ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 596 ฝีมือที่ได้รับถ่ายทอดจากบรรพชนมีอยู่มากมาย

ตอนที่ 596 ฝีมือที่ได้รับถ่ายทอดจากบรรพชนมีอยู่มากมาย

เยี่ยเฉินรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ปากของสตรีผู้นี้ร้ายกาจ เรื่องต่อปากต่อคำกับนางไม่มีทางที่เขาจะเป็นคู่มือได้อยู่แล้ว

แต่แม้ว่าจะเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว ก็ยังคงถูกยั่วยุจนกรุ่นโกรธอยู่ดี ในลำคอหวานวูบ กระอักเลือดสดออกมาในปากคำหนึ่ง

แต่เขาก็กลืนกลับลงไป

หากคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ที่จริงเขาก็ไม่ได้ล่วงเกินนางในที่ใดนี่นา

อย่างมากก็เพียงแค่เห็นความงามบังเกิดกิเลส คิดจะจับนางมาเป็นสนมเท่านั้น แค่นี่ก็ต้องลงมือกลับถึงขนาดนี้ด้วยหรือ?

ทำไมสตรีผู้นี้ถึงได้โหดเ**้ยมจนถึงขนาดต้องคิดฆ่าเขาด้วยเล่า?

ไม่เพียงแต่จะฆ่าเขา แต่ยังเหยียดหยามเขาถึงเพียงนี้!

ทรวงอกของเยี่ยเฉินกระเพื่อมขึ้นลง เขาคิดอยากจะชกสักหมัด แต่ว่าน่าเสียดาย เมื่อถูกยันต์กระหนาบภูผาของตู๋กูซิงหลันสะกดเอาไว้ ย่อมไม่อาจขยับร่างกายได้แม้แต่น้อย

เอ็นร้อยหวายทั้งหมดขาดสะบั้น เจ็บปวดสุดพรรณนา

กริชของนางแทงลงมาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะแทงลงไปในปากแผลเดิม แต่กว้านลงไปเป็นบริเวณกว้าง และแม้แต่เอ็นร้อยหวายอีกข้างก็ยังขาดไปด้วย

“อืม ต่อไปก็ข้อมือล่ะนะ” ตู๋กูซิงหลันอมยิ้มออกมา ควงกริชในมือ

กริชเล่มนี้หลอมตีขึ้นจากทองคำดำ ระหว่างจัดสร้างต้องสิ้นเปลืองหินวิญญาณไปจำนวนไม่น้อย ไม่มีทางที่จะบิ่นหรือหักโดยง่าย

ต่อให้เป็นเยี่ยเฉินที่มีร่างกายแข็งแกร่งกำยำ แทงลงไปก็ไม่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย

บนตัวกริชยังคงมีเลือดอุ่นๆหยดอยู่ตลอดเวลา นางก็ไม่เสียเวลาแม้แต่จะเช็ด แทงกริชอาบเลือดเล่มนั้นลงไปบนหลังมือของเยี่ยเฉิน ทั้งๆที่มีเลือดอย่างนั้นเลย

เขาทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างอดทนไม่ไหวอีกต่อไป

ดวงตาของตู๋กูซิงหลันเป็นประกายระยิบระยับ นางยิ้มอย่างเ**้ยมโหด

“พูดออกไปเจ้าก็คงจะไม่เชื่อ บรรพบุรุษของบ้านข้าเคยเป็นคนฆ่าหมูมาก่อน” ตู๋กูซิงหลันใช้สันกริชเคาะลงไปบนมือของเยี่ยเฉินเบาๆ เอ่ยอย่างอ้อยอิ่งว่า “วิธีการเฉือนข้อมือเนี่ย ข้าเคยเรียนมาเรียบร้อย”

“วิธีการเฉือนมือนะ ตอนแรกก็ต้องกรีดตรงข้อมือให้เป็นแผลก่อนครั้งหนึ่ง…..” ตู๋กูซิงหลันพูดพลาง ก็จับข้อมือของเยี่ยเฉินมากรีดอย่างไม่มีเกรงอกเกรงใจมีดหนึ่ง

ยามที่แยกหนังออกมาจากเนื้อ ก็ไม่มีอืดอาดยืดยาดเลยสักนิด

“แล้วทีนี้นะ ก็ปล่อยให้เลือดไหล โดยการตัดเส้นเลือดให้ขาด อีกประเดี๋ยวตอนเลาะเอ็นข้อมืออกมา ก็จะยิ่งสนุกสนาน…”

ตู๋กูซิงหลันเป็นพวกชอบปฏิบัติ ทุกครั้งที่พูดออกมาจบคำ ก็จะลงมือทันที

กริชในมือของนางหมุนคว้าง ตัดเอ็นข้อมือของเขาขาดสะบั้น

พอสิ้นเสียงฉับเลือดสดๆก็ทะลักออกมา

คราวนี้สีหน้าของเยี่ยเฉินถึงกับซีดขาวอย่างที่สุด เขากัดฟัดแน่น เกือบจะกรีดร้องออกมา

นังเดรัจฉานนี้มันไม่เพียงแต่โหดเ**้ยม หนำซ้ำยังรู้จักวิธีทรมานผู้คนเป็นอย่างดี!

เขาไม่ยอมส่งเสียงครวญคราง แต่พยายามจะปลุกพลังวิญญาณขึ้นมา คิดจะทะลวงยันต์กระหนาบภูผาของนาง

ตู๋กูซิงหลันทำเป็นว่ามิได้สนใจแม้แต่น้อย นางพูดอย่างช้าๆต่อไปว่า “บรรพชนของบ้านข้า นอกจากเป็นคนฆ่าหมูแล้ว ยังมีฝีมืออื่นๆอีก รู้จักวิธีทรมานคนแบบต่างๆ อีกสักครู่ยังมีแบบอื่นๆที่เยี่ยมกว่ามาปรนนิบัติ หากไม่อยากรับความลำบาก สิ่งที่ข้าถามออกไป ก็จงตอบมาตามตรง”

เยี่ยเฉินกัดฟันมองดูนาง ถึงร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งมาก แม้ว่าจะถูกทรมานเช่นนี้ไปรอบหนึ่ง แต่ก็ไม่ถือว่าบาดเจ็บหนักหนาอะไร

ขอเพียงจิตวิญญาณมังกรยังไม่ดับสูญ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะรอดไปไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเขาเคยผ่านการฝึกฝนการรักษาด้วยคาถาอาคมที่แข็งแกร่งมาก่อน

บาดแผลที่ตู๋กูซิงหลันทำร้ายเขา พอผ่านไปเพียงครู่เดียว บาดแผลของเขาก็จะปิดเข้าหากันจนสนิท ต่อให้ตัดมือตัดเท้าทิ้งไปก็ยังเป็นเช่นเดียวกันอยู่ดี

“หืม ถลึงตาใส่ข้ารึ? ถ้าเช่นนั้นเดี๋ยวพอตัดมือเสร็จแล้วก็ควักลูกตาออกมาก็แล้วกัน” ตู๋กูซิงหลันทำสีหน้าเย็นชา เดิมทีก็เป็นคนที่มีบุคลิกขัดแย้งในตนเองอย่างที่สุดอยู่แล้ว

ยามเกลียดชังก็เกลียดอย่างที่สุด ยามมีเมตตาก็เมตตาอย่างที่สุดเช่นกัน

ว่าแล้ว กริชในมือก็แทงลงไปในข้อมือของเขาอีกครั้ง พอออกแรงเล็กน้อย เยี่ยเฉินก็สามารถได้ยินเสียงมีดที่แยกกระดูกกับเนื้อออกจากกัน

แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ความเจ็บปวดในยามนี้ยังรุนแรงกว่าเมื่อครู่นี้มากมายหลายเท่า

พอเห็นว่ามือครึ่งหนึ่งกำลังขาดออกจากข้อมือ ในที่สุดเยี่ยเฉินก็ยอมเปิดปาก “เจ้ามิใช่บอกว่า แค่จะเลาะเอ็นมือเอ็นเท้าหรอกหรือ?”

ตู๋กูซิงหลัน “หูข้างไหนของเจ้าที่ได้ยินข้าพูดเช่นนั้นกัน ข้ามิได้บอกอยู่ตลอดว่าจะตัดมือของเจ้าต่างหากหรือ?”

เยี่ยเฉินเจ็บปวดจนเหงื่อออกทั่วศีรษะ เขาเกือบจะลืมไปแล้ว ว่าจะไปถกเหตุผลกับนังเดรัจฉานนี่ได้อย่างไรกัน

ไม่ไกลออกไป ฟ่านอิงได้เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตา

ก่อนค่ำคืนนี้ เขาเข้าใจไปว่าสาวน้อยผู้นี้บริสุทธิ์สดใสน่ารักไร้เดียงสา แต่ว่าตอนนี้เมื่อได้เห็นฝีมือของนางที่ทั้งโหดเ**้ยมและน่าสยดสยอง เขาจึงพึ่งจะได้รู้ว่า ที่แท้นี่ต่างหากที่เป็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนาง

เด็กสาวตัวน้อยร้ายอย่างยิ่ง ทั้งร้ายกาจทั้งเ**้ยมโหด

มิน่าเล่า…ตัวหมากที่ตอนนั้นเขาส่งไปยังต้าโจว ถึงได้ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น

มีตัวฉกาจที่มีแผนร้ายอยู่เต็มกระเพาะเช่นนี้ ต่อให้เป็นฉางซุนซิ่ว ก็ต้องได้แต่รอถูกเชือดสถานเดียว

ท่านเจ้าสำนักขยับเข้าไปใกล้ต้นไห่ถางต้นหนึ่งพลางทรุดตัวลงนั่ง เขาปิดตาลง คำพูดทั้งหมดของศิษย์น้อยไหลเข้ามาในหู

แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ชอบใช้วิธีการโหดเ**้ยม เหมือนอย่างวิธีการของซ่งชิงอี

แต่ว่าพอศิษย์น้อยขอตนเองลงมืออย่างเ**้ยมโหด เขากลับรู้สึกว่า น่ารักน่าเอ็นดูอะไรเช่นนี้

หากว่าการทรมานผู้คนเป็นงานอดิเรกที่นางชื่นชอบ เช่นนั้นต่อไปเวลาพบกับพวกชั่วช้า ก็จับมันมาให้ศิษย์น้อยทรมานเล่นก็ดีเลย

จะตัดมือตัดเท้าก็ว่าไป ขอเพียงนางชอบ ต่อให้ตัดหัวพวกมันก็ย่อมได้

สมองของท่านเจ้าสำนักปวดร้าวจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่วายคิดหาอะไรมาสร้างความพอใจกับศิษย์น้อย

มิว่าจะมีเรื่องใดเกิดขึ้น ขอเพียงมีศิษย์น้อยอยู่ตรงนี้ ทั้งหมดล้วนไม่สำคัญ

อีกด้านหนึ่ง ตู๋กูซิงหลันก็ไม่ปล่อยให้เยี่ยเฉินได้มีโอกาสพักหายใจแม้แต่น้อย

“ยังไม่ยอมสารภาพอีก มือข้างนี้ไม่ต้องการแล้วใช่ไหม” นางยกมือขึ้นมาปักกริชลงไปอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว มือขวาของเยี่ยเฉินก็ขาดสะบั้นออกมา

เฉือนออกไปทั้งกระดูก! หล่นลงไปอยู่ตรงหน้าเขา

“ต่อให้ความสามารถในการรักษาตัวของเจ้าสูงส่งเพียงไร ยังจะสามารถงอกมือขึ้นมาใหม่อีกข้างหนึ่งได้หรือ?”

นางยิ้มอย่างเย็นชา แทงกริชลงไปในข้อมือซ้ายของเขา

เยี่ยเฉินทนไม่ไหวอีกต่อไป เจ็บปวดจนต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

กริชเล่มนี้เย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง แทบจะทำให้เลือดในกายของเขาจับตัวเป็นก้อนหมดแล้ว

พอมองเห็นรอมยิ้มที่โหดเ**้ยมของตู๋กูซิงหลัน ในที่สุดในใจก็ต้องเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา

“แดนสวรรค์…. มารดาของข้าคือเทพธิดาบนสวรรค์ หลังเกิดเรื่องที่ทะเลไร้ก้นบึ้ง เผ่ามังกรทมิฬก็พังพินาศ ข้าย่อมต้องกลับไปยังแดนสวรรค์”

“อ้อ?”

ตู๋กูซิงหลันกำลังรอฟังคำถัดไปจากเขาอยู่

ฐานะของหวาชางสุย บิดาคนงามได้บอกนางเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

ลูกหลานของผู้กระทำผิดบนสรวงสวรรค์….

ทั่วทั้งเผ่ามังกรทมิฬล้วนถูกแดนสวรรค์กักขังเอาไว้ทั้งหมด ทั้งๆที่เยี่ยเฉินที่มีฐานะของทั้งสองฝ่าย แต่คนของแดนสวรรค์ก็ยังรับตัวเขาเอาไว้…..

ผู้ที่รับตัวเอาไว้จะต้องมีฐานะยิ่งใหญ่เหลือประมาณ

เพราะว่าก่อนหน้านี้ ผู้ที่ครอบครัวของหวาชางสุยล่วงเกินก็คือ เง็กเซียนฮ่องเต้

พออยู่ๆเยี่ยเฉินก็ร้องโพล่งออกมาเช่นนี้ ในใจของตู๋กูซิงหลันก็คาดเดาได้หลายส่วนในทันที

“วันนี้เจ้ากล้าทำร้ายข้า ใต้เท้าผู้นั้นจะต้องไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน”

รอคอยมาตั้งเนิ่นนาน ตู๋กูซิงหลันก็กำลังรอประโยคนี้อยู่พอดี

อีกนิดเดียวนางก็จะกระทืบเยี่ยเฉินจนถึงตายไปแล้ว

“หากเจ้ายังพูดจาไร้สาระ ข้าไม่เพียงแต่จะทำร้ายเจ้า แต่ว่า….”

ตู๋กูซิงหลันสะบัดกริช ตัดมือซ้ายของเขาออกมา “ฆ่าเจ้าซะ”

น้ำเสียงที่เอ่ยสามคำนั้นเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาสุดหยั่ง ยังเย็นเฉียบยิ่งกว่ากริชในมือของนางเสียอีก

“เทพสงครามซือเป่ย!” อาจเป็นเพราะหวาดกลัวในไอสังหารของนาง ในที่สุดเยี่ยเฉินก็ทนไม่ไหวจนกระทั่งโพล่งชื่อนั้นออกมา

มือของตู๋กูซิงหลันกำกริชเล่มนั้นเอาไว้อย่างแนบแน่น

ซือเป่ย……

แววตาของฟ่านอิงเองก็เปลี่ยนไปในทันที

…………………………..

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท