเวณนั้นก็รวมตัวเข้าหากัน ก่อนพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวยทันที!
จิตสังหารของแม่เฒ่าหวังรุนแรงขึ้นอย่างมาก แม้กระทั่งหมอกสีดำกลุ่มนั้นก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าปกติถึงสองเท่า
ตอนนี้วิญญาณร้ายต่างเชื่อฟังคำสั่งของแม่เฒ่าหวัง ไม่ว่านางจะสั่งให้พวกมันเข้าสิงใคร พวกมันก็จะเข้าสิงคนคนนั้นและฆ่าคนคนนั้นทันที
ตอนแรกนางไม่อยากทำอะไรเจ้าหน้าที่สองคนนี้
อย่างไรการฆ่าเจ้าหน้าที่ทางการก็ไม่เหมือนกับการฆ่าคนธรรมดา มันมีแต่จะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา
แต่นางไม่สนใจเรื่องนั้นอีกแล้ว นางรู้สึกว่าสองคนนี้อันตรายเกินไป โดยเฉพาะเจ้าคนตัวเล็กที่ฉลาดเสียจนน่ากลัว นอกจากนั้นเขาก็ยังทำร้ายลูกชายของนางอีกด้วย และนั่นเป็นสิ่งที่นางไม่สามารถยกโทษให้ได้!
ไม่มีใครสามารถหนีจากวิญญาณร้ายพวกนี้ได้ หลังจากพวกเขาตาย นางจะให้วิญญาณร้ายพวกนี้ครอบครองร่างของพวกเขา จากนั้นก็ให้พวกเขานำเรื่องทุกอย่างของจางอวี้ไปรายงาน
เมื่อคดีนี้จบลง นางถึงจะสั่งให้วิญญาณพวกนี้ออกจากร่างของพวกเขา
หากใช้วิธีนี้ ก็จะไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้!
ทุกอย่างเป็นความผิดของจางอวี้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลหวังของพวกนางแม้แต่นิดเดียว
บุตรชายของนางเองก็จะได้แต่งงาน และจะได้เป็นจอหงวนโดยที่ชื่อเสียงไม่ต้องด่างพร้อย!
แม่เฒ่าหวังเป็นคนฉลาดก็จริง แต่นางไม่รู้ว่าคนทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้านางไม่ใช่คนธรรมดา!
ระหว่างที่นางกำลังคิดถึงแผนการอันสมบูรณ์แบบและยิ้มกับตัวเองอยู่นั้น วิญญาณร้ายที่มุ่งไปหาทั้งสองก็ทำท่าเหมือนกับกลัวอะไรบางอย่าง พวกมันหยุดเคลื่อนไหวในทันที!
แม่เฒ่าหวังขมวดคิ้ว เกิดอะไรขึ้น
นางใช้ปราณแห่งความเคียดแค้นอีกครั้ง แต่แล้วนางก็ตระหนักได้ว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นยังกลัวจนไม่กล้าออกมา
ในเวลานั้น นางสังเกตเห็นว่าเจ้าหน้าที่คนที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดคนนั้นกลับกำลังกระตุกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ดวงตาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งกลางฤดูหนาวคู่นั้นส่องแสงสีทองออกมาอย่างผิดปกติ!
“เจ้าเป็นใครกันแน่!”