ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 601 พวกมนุษย์มิใช่ตัวดี

ตอนที่ 601 พวกมนุษย์มิใช่ตัวดี

น่าเสียดายที่แม้แต่เรื่องที่ผู้ใดเป็นคนส่งฟ้าผ่าลงมากลางอากาศ พวกเขาก็ยังไม่รู้

ในดินแดนจิ่วโจว มีแต่เพียงยามที่ผู้บำเพ็ญเพียรได้อย่างยอดเยี่ยมบรรลุขั้นกลายเป็นเซียน จึงจะดึงดูดให้เกิดฟ้าผ่า

แต่ก็ไม่มีใครจำได้แล้วว่านานเท่าไหร่แล้วที่ดินแดนแห่งนี้ไม่ได้มีเซียนท่านใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา

อ้อ ครั้งล่าสุดนั่น ก็คือตอนที่ บรรพชนของซ่งชิงอีแห่งวังตันติ่งกงบรรลุเป็นเซียนกระมัง จึงได้ดึงดูดให้เกิดฟ้าผ่า

แต่ว่าฟ้าที่ผ่าลงมาในคราวนั้น ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกับฟ้าผ่าที่ผ่าลงมาในเมืองว่านฮวาเชิงได้เลย

พลังทำลายล้างและคลื่นความรุนแรงแตกต่างกันอย่างลิบลับ

ผู้คนต่างตกอยู่ในความประหวั่นใจ พรั่นพรึง

ราวกับว่าผ่านไปเพียงแค่ค่ำคืนเดียว ดินแดนจิ่วโจวทั้งหมดก็ตกอยู่ในเมฆหมอกชั้นหนึ่ง

ลองคิดดูสิ ขนาดเมืองอย่างว่านฮวาเฉิง ที่เดิมมีเขตอาคมอันแข็งแกร่งปกป้องรักษา ไม่มีทางที่จะถูกทำลายได้ง่ายๆ

แต่ว่าฟ้าที่ผ่าลงมาอย่างไร้หนทางป้องกัน ทำให้ผู้คนทั้งหลายตกอยู่ในความวิตกกังวล ขณะเดียวกันก็หวาดกลัวว่าจะเกิดฟ้าผ่าลงมาเช่นนี้อีกหรือไม่ ในดินแดนจิ่วโจวจะยังมีเมืองใดที่สามารถทนรับฟ้าผ่าที่รุนแรงเช่นนี้ได้กัน?

แถมในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ ทั้งท่านเจ้าสำนักหยินหยางและเจ้าตำหนักตันติ่งกงต่างก็หายสาปสูญจนไร้ร่อยรอยให้ติดตาม

ผู้คนล้วนใจหาย…..

ต่างก็เริ่มคาดเดาเหตุการณ์กันไปต่างๆนานา

บางก็ว่าทั้งสองคนฉากหน้าเป็นมิตรต่อกันแต่ในใจมีความขัดแย้ง จึงต่อสู้กันบนเกาะลอยฟ้า จนตกตายกันหมดสิ้น

แต่ก็ไม่มีศพให้เห็น แม้แต่ซากขี้เถ้าก็ยังไม่มี

บางก็ว่ามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งและมีพลังอันยิ่งใหญ่บุกเข้ามาในดินแดนจิ่วโจว …..ท่านเจ้าสำนักหยินหยางและเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนต่างก็ถูกขุมกำลังนี้สำเร็จโทษไปแล้ว

คนจำนวนมากพากันเชื่อถือในเรื่องนี้

ดังนั้นในใจของพวกเขาจึงยิ่งเกิดความหวาดกลัวมากกว่าเดิม

แม้แต่สำนักหยินหยางและตำหนักซิวหลัวเตี้ยนก็ยังถูกกำจัดได้ เช่นนั้นขุมกำลังนี้จะต้องแข็งแกร่งจนถึงเพียงไหน?

โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวลือจากที่ใดก็ไม่รู้บอกว่า ขุมกำลังนั้น ก็คือบรรพชนที่อยู่เบื้องหลังของวังตันติ่งกง

แดนเซียน!

บรรพชนของซ่งชิงอีมีคนที่ฝึกฝนสำเร็จจนกลายเป็นเซียนวิเศษ เรื่องนี้มิใช่ความลับอันใดในแดนจิ่วโจว!

พอลองคิดดูให้ดีๆ เจ้าสำนักหยินหยางทำลายล้างวังตันติ่งกงจนราบคาบ ซ่งชิงอีก็ตายอย่างน่าอนาถ บรรพชนของนางจะยอมปล่อยปละเขาไปได้หรือ?

ยังมี หลานสาวของเจ้าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนก็ยังเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักหยินหยาง สองฝ่ายที่เดิมทีเป็นเหมือนน้ำกับไฟ แต่กลับหลอมเข้ากันได้เพราะฮ่องเต้หญิงตัวน้อยผู้นั้น

เห็นได้ชัดว่าตำหนักซิวหลัวเตี้ยนจะต้องถูกลูกหลงไปด้วยอย่างแน่นนอน

ยิ่งไปกว่านั้น สายฟ้าที่ผ่ากระหน่ำลงมาทั่วท้องฟ้าแฝงเอาไว้ด้วยพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งเกินใครจะเทียบ มันไม่ใช้พลังในดินแดนจิ่วโจว

ดังนั้นหลังจากใคร่ครวญด้วยเหตุผลกลับไปกลับมาแล้ว ไม่นานทุกคนต่างก็พากันเชื่ออย่าง

สนิทใจ

ทุกวันนี้ผู้คนในในดินแดนจิ่วโจวต่างก็ใช้ชีวิตอย่างผู้เข้มแข็งกลืนกินผู้อ่อนแออยู่แล้ว หากพลาดพลั้งไม่ทันระวังเมื่อไหร่มีหวังต้องกลายเป็นสิ่งของร่วมกลบฝังไปกับซ่งชิงอี

……………..

หุบเขาหมื่นปีศาจ ยามที่ตู๋กูซิงหลันเดินทางมาถึงความมืดก็คล้อยไปทางตะวันตกหมดแล้ว

ตะวันใหม่กลมดั่งผลส้ม แดงจนบาดตา

ท้องฟ้าวันนี้อากาศแจ่มใส สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขาเขียวที่มีหิมะปกคลุมยอดได้แต่ไกล

เพียงแค่ยืนอยู่ที่เชิงเขาของหุบเขาหมื่นปีศาจ ก็รู้สึกได้ถึงไอปีศาจที่แข็งแกร่งแล้ว

หุบเขาหมื่นปีศาจสูงตระหง่านเสียดยอดเมฆา ทิวเขาทอดตัวยาวเหยียด ทั้งงดงามและตระการตา

สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลจากเมืองว่านฮวาเฉิงนับพันลี้ ยังดีที่ก้น**บของฟ่านอิงมีของวิเศษ ที่สามารถส่งคนเดินทางด้วยความรวดเร็วได้ พวกเขาจึงสามารถมาถึงหุบเขาปีศาจได้ในช่วงเวลาอันสั้น

เพียงแต่ว่าหุบเขาปีศาจมีเขตอาคม ไม่อาจล่วงล้ำได้ง่ายๆ ดึงนั้นจึงส่งมาถึงแค่เชิงเขาเท่านั้น

สีหน้าของท่านเจ้าสำนักไม่ค่อยดี เขายืนอยู่ข้างกายตู๋กูซิงหลัน มองดูหุบเขาหมื่นปีศาจ

ทั่วทั้งหุบเขามีแต่กลิ่นของปีศาจจิ้งจอกที่เขาไม่ชอบเท่าไหร่

แต่เพราะว่าพี่ชายของศิษย์น้อยอยู่ที่นี่ จึงได้แต่ต้องจำใจเข้าไป

ตู๋กูซิงหลันหยุดอยู่ที่เชิงเขาครู่หนึ่ง ก็เอ่ยว่า “ขึ้นไปกันเถอะ”

ตอนนี้นางกำลังเป็นห่วงร่างกายของพี่รอง ถึงแม้ว่าเขาจะมีสายเลือดของเผ่ามังกรทมิฬอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ว่าพิษนั่นก็มาจากแดนสวรรค์ กลัวว่าเขาจะต้านทานไม่ไหว

ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป ก็เห็นว่ามีอะไรกลมๆเหมือนลูกบอลขนฟูๆกระเด้งดุ๋งๆออกมาจากในเขาด้วยความรวดเร็ว

ลูกบอลกลมๆนั่นยังไม่ทันได้เข้ามาใกล้พวกนาง พวกมันก็เปลี่ยนร่างกายเป็นร่างมนุษย์

จากนั้นฝูงจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ที่มีหูยาวและหางเป็นพวงก็พุ่งมาหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าพวกนาง

ทั้งหมดรั้งอยู่ในเขตอาคมป้องกัน รักษาระยะห่างจากพวกนางช่วงหนึ่ง

แต่ละตัวจับจ้องมองมาด้วยความหวาดระแวงอย่างเต็มที่

นี่เป็นครั้งแรกที่ตู๋กูซิงหลันได้เห็นลูกบอลมีขนกลายร่าง…..ถึงแม้ว่าจะได้เห็นปีศาจมามาก แต่ว่านี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพวกมันกลายร่างกับตา

ดูไปแล้วแปลกประหลาดไม่น้อย ดวงตาดอกท้อต้องเบิกกว้างขึ้นมา

ในมือของปีศาจน้อยเหล่านี้ยังมีหอกและอาวุธต่างๆ พอกวาดตามองดูร่างของพวกมันรอบหนึ่ง พวกมันก็พากันพองขนขึ้นมา

“พวกเจ้าเป็นเผ่ามนุษย์?”

ตัวจ่าฝูงเป็นจิ้งจอกสีขาวตัวหนึ่ง หลังจากแปลงร่างเป็นมนุษย์ ตลอดร่างก็สวมใส่ชุดฟูๆสีขาวสะอาด หางใหญ่เป็นพวงแกว่งไปมาอยู่ด้านหลัง

ถึงแม้ว่าสีหน้าจะดูสงบนิ่ง แต่ว่าหางขนาดใหญ่ของมันกลับเคลื่อนไหวไปมาไม่มีหยุด

ทั่วทั้งหุบเขาหมื่นปีศาจต่างก็รู้กันดีว่าพวกมนุษย์นั้นมิใช่ตัวดีอะไร

โหดเ**้ยม เห็นแก่ตน กระหายเลือดและบ้าอำนาจ

ที่สำคัญพวกมันกินทุกอย่าง!

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว บนหุบเขาหมื่นปีศาจ บรรดาปีศาจน้อยที่ยังไม่สามารถแปลงร่างได้ มักถูกพวกมนุษย์บุกเข้ามาอยู่เรื่อยๆ จับตัวเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกมันไปไม่น้อย

พวกปีศาจหมีถูกจับไปตัดอุ้งมืออุ้งเท้า กรีดถุงน้ำดีออกมากินทั้งเป็น

พวกจิ้งจอกและตัวมิงค์ก็ถูกจับไปถลกหนังทั้งเป็น ทำเป็นผ้าพันคอผ้าคลุมขนมิงค์ หนังจิ้งจอก

ทุกตนต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิตในหกภพภูมิ ต่างก็มีสิทธิจะมีชีวิตอยู่ในโลกเหมือนกัน เผ่ามนุษย์กินเนื้อ บรรพชนของพวกมันรู้จักเลี้ยงดูไก่เป็ดปลาเอาไว้กินมานานนับพันนับหมื่นปีแล้ว แต่พวกมันก็ยังออกล่า ลงมือกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆอย่างโหดร้าย

สิ่งมีชีวิตที่ไร้ความผิดมากมายเท่าไรที่ต้องตายไปภายใต้ความโลภโมโทสันอันไร้ที่สิ้นสุดของพวกมนุษย์

อย่าได้เห็นว่าตอนนี้พวกปีศาจและพวกมนุษย์จะแยกกันอยู่อย่าสงบ

ที่จริงแล้วยังมีพวกปีศาจจำนวนไม่น้อยถูกพวกมนุษย์จับตัวไป กระทำการชั่วช้า เพื่อรีดเค้นเอาพลังวิญญาณของพวกมัน

บนหุบเขาหมื่นปีศาจ ปีศาจทั้งหลายต่างก็เกลียดชังพวกมนุษย์

อ้อ นอกเสียจากองค์ชายน้อย ที่พึ่งจะกลับมา หลังจากไปเกิดในครรภ์มนุษย์มาครั้งหนึ่ง

ในสายตาของประชากรเผ่าปีศาจทั้งหลาย องค์ชายน้อยคือตัวประหลาด

ดังนั้นทันทีที่พวกมันได้เห็นกลุ่มของตู๋กูซิงหลัน ทั้งยังเห็นว่าพวกนางมีไอหยินเข้มข้น ในใจของพวกมันก็เกิดความคิดต่อต้านอย่างรุนแรงขึ้นแล้ว

โดยเฉพาะบุรุษสองคนนั้น ทั่วทั้งร่างมีแต่หมอกสีดำปกคลุม ทั้งยังมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง

แค่ดูก็รู้ว่ามิใช่ตัวดีอะไร!

ดังนั้นไม่อาจปล่อยให้พวกมันก้าวเท้าเข้ามาในหุบเขาหมื่นปีศาจได้แม้แต่ก้าวเดียว!

ตู๋กูซิงหลันมองดูจิ้งจอกน้อยที่เป็นหัวหน้าตัวนั้น ก็รู้สึกว่ามันดูน่ารักมาก นางคิดจะลูบไล้มันดู จนอดที่จะขยับเข้าไปหาไม่ได้

แต่พอเห็นสายตาของนาง อีกฝ่ายถึงกับทำตัวแข็งทื่อแทบจะพองขนขึ้นมาทั้งตัวแล้ว

ดังนั้น ตู๋กูซิงหลันจึงได้แต่เก็บสายตากลับไป

“ข้ามาตามหาซูเยา”

นางพูดต่อไป “เมื่อวันก่อน เขาน่าจะนำตัวบุรุษรูปงามผู้หนึ่งกลับมา”

“เผ่ามนุษย์มีอะไรงดงามกัน ล้วนเป็นตัวอัปลักษณ์!” ปีศาจจิ้งจอกน้อยแยกเขี้ยวยิงฟันเชิงข่มขู่

ท่านเจ้าสำนักเห็นแล้วชักจะไม่พอใจ ดวงตาหงส์ของเขาจับจ้องไปยังเจ้าจิ้งจอกน้อย “เจ้าว่าใครไม่งดงาม?”

จิ้งจอกน้อย “……”

อยู่ๆมันก็รู้สึกเหมือนถูกบุรุษผู้นั้นข่มขู่ขึ้นมาจนเหงื่อเย็นๆหลั่งทั่วตัว

…………………………

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท