ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 123 ศาลเจ้าหมีเอ้อ

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 123 ศาลเจ้าหมีเอ้อ

ภาพนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก

แต่สำหรับสวี่ชิงและจางซานแล้ว พวกเขาล้วนเคยเห็นเรื่องประเภทนี้มาก่อน กระทั่งว่าเทียบกับเรื่องที่นายกองทำแล้ว ศัตรูที่มองไม่เห็นข้างนอกพวกนี้เหมือนจะไม่นับเป็นอะไรเลย

นับตั้งแต่เล็กจนโตคนที่สวี่ชิงเลื่อมใสนับถือมีไม่มาก มีอาจารย์สอนหนังสือที่ถ้ำยาจก หัวหน้าเหลยจากฐานที่มั่น ปรมาจารย์ไป่ที่สอนเรื่องสมุนไพรให้เขา คนเหล่านี้ล้วนทำให้เคารพเลื่อมใสนับถือจากใจ

และวันนี้…ก็เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง

เพียงแต่สิ่งที่สวี่ชิงเลื่อมใสนับถือนายกองคือความบ้าคลั่งที่เอาชีวิตไปเล่นแบบนั้นของอีกฝ่าย

กล้าเสี่ยงชีวิตไปแย่งชิงเนื้อจวีอิงในทะเลลึกตอนเวลาแบบนี้ เรื่องแบบนี้…มีเพียงคนที่บ้าคลั่งทั้งร่างกายและจิตใจเท่านั้นถึงจะทำได้ ส่วนตัวตนและพลังบำเพ็ญที่แท้จริงของนายกอง สวี่ชิงไม่อยากไปเดาแล้ว ไม่มีความหมายอะไร

“หวังว่านายกองจะสำเร็จ” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา

นายกองให้ลูกกลอนสร้างฐานเขาแลกกับเขาเฝ้าที่นี่หนึ่งก้านธูป เช่นนั้นเขาก็จะรักษาสัญญา ตอนนี้ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งไปที่ประตูศาลเจ้าทันที

หลังจากประชิดเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้ว สวี่ชิงก็กวาดตามองพื้นที่กว้างขวางข้างนอก มือขวาพลันยกขึ้นแล้วซัดออกไปทันที ทันใดนั้นผงพิษจำนวนมหาศาลก็ฟุ้งขึ้นผสานไปในน้ำทะเล แผ่กระจายไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

ผงพิษครั้งนี้ไม่ได้ไร้สี แต่เป็นสีต่างๆ นานา มีสีดำ สีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว หลังจากที่ผสมกันแล้วก็เป็นสีสันพร่างพราย ความเป็นพิษในนั้นเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลทันที

โลกภายนอกที่แต่เดิมกว้างขวาง เวลาเพียงเสี้ยวพริบตาก็มีเสียงที่แสบหูยิ่งกว่าเดิมดังมา และยิ่งมีระลอกคลื่นรุนแรงบิดม้วนอยู่ข้างนอก

จากนั้นรยางค์เนื้อชุ่มโชกขนาดต้นขาเส้นหนึ่งก็พลันพุ่งมาจากที่กว้างโล่งข้างหน้าสวี่ชิง ฟาดมาหาเขาทางนี้

มันรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ทุกที่ที่พาดผ่านเกิดเป็นระลอกคลื่นน้ำ อีกทั้งยังไม่ใช่แค่เส้นเดียว ตอนนี้ที่อื่นๆ ก็มีรยางค์เช่นนี้ทยอยปรากฏออกมามีมากถึงหลายสิบเส้นเลยทีเดียว ต่างพุ่งมาทางสวี่ชิง

ประกายเย็นเยือกลอยอวลในดวงตาสวี่ชิง ร่างหลังจากหลบรยางค์ที่พุ่งมาข้างหน้าเขาอย่างรวดเร็วเส้นแรกได้ กริชในมือขวาก็พลันสะบัดไปตัดรยางค์เส้นนั้นออกเป็นสองท่อนร่วงทันที

จากนั้นก็ก้าวออกไปสู้กับกับรยางค์ที่พุ่งมาเหล่านั้น

เพียงเสี้ยวพริบตา เลือดเนื้อก็สาดกระจาย และความโหดเหี้ยมของสวี่ชิงก็ปรากฏออกมาให้เห็นในเสี้ยวพริบตานี้เอง เนื่องจากรยางค์พวกนั้นมีมากมายเหลือเกิน กริชของสวี่ชิงถูกรัดเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงทิ้งกริช แล้วคว้ารยางค์ที่อยู่ข้างหน้าก่อนจะกระชากอย่างเต็มแรง

พื้นดินระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวเป็นหลุมลึกทันที สัตว์ร้ายหน้าตาเหมือนลูกอ๊อดตัวหนึ่งถูกสวี่ชิงลากออกมา ในขณะที่มันขยับเคลื่อนไหว หัวที่อยู่ด้านปลายสุดก็อ้าปากมหึมาเหี้ยมเกรียม แล้วบิดตัวมากัดสวี่ชิง

สวี่ชิงสีหน้าสงบนิ่ง เงาป๋าข้างหลังปรากฏออกมาชกไปยังสัตว์ร้ายหัวโตที่ประชิดเข้ามาตัวนั้นอย่างเต็มแรงทันที

เสียงระเบิดดังขึ้น ระลอกคลื่นน้ำทะเลเหมือนระเบิด สัตว์ร้ายตัวนั้นแหลกเละไปในทันใด

ยังไม่จบ สวี่ชิงร่างพุ่งไปยังรยางค์อีกเส้นหนึ่ง กระชากอีกครั้ง แล้วชกออกไปอีกที

ภาพนี้ทำให้จางซานที่อยู่ในศาลเจ้าสูดลมหายใจอย่างอดไม่ได้

“ถึงจะบ้าคลั่งสู้นายกองไม่ได้ แค่สวี่ชิงก็โหดจัดเหมือนกัน…” จางซานพึมพำ เขาเองก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ สองมือประสานปางมือ ทันใดนั้น เส้นบางละเอียดรอบกายเขาเหล่านั้นก็พลันพุ่งออกไปข้างนอกศาลเจ้าอย่างรวดเร็ว

ฆ่าศัตรูเหมือนกัน

ตอนนี้กลไกข้างนอกระเบิดถี่ขึ้น ในขณะที่บริเวณที่จางซานฝังกลไกเอาไว้แต่ละแห่งทยอยระเบิด เงาร่างหนึ่งก็ถูกย้อมจนค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ร่างปรากฏออกมาอย่างช่วยไม่ได้ภายใต้พิษของสวี่ชิงแต่ละสาย

นั่นเป็นเผ่าเงือกคนหนึ่ง

เพียงแต่เขาไม่เหมือนเผ่าเงือกคนอื่นๆ เหมือนในตัวจะมีความสามารถในการอำพรางระดับหนึ่ง อีกทั้งยังดุดันยิ่งกว่า ตอนนี้หลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นแม้แต่ละคนจะกระอักเลือด เนื้อตัวมีร่องรอยถูกพิษ แต่กลับไม่ถอย กลับพุ่งตรงมาที่ทางเข้าศาลเจ้าทันที

เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่สวี่ชิง แต่เป็น…ชิ้นเนื้อรูปสลักในศาลเจ้า

เหมือนว่าการปรากฏขึ้นของเนื้อชิ้นนี้จะสร้างระลอกคลื่นบางอย่าง ทำให้พวกเขาบ้าคลั่ง จะเข้ามาขัดขวาง

แต่ในเสี้ยวพริบตาที่ผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกเหล่านี้เข้าใกล้ทางเข้าศาลเจ้า เสียงระเบิดที่นี่ก็พลันปะทุขึ้น

ที่ทางเข้า กลไกมากมายที่จางซานฝังเอาไว้ สวี่ชิงผ่านไปไม่เป็นไร แต่พอเผ่าเงือกพวกนี้เข้าไปใกล้พื้นดินก็ระเบิดทันที

การโจมตีรุนแรงบ้าคลั่งพัดกวาด ทำให้ในขณะเดียวกับที่เผ่าเงือกพวกนั้นถอยหลัง สวี่ชิงที่กำลังสู้กับรยางค์นั่นก็พลันหน้าเปลี่ยนสี

เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นบนพื้นและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตรายกลุ่มหนึ่งที่ตอนนี้กำลังเข้าใกล้ไปทางศาลเจ้าจากใต้ดินอย่างรวดเร็ว

“ศิษย์พี่จางซาน แบกรูปสลักนั่นออกมา!” สวี่ชิงคำรามทันที

จางซานตอบสนองไวมาก ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น หันไปแบกรูปสลักก้อนเนื้อชุ่มเลือด สีหน้าฉายแววดุดันออกมา แล้วพลันพุ่งออกไปนอกศาลเจ้า มือขวาโบกสะบัด เส้นไหมรอบกายก็หมุนวนคมกริบขึ้นมา

และในพริบตาที่เขาพุ่งตัวออกมาจากศาลเจ้า ศาลเจ้าทั้งหลังก็ถล่มลงมาทันที มือเน่าเปื่อยข้างหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากใต้ดิน แม้จะคว้าได้เพียงความว่างเปล่า แต่จากการที่มันตบลงบนพื้น จากการที่มันใช้แรงยันพื้น เงาร่างขนาดร้อยจั้งก็คืบคลานออกมา

พิษศพเข้มข้นตลบอวลมาทันที

เงาร่างนี้คือศพนั่นเอง อีกทั้งไม่ใช่แค่ศพเดียวเท่านั้น แต่เป็นศพจำนวนมหาศาลที่หลอมผสานซึ่งกันและกัน ตอนนี้ในขณะที่เหี้ยมเกรียมดุดัน มือทั้งสองและเท้าทั้งสองก็กระแทกลงมาที่พื้น พุ่งชนมาหาจางซานปานสัตว์ป่า

จางซานหน้าเปลี่ยนสี โยนรูปสลักเทพที่แบกอยู่ไปหาสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

สวี่ชิงเพียงกระโดดก็รับรูปสลักก้อนเนื้อเอาไว้ด้วยมือเดียว ในขณะที่ร่างถอยหลังไป มือซ้ายก็ถือกริชกรีดไปยังพื้นที่กว้างโล่งข้างกายทันที ทันใดนั้น บริเวณนั้นมีเลือดสดๆ พุ่งสาด หัวหนึ่งที่แอบซ่อนอำพรางอยู่ก็หลุดร่วงลงมา

ในขณะเดียวกัน ศพยักษ์ที่ไกลๆ ก็เปลี่ยนทิศ คำรามพุ่งมาหาเขาแทน

สวี่ชิงหรี่ตา ความเร็วพลันปะทุขึ้น พุ่งตัวไปทางที่ไกลอย่างเร็วรี่ ขณะเดียวกัน จางซานก็เหมือนได้อาศัยแรงของเขา ร่างถูกกระชาก ก็เข้ามาใกล้สวี่ชิง

สวี่ชิงไม่แปลกใจ ตอนที่เขารับรูปสลักก้อนเนื้อก็สัมผัสได้แล้วว่าบนนั้นมีเส้นไหมเส้นหนึ่ง นั่นเป็นไหมที่จางซานมัดเอาไว้

“เจ้าสิ่งนี้คืออะไรถึงทำให้นายกองไปยังทะเลลึกได้ อีกทั้งเพิ่งปรากฏขึ้นก็ทำให้เผ่าเงือกและสิงซากสมุทรบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้” จางซานใกล้เข้ามา สีหน้าตื่นกลัว

สวี่ชิงไม่ได้ตอบ แต่เขาจำคำพูดของนายกองได้ เฝ้าหนึ่งก้านธูป ดังนั้นจึงโยนรูปสลักก้อนเนื้อไปให้จางซาน

“ศิษย์พี่จางซาน ท่านเฝ้าที่นี่เอาไว้” พูดจบ จิตสังหารก็ปะทุขึ้นในดวงตาสวี่ชิง มือซ้ายถือกริช มือขวาถือเหล็กแหลมสีดำ เงาป๋าข้างหลังคำราม แล้วพลันพุ่งไปหาศพยักษ์ที่ประชิดเข้ามา

เร็วอย่างยิ่งยวด เข้าใกล้ในเสี้ยวพริบตา เสียงระเบิดลั่นฟ้าดินดังขึ้น เงาป๋าของสวี่ชิงชกออกไปหมัดแล้วหมัดเล่าไม่ขาดสาย พิษของเขาในตอนนี้ก็โปรยออกไปเป็นบริเวณกว้าง

ทุกที่ที่พาดผ่าน เงาร่างแต่ละร่างๆ แปรเปลี่ยน ส่งเสียงร้องน่าอนาถโหยหวนแล้วล้มลง ส่วนยักษ์สิงซากสมุทรขนาดมหึมานั่น ตอนนี้ก็ถอยไปติดๆ จากการระเบิดโจมตีของสวี่ชิง

สุดท้าย หยดน้ำมหาศาลก็พลันเกิดเป็นพันธนาการภายใต้การควบคุมของสวี่ชิง ในเสี้ยวพริบตาที่มัดยักษ์สิงซากสมุทรเอาไว้ ในตาสวี่ชิงก็ฉายประกายเย็นเยียบ เพียงสะบัดมือเรือเวทของเขาก็ปรากฏออกมา หอกแหลมคุณสมบัติเทพเพียงโจมตี ก็ระเบิดขึ้นทันใด

ลำแสงสีทองทางหนึ่งเหมือนชำระล้างทุกสรรพสิ่ง แหวกน้ำทะเล พุ่งไปยังยักษ์สิงซากสมุทรศพนี้

ศพสั่นสะท้าน ท่ามกลางเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว ร่างแยกเป็นชิ้น แหลกสลายโดยสมบูรณ์

สวี่ชิงไม่อยากสิ้นเปลืองคุณสมบัติเทพ หลังจากที่เก็บเรือเวทลงไปอย่างรวดเร็วแล้ว สะบัดหน้า จิตสังหารในดวงตาก็ฉายวูบ ก่อนจะพุ่งไปยังเผ่าเงือกคนอื่นๆ อย่างว่องไว

กริชตวัดฉวัดเฉวียน เลือดสาดกระเซ็น เหล็กแหลมดำยิ่งหมุนรอบพวกเขาอย่างรวดเร็ว แทงทะลุเผ่าเงือกไปทีละคน แม้บรรพจารย์สำนักวัชระที่อยู่ในนั้นจะยังถูกสะกดอยู่ในห้วงนิทราลึก ไม่ได้ได้ถูกสวี่ชิงปลุกขึ้นมา แต่เหล็กแหลมหลังจากที่มีวิญญาณอาวุธแล้ว ตัวมันก็เปลี่ยนไปไม่ธรรมดา พลังสังหารทำลายล้างรุนแรง

จวบจนหลังจากนั้นครู่หนึ่ง พื้นที่เขตนี้…ก็ถูกสวี่ชิงฆ่าเกลี้ยง

ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด เห็นถึงความเหนื่อยล้าเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่จิตสังหารในดวงตาก็ยังคงรุนแรงเช่นเดิม

เหล็กแหลมสีดำก็เช่นกัน รังสีอำมหิตลอยเอ่อภายใน พลังระดับสร้างฐานกลุ่มหนึ่งแผ่ออกมารางๆ เหมือนบรรพจารย์สำนักวัชระกำลังจะตื่นขึ้น

ส่วนเงาป๋าข้างหลังสวี่ชิง ตอนนี้ก็ยืนตระหง่านอย่างดุดัน เหมือนว่าจะเป็นพยานให้กับการฆ่าสังหารครั้งนี้

ภาพนี้ปรากฏในดวงตาจางซาน ทำให้เขาจิตใจสั่นสะท้าน

เขามองพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วก็มองไปยังเงาร่างราวคมกระบี่ของสวี่ชิง ก็พลันรู้สึกว่าการวิเคราะห์ของตัวเองก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง สวี่ชิงที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ บางทีอาจจะบ้าคลั่งได้ไม่เท่านายกอง แต่ความโหดเหี้ยม…เหมือนกับนายกองเลย!

โดยเฉพาะในบรรดาศพที่อยู่บนพื้นส่วนมากล้วนถูกตัดคอขาด…

และในตอนนี้ก็เป็นเวลาหนึ่งก้านธูปแล้ว

แต่นายกองก็ยังไม่กลับมา

สวี่ชิงเงียบนิ่ง มองจางซานที่แบกรูปสลักก้อนเนื้ออยู่ แล้วก็รออีกครึ่งก้านธูป

ส่วนจางซานก็รู้ว่าเวลาเลยผ่านไปมากแล้ว สีหน้าหมองหม่นเล็กน้อย

“ศิษย์พี่จางซาน เลยเวลาแล้ว ข้ามีอีกพื้นที่หนึ่งที่ต้องไป ท่านรักษาตัวด้วย” สวี่ชิงเอ่ยเสียงเบา หลังจากมอบยาพิษถุงหนึ่งและบอกวิธีใช้แล้ว เขาก็หันหน้ามองไปที่ไกล ร่างเคลื่อนไปข้างหน้าทันที

เขาหวังว่านายกองจะราบรื่นดี แต่ก็ไม่อาจรออยู่ที่นี่ต่อไปได้นานๆ ในโลกเผ่าเงือกใบนี้ สวี่ชิงยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องไปทำ

ตอนนี้ความเร็วของเขาปะทุขึ้นโดยสมบูรณ์ เมื่อมาถึงที่ที่ไม่มีคน ก็หยิบเอาตะเกียงดับวิญญาณ ใส่เข้าไปในเงาแล้วสัมผัส ไม่นานสวี่ชิงก็ยืนยันทิศทางที่แม่นยำ เก็บตะเกียงดับวิญญาณพลางห้อตะบึงไปยังจุดลึกของหมู่ศาลเจ้า

เวลาไหลไปช้าๆ หมู่ศาลเจ้านี้มีพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก จวบจนเมื่อผ่านไปครึ่งชั่วยาม ฝีเท้าของสวี่ชิงก็หยุดนิ่ง เงยหน้ามองไปยังศาลเจ้าที่ธรรมดามากแห่งหนึ่งข้างหน้า

ศาลเจ้าหลังนี้ไม่ต่างอะไรกับศาลเจ้าหลังอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ แต่สถานที่จากการชี้นำของระลอกคลื่นตะเกียงดับวิญญาณอยู่ที่นี่

สวี่ชิงสำรวจรอบๆ อย่างระแวดระวัง หลังจากที่มั่นใจว่าพื้นที่กว้างโล่งแห่งนี้ไม่มีปัญหา เขาก็โปรยยาพิษเกล็ดใหญ่ผสานไปรอบๆ ปกคลุมศาลเจ้าไว้ทั้งหลัง แล้วยิ่งมีส่วนที่ลอยเข้าไปข้างในอีกมาก

สวี่ชิงไม่บุ่มบ่าม แต่ซ่อนตัวรอเงียบๆ จนเมื่อพบว่าไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายแล้ว เขาถึงได้พุ่งออกมาก็ก้าวไปในศาลเจ้า และสำรวจรอบๆ อย่างรวดเร็วในเสี้ยวพริบตาที่ก้าวเข้าไป

ในศาลเจ้ากว้างขวางมีเพียงแค่รูปสลักรูปเดียวเท่านั้น

รูปสลักไม่ใช่จวีอิง แต่เป็นคนชราเผ่าเงือก สีหน้าไม่โมโหแต่รัศมีอำนาจฉายชัด บนศีรษะสวมมงกุฎ โดยรวมมองแล้วไม่มีอะไรน่าอัศจรรย์

สวี่ชิงกวาดตามอง สายตาหยุดอยู่บนผนังศาลเจ้า

แต่ก็เหมือนกับพื้นที่กว้างขวางแห่งนี้ บนผนังไม่แตกต่างอะไรกันเลย สวี่ชิงหาอยู่นานก็หาอะไรที่นี่ไม่เจอ ดังนั้นเขาจึงเอาตะเกียงดับวิญญาณออกมา ตรวจสอบรอบๆ อีกครั้ง ก็ยังคงเป็นปกติ

สวี่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็จุดตะเกียงดับวิญญาณ เดินวนรอบในศาลเจ้ารอบหนึ่ง ก็ยังไม่พบอะไรทั้งนั้น

สวี่ชิงครุ่นคิด วางตะเกียงลงไปในเงา

สีของเปลวไฟเปลี่ยนไปทันที จากสีเหลืองหม่นเปลี่ยนเป็นสีเขียวเรือง ประกายแสงสาดไปรอบๆ มีส่วนหนึ่งกระทบไปบนผนัง ตรงนั้นเหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น

สวี่ชิงตาจ้องเพ่ง ค่อยๆ เข้าไปใกล้

แสงไฟเขียวเรืองก็ค่อยๆ ส่องไปบนผนังกว้างขึ้นจากการเข้าไปใกล้ของเขา ผนังค่อยๆ บิดเบี้ยว ผนังทั้งผนังก็มีภาพวาดปรากฏขึ้นบนพื้นที่ที่แต่เดิมว่างเปล่าท่ามกลางความตื่นตะลึงของสวี่ชิง

ภาพวาดฝาผนังนี้เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่อลังการ เนื้อหาในภาพเหมือนจะเป็นที่ตั้งของแท่นบวงสรวงขนาดมหึมาแห่งหนึ่ง ที่นั่นกระดูกขาวมากมายรวมเป็นมหาสมุทร และในมหาสมุทรกระดูกขาวแห่งนี้ ก็มีเงาร่างที่สูงเสียดฟ้าสามร่างยืนอยู่

สองร่างก้มหน้าคารวะ อีกคนยืนตระหง่าน

สองร่างที่โค้งคารวะ คนทางขวาคือคนชราเผ่าเงือกที่อยู่ในศาลเจ้า เพียงแต่ที่อยู่ในภาพฝาผนังเหมือนดั่งราชา ความน่าเกรงขามมีมากกว่า ร่างมหึมายืนอยู่ตรงนั้นทรงอำนาจไม่ธรรมดา มงกุฎที่อยู่บนศีรษะมีอัญมณีเม็ดหนึ่งติดอยู่

อีกด้านหนึ่งเป็นร่างเหมือนหญิงชราสวมชุดคลุมยาวกระดูกปลา มีรยางค์เต็มไปหมด ข้างหลังมีใบหน้าผีดุร้าย เป็นจวีอิงนั่นเอง

และเงาร่างที่พวกเขาโค้งคารวะเป็นยักษ์ที่ทั่วทั้งร่างมีงูใหญ่เก้าหัวพันรัด

เงายักษ์นี้มีชุดเกราะที่เต็มไปด้วยอักขระ สองบ่าแบกโลกเอาไว้สองใบ เหนือศีรษะมีกระบี่เล่มใหญ่ลอยอยู่ กระบี่นี้สร้างความหวาดหวั่นขวัญผวาให้กับผู้คนนัก เหมือนว่าเพียงแต่ฟาดลงมาก็สามารถผ่าฟ้าดินได้

เขาที่จวีอิงและราชันเผ่าเงือกโค้งคารวะเหมือนเป็นเทพเจ้ามากกว่า

และหัวงูหัวหนึ่งที่อยู่บนร่างเขาคาบตะเกียงที่ติดอยู่ดวงหนึ่ง

รูปร่างของตะเกียงดวงนี้เหมือนร่มดำที่วางหงาย รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับตะเกียงดับวิญญาณไม่ผิดเพี้ยน แต่ความรู้สึกที่ให้กลับไม่ใช่ระดับเดียวกันเลย

เหมือนกับก้อนหินกับหยกงาม

ยิ่งกอบกุมอำนาจราชาสูงสุดเอาไว้ ทำให้ผู้พบเห็นทุกคนที่ได้เห็น เพียงแค่แวบเดียวก็ดูออกว่านี่ถึงจะเป็นของแท้

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท