ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 132 ราวกับชีวิตมีร่มเงา!

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 132 ราวกับชีวิตมีร่มเงา!

พริบตาที่มันดับ จังหวะที่แสงสว่างรอบๆ สลายไป สิ่งประหลาดรอบๆ นับไม่ถ้วนก็เหมือนส่งเสียงหัวเราะแหลมบาดหูออกมา มีความละโมบและปรารถนาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โถมเข้ามาหาสวี่ชิงจากทั่วสารทิศ

แต่ในชั่วพริบตา แสงที่เจิดจ้าแยงตายิ่งกว่ากระทั่งไม่อาจนำไปเปรียบเทียบได้กับตะเกียงดับวิญญาณก่อนหน้านี้ ราวกับแสงสว่างของดวงจันทร์กับหิ่งห้อยอย่างไรอย่างนั้น แผ่ซ่านออกไปฉับพลันเบื้องหน้าสวี่ชิง ปกคลุมอย่างรุนแรงไปรอบด้าน

ราวกับฟ้าดินส่องสว่างขึ้น!

สิ่งประหลาดทั้งหมดกรีดร้องแหลมขึ้นมาในตอนนี้ ร่างกายสลายกลายเป็นฝุ่นหายไปในพริบตา

ตะเกียงที่เหมือนร่มดำที่กำลังเผาไหม้ดวงหนึ่งปรากฏเบื้องหน้าสวี่ชิง!

เป็นตะเกียงแห่งชีวิตสมบัติที่ได้เขาได้รับมาจากเผ่าเงือกนั่นเอง

ตะเกียงนี้ไม่ได้ถูกจุด แสงนั้นมาจากตัวของตะเกียงแห่งชีวิตเองที่แผ่ออกมา ดูแล้วเหมือนเผาไหม้ แต่จริงๆ คือไม่ใช่

แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่แสงที่แผ่ออกมาจากตะเกียงแห่งชีวิตก็ยังน่าตกตะลึง ห้อมล้อมตัวสวี่ชิงไว้ด้านใน ทำให้เงาประหลาดเหล่านั้นที่บินกรูกันเข้ามาเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟตอนนี้สลายไปกว่าครึ่ง แม้รอบๆ จะยังมีเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ดูหวาดกลัวอย่างชัดเจนจนไม่กล้าเข้าใกล้

และสวี่ชิงก็หยิบยืมโอกาสนี้ ค้นพบร่องรอยในส่วนลึกจิตใจตนเองแล้ว

พริบตาต่อมา จากการหลั่งทะลักเข้าไปของพลังวิญญาณา จากการที่ในสมองอื้ออึง จากการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของร่างกายเขา ในที่สุดเขาก็พบตำแหน่งช่องเวทสองช่องสุดท้ายจากที่นั่น

หนึ่งร้อยยี่สิบช่อง!

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในเจ็ดเนตรโลหิต ไม่มีคนที่สามารถสัมผัสได้ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบช่องเวท และตำแหน่งของช่องเวท ก็มีเพียงแค่จังหวะที่กำลังสร้างฐานเท่านั้นถึงสามารถสัมผัสได้

ดังนั้น ตอนนี้สัมผัสได้มากเท่าไร หลักๆ แล้วจะเป็นตัวตัดสินปลายทางในอนาคต

กระทั่งไม่เพียงแค่เจ็ดเนตรโลหิตเท่านั้น ขั้วอำนาจสำนักใหญ่ๆ ส่วนใหญ่ ก็ล้วนมีคนเช่นนี้ปรากฏมาน้อยมาก

ดังนั้นในแผ่นหยกที่สวี่ชิงได้รับมา จึงเรียกหนึ่งร้อยยี่สิบช่องนี้ว่าเป็นขีดจำกัดทางทฤษฎี ส่วนหลังจากไปถึงแล้วเป็นอย่างไรก็ไม่มีแนะนำไว้

แต่เวลานี้สวี่ชิงรู้แล้ว ว่าหลังจากที่สัมผัสออกมาหนึ่งร้อยยี่สิบช่อง ในใจเขาเกิดความรู้สึกโปร่งโล่ง ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเข้าใจรางๆ ว่าหนึ่งร้อยยี่สิบ…ไม่ใช่ขีดจำกัด

ส่วนเรื่องหลังจากมีช่องเวทเกินหนึ่งร้อยยี่สิบช่องหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปสัมผัสถึงตอนนี้ เขาจำเป็นต้องทะลวงเปิดช่องเวททั้งหนึ่งร้อยยี่สิบช่องอย่างแท้จริงเสียก่อน จึงค่อยไปคลำหา

แต่เขาก็มีความรู้สึกรางๆ ว่าหลังจากทะลวงหนึ่งร้อยยี่สิบช่องแล้ว ในอนาคตทุกครั้งที่ตนเองหาพบจุดหนึ่ง ก็คงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาลขั้นพลิกฟ้าพลิกดินแน่ๆ

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก คาดหวังในใจสูงมาก แต่เขารู้ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาไปขบคิดเรื่องนี้ ทิ้งไว้เป็นเรื่องของอนาคตก็พอ

“เช่นนั้น ก็เริ่มช่วงที่สอง เปิดช่องเวทช่องแรกของสร้างฐาน!” มือขวาสวี่ชิงยกขึ้นคว้าอากาศ ล้วงเอาลูกกลอนสร้างฐานเม็ดสุดท้าย

กลืนลงไปในทีเดียว

ฉับพลันทะเลวิญญาณในร่างกายก็ระเบิดขึ้นครืนครัน ก่อตัวเป็นกระแสน้ำกระเพื่อม ซัดกระแทกเข้าไปยังช่องเวทแรกที่เขาค้นพบในร่างกาย

ความรู้สึกปะทะที่ไม่เคยพบมาก่อนกำลังเกิดขึ้นฉับพลันบนตัวสวี่ชิง เขารู้สึกเหมือนตนเองถูกอสูรยักษ์ที่ทะยานอย่างรวดเร็วตัวหนึ่งพุ่งเข้าปะทะอย่างไรอย่างนั้น ร่างกายราวกับจะแตกสลายทันที ช่องเวทที่หนึ่งในร่างกายเขาเปิดออกมาฉับพลัน!

ราวกับแหวกฟ้าผ่าปฐพี!

ช่องเวทที่เขาเปิด กลายเป็นจุดแสงส่องสว่างจุดหนึ่ง ด้านในมีเปลวไฟกำลังก่อตัว จากการหลั่งทะลักของพลังวิญญาณมหาศาล ด้านในกลายเป็นกระแสวน

ขณะที่หมุนวนครืนครัน กลิ่นอายในร่างกายก็ปรากฏการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เปลวไฟลุกโหม ขณะที่กำลังแผ่ซ่านอย่างต่อเนื่อง เพลิงเป็นเส้นๆ สว่างจ้าที่เหมือนถูกบีบอัดไว้ลูกหนึ่งก็ลอยขึ้นมาช้าๆ จากกระแสวน

ตัวตนที่เหมือนกับเส้นไหมนี้ก็คือ…พลังเวทของระดับสร้างฐาน!

เส้นไหมนี้ ล้ำหน้ารวมปราณขั้นบริบูรณ์ไปมากโข ระหว่างทั้งสองมีความแตกต่างกันอยู่กว่าหนึ่งขั้น

ขณะที่กำลังลอยขึ้นอย่างต่อเนื่อง แผ่ซ่านแสงจ้าแยงตา และระเบิดเปลวเพลิงที่น่าตกตะลึงออกมาอีก จนทำให้สวี่ชิงเวลานี้ ดูแล้วเหมือนในร่างกายถูกส่องสะท้อนจนหมด

และกระแสวนทะเลวิญญาณในช่องเวทของสวี่ชิงก็เหนือกว่าผู้บำเพ็ญธรรมดาทั่วไป ขีดจำกัดตอนรวมปราณของเขาคือห้าร้อยจั้ง ข้อได้เปรียบนี้จึงสำแดงออกมาอย่างมหาศาลตอนสร้างฐาน

ช่องเวทของเขารองรับกระแสวนที่เกิดจากทะเลวิญญาณห้าร้อยจั้งได้ เมื่อเป็นเช่นนี้พลังเวทที่กำเนิดออกมาจึงเข้มข้นยิ่งกว่าผู้บำเพ็ญทั่วไปเช่นกัน

ตอนนี้พอพลังเวทออกมา จังหวะที่กลิ่นอายของสวี่ชิงเปลี่ยนแปลง พลังเวทก็ไหลเวียนในร่างกายสวี่ชิงอย่างรวดเร็วในพริบตา ทุกที่ที่แล่นผ่าน ร่างกายของเขาปรากฏการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดินขึ้น

แรกสุดคือชีพจรของเขาเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นจากการไหลเวียนของพลังเวท กระทั่งมองเห็นลายอักขระฟ้าดินขึ้นมารางๆ เหมือนว่ากำลังก่อตัวขึ้นด้านในชีพจรของเขา

ถัดมาคือเลือดเนื้อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในทุกชุ่นจากการที่พลังเวทแผ่ซ่านออกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน กระทั่งมองกว้างๆ ก็จะเห็นว่าสสารทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็นเลือดเนื้อของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณสมบัติขึ้นจากใจกลาง

ถัดมาอีกคือกระดูกรวมไปถึงอวัยวะภายใน พื้นที่ทั้งหมดเวลานี้กำลังครืนครัน กระดูกของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น ด้านบนเกิดลายอักขระขึ้นเช่นกัน กระทั่งเลือดเนื้อรวมไปถึงอวัยวะภายในทั้งห้าก็เช่นเดียวกัน

นี่คือ…กายเวท!

ผู้บำเพ็ญขณะที่เหยียบสู่สร้างฐาน เหมือนจะเปลี่ยนแปลงก้าวกระโดดในระดับชั้นของพลังชีวิต แปรจากความสามัญสู่เวท!

จากการก่อตัวของกายเวท จากการแผ่ซ่านของพลังเวท คลื่นพลังที่ก้าวข้ามรวมปราณไปแล้ววูบหนึ่งในตัวสวี่ชิงก็ระเบิดออกมาครืนครัน ขณะที่กระจายออกไปทั้งสี่ทิศ สวี่ชิงเบิกตาโพลง ในดวงตาเผยประกายแสงสีม่วงแยงตา

เขาคิดถึงสิ่งที่แผ่นหยกสร้างฐานบรรยายถึง ศิษย์ที่ฝึกบำเพ็ญวาฬทะเลต้องห้ามออกมาได้ ขณะที่สร้างฐานจะสามารถเปิดช่องเวทที่สองได้เร็วกว่าคนอื่น

และจังหวะที่สร้างฐาน พอเปิดช่องเวทที่สองแล้ว ก็จะมีโอกาสที่ร่างกายจะถูกวิวัฒน์เพิ่มมาอีกครั้งหนึ่งด้วย เรื่องแบบนี้ มีเพียงพริบตาที่สร้างฐานเท่านั้นที่จะเกิดขึ้น การเปิดช่องเวทหลังจากนี้จะไม่เป็นเช่นนี้อีกแล้ว

ดังนั้นจึงล้ำค่าอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นช่องเวทนี้ ก็กลายเป็นช่องแห่งชีวิตช่องที่สองอีกด้วย!

สวี่ชิงชูสองมือขึ้นโบก ทันใดนั้น วาฬมังกรทะเลต้องห้ามที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่หลังจากพลังบำเพ็ญในร่างกายกับกายเนื้อฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้า ก็ปรากฏตัวขึ้นนอกร่างกายเขา

ขนาดของมันหดลงมาอย่างมาก กลายเป็นขนาดเท่ากำปั้น สวี่ชิงอ้าปากแล้วกลืนลงไป อสูรคอยาวบรรพกาลที่อยู่ในตัวมันก็ส่งเสียงคำรามอย่างฮึกเหิม พุ่งทะลวงไปยังช่องเวทที่สองของสวี่ชิงฉับพลัน!

เสียงครืนครันก้องสะท้อน ช่องเวทที่สอง เปิดออก!

อสูรคอยาวบรรพกาลทะลวงเข้าไปด้านใน กลายเป็นกระแสวนทะเลวิญญาณห้าร้อยจั้ง ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโหม เส้นพลังเวทเส้นที่สองก็ปรากฏออกมาจากในทะเลที่แผดเผานั้น!

หลังจากปรากฏเส้นไหมพลังเวทที่สองนี้ออกมาก็ไหลเวียนไปทั้งตัวสวี่ชิง เพิ่มการสนับสนุนให้กับกายเวทของเขาอีกครั้ง

ขณะเดียวกันเงาประหลาดรอบด้านก็เหมือนถูกดึงดูดล่อเข้ามาอีกครั้ง ตั้งท่าเหมือนจะสะกดตะเกียงร่มดำ แต่ก็ยังทำไม่ได้

แต่เพียงไม่นานลมหยินที่ไม่เคยมีมาก่อน ก็หวีดหวิวเข้ามาราวกับลมพายุ คล้ายกับปีศาจร้ายในเงาประหลาดถูกดึงเข้ามา พัดเป่าไปยังไฟตะเกียงอย่างรุนแรง

แม้ยังไม่สามารถดับไฟตะเกียงแห่งชีวิตได้ แต่ก็ทำให้มันหม่นลงไปได้บ้าง ปีศาจร้ายที่มองไม่เห็นก็เหมือนจะฮึกเหิมขึ้น คำรามไร้เสียงออกมา หยิบยืมโอกาสที่มันหม่นลงนี้ แบ่งภาพมายาร่างหนึ่งมาที่สวี่ชิง เข้าประชิดในพริบตา ตั้งท่าจะพุ่งเข้ามาที่หน้าผากเขา

แต่จากแสงสว่างของตะเกียงแห่งชีวิต ภาพมายาร่างนี้ก็ยังจำใจต้องปล่อยวาง หดตัวกลับเข้าไปใหม่อย่างไม่ยินยอมนัก

แต่พริบตาต่อมา เงาของสวี่ชิงที่ถูกเขาสะกดไว้จนแทบจะไร้ความสำคัญก่อนหน้าบนพื้นก็เหมือนได้กลิ่นอันโอชะ จู่ๆ ก็พุ่งออกไปยังภาพมายานั้น

ภาพมายานั้นยังไม่ทันได้หดกลับ ก็ถูกเงาเข้าประชิดทันควัน อ้าปากกว้างเหมือนกินของหวาน กลืนมันลงไปทันที

จากนั้น มันก็เหมือนเรอออกมาอย่างพึงพอใจท่ามกลางเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ไม่รู้จัก จากนั้นมองไปทางสวี่ชิง จิตอาฆาตปรากฏขึ้นรางๆ

แต่สุดท้ายก็ยังสั่นสะท้านขึ้นมาหลายครั้ง เหมือนนึกย้อนความทรงจำมากมายตอนถูกสะกดที่ทำให้มั่นพรั่นพรึงได้ จึงไม่กล้าลงมือ หลังจากกลับไปอยู่ใต้เท้าสวี่ชิงอีกครั้ง มันก็กลับไปอยู่ในสภาพไร้ความสำคัญจนแทบจะแตกสลายตามเดิมอีกครั้ง นอนพังพาบอย่างเบื่อๆ อยู่ตรงนั้น

และสิ่งประหลาดรอบๆ เวลานี้ทั้งหมดก็ชะงัก เหมือนในฝูงปลามีปลาฉลามตัวหนึ่งเพิ่มเข้ามา เบียดตัวกันถอยห่างฉับพลัน เพียงพริบตาก็สลายหายไปจนหมด

ดวงตาสวี่ชิงเบิกโพลง ก้มหน้าชำเลืองเงาผาดหนึ่ง

เงาเวลานี้ยังสั่นเทา รอยปริแตกบนตัวมันมีมากขึ้น ไม่รู้ว่าจริงหรือหลอก…

สวี่ชิงหรี่ตา หลังจากเก็บสายตากลับมาก็สำรวจดูร่างกาย กายเวทของเขาเวลานี้เสริมแกร่งขึ้นอีกครั้ง ในร่างกายอื้ออึงดังกึกก้อง นั่นคือเสียงการเต้นของหัวใจ

ราวกำลังตีกลองศึก

และพลังเวทสายที่สองเองก็ผสานกับพลังเวทสายแรกอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นพลังสายหนึ่ง

พลังเวทสายนี้ทำให้แสงเพลิงร่างกายสวี่ชิงแผ่ออกมา เปลวไฟด้านในช่องเวททั้งสองในร่างกายลุกแผดเผาทะเลวิญญาณ พลังเวทก่อตัวขึ้นไม่หยุดรวมตัวกันต่อเนื่อง ส่องสะท้อนแสงสลัวออกมา หลังจากที่สะท้อนพื้นที่ทั้งหมดในร่างกาย ก็กระจายออกไปด้านนอก

กลิ่นอายความแข็งแกร่งก้าวข้ามตัวเขาก่อนหน้าไปมาก เหมือนว่าไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบได้เลย ความแตกต่างของระดับนั้น กระทั่งสวี่ชิงนำไปเทียบกับสร้างฐานทั้งหมดที่เคยพบ เอาแค่จากเรื่องช่องเวทอย่างเดียวก็มีความห่างชั้นอยู่ไม่น้อยแล้ว

เห็นได้ชัดว่าช่องเวทในร่างกายพวกเขาไม่เจิดจ้าแยงตาเท่าสวี่ชิง

“เป้าหมายการเปิดช่องเวท คือเพื่อฝึกบำเพ็ญไฟชีวิตออกมา สามสิบช่องเวทสามารถก่อตัวเป็นไฟชีวิตหนึ่งดวง!

“เมื่อไฟชีวิตออกมา ถึงจะเข้าสู่สร้างฐานช่วงต้น ไฟชีวิตดวงที่สองจึงจะเป็นช่วงกลาง…

“และมีเพียงการสำเร็จไฟชีวิตเท่านั้น จึงจะสามารถสำแดงความสามารถอันเป็นสัญลักษณ์ของผู้บำเพ็ญสร้างฐาน อย่างสภาวะแสงนภาออกมาได้!” สวี่ชิงพึมพำเสียงต่ำ จากในแผ่นหยกสร้างฐาน เขารู้ว่าผู้บำเพ็ญสร้างฐานหลังจากมีไฟชีวิต ปกติจะไม่จุดมันนานเกินไปนัก

เพราะความสิ้นเปลืองภายใต้สภาวะแสงนภาน่ากลัวเหลือประมาณ

และหลังจากเปิดสภาพแสงนภา พลังต่อสู้ก็จะยิ่งน่าตกตะลึงขึ้นไปอีกเช่นเดียวกัน

ดังนั้นผู้บำเพ็ญสร้างฐานแทบจะทั้งหมดที่สำเร็จไฟชีวิต ล้วนเปิดใช้สภาวะแสงนภาสังหารศัตรูในการต่อสู้เท่านั้น แต่ปกติต่อให้ไม่เปิดสภาวะแสงนภา ความแข็งแกร่งของพลังเวทและกายเวทก็เพียงพอที่จะรับมือกับเรื่องบางอย่างได้แล้ว

“เมื่อเป็นเช่นนี้ บรรพชนสำนักวัชระที่ยังไม่เสร็จสิ้นสามสิบช่องเวท ดังนั้นศึกครั้งนั้นจึงเป็นเช่นนี้…ข้าต้องรีบเปิดสามสิบช่องเวทให้ไวที่สุดเสียแล้ว!”

ดวงตาสวี่ชิงเผยความระแวดระวังและความคาดหวังอันแรงกล้าออกมา ที่เขาระแวดระวังก็คือผู้บำเพ็ญสร้างฐานนั้นไม่ได้ง่ายดายดอย่างที่ตนเองคิดไว้ ส่วนที่คาดหวังไว้ก็คือหลังจากนี้ถ้าตนเองสำเร็จไฟแห่งชีวิต ก็สามารถเปิดสภาวะแสงนภาได้ ขณะเดียวกันก็ยังมี…ตะเกียงแห่งชีวิตอยู่ด้วย!

“ตะเกียงแห่งชีวิตที่ผู้บำเพ็ญสำนักและขั้วอำนาจใหญ่กระหายปรารถนา หนึ่งดวงเทียบเท่าได้กับพลังของไฟแห่งชีวิตถึงสองดวง แต่หากคิดจะใช้งาน ข้าก็จำเป็นต้องสำเร็จไฟแห่งชีวิตดวงที่หนึ่งเสียก่อน จึงจะสามารถจุดมันขึ้นในร่างกายได้

“หรือก็คือ เมื่อข้าสำเร็จดวงไฟแห่งชีวิตดวงแรก นำมันใส่เข้าไปในตะเกียงแห่งชีวิต ทำให้ไฟแห่งชีวิตมีรากฐาน ข้าก็สามารถจะสำแดงพลังของไฟแห่งชีวิตสองดวงออกมาได้ และสามารถสะกดระดับเดียวกันทั้งหมดลงได้ เมื่อสู้กับขั้นกลาง ถ้าดูจากความตื้นลึกหนาบางของช่องเวทข้าแล้ว ช่วงที่เปิดสภาวะแสงนภาของข้าก็ยังยาวนานกว่าอีกฝ่าย!”

สวี่ชิงดวงตาราวกับสายอัสนี ก้มหน้ามองยังตะเกียงแห่งชีวิตร่มดำบนพื้น หลังจากหยิบมันขึ้นมา ประกายดวงตาที่สะท้อนบนตะเกียงแห่งชีวิตก็ยิ่งรุนแรงกว่าเดิม艾琳小說

“ถัดจากนี้ คือหลอมรวมกับตะเกียงแห่งชีวิตเสียก่อน เก็บไว้ในร่างกายจึงจะปลอดภัยที่สุด”

สวี่ชิงพึมพำ พลังเวทในร่างกายระเบิดครืนครัน แผ่ซ่านออกมาจากช่องเวททั้งสอง หลังจากปกคลุมตะเกียงแห่งชีวิตในมือเขา ตะเกียงแห่งชีวิตก็เปลี่ยนเป็นโปร่งใสอย่างมหัศจรรย์ พริบตาต่อมาก็รวมเข้ากับพลังเวทของสวี่ชิง

สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าจุดตันเถียนของตนเองมีตะเกียงแห่งชีวิตที่เหมือนร่มดำปรากฏออกมาจากการกลับมาของพลังเวท ผ้าร่มบนตัวมีความลึกล้ำลอดออกมา เปิดปิดอย่างเชื่องช้า และทุกครั้งที่เปิดปิดก็มีปราณพิฆาตแผ่ออกมาจากภายใน

พริบตาต่อมา หลังจากที่ตะเกียงแห่งชีวิตเปิดปิดหลายรอบก็เสถียรขึ้น รวมกับในร่างกายของสวี่ชิงเป็นหนึ่งเดียวกัน เจตจำนงผันผวนแห่งกาลเวลาวูบหนึ่ง หยั่งรากลงไปในร่างกายของสวี่ชิง

มีร่มดำผลุบโผล่ขึ้นรางๆ ราวกับเป็นร่มเงาบนศีรษะของสวี่ชิง ร่อนลงมาบนไฟสวรรค์ แผ่ซ่านเจตจำนงการคุ้มกันออกไป ทำให้จิตวิญญาณสวี่ชิงที่อยู่ใต้ร่มนี้สงบนิ่งลงอย่างมาก

ช่องเวทของเขาก็ถูกเสริมความแข็งแกร่งขึ้นด้วยในตอนนี้ การโคจรของทะเลวิญญาณก็เพิ่มขึ้น การก่อตัวของพลังเวทก็เช่นเดียวกัน

กระทั่งขณะที่พลังเวทเขาก่อตัวก็เหมือนมีกลิ่นอายร่มดำเพิ่มขึ้นมาภายในด้วยรางๆ แผ่ความรู้สึกบรรพกาลออกมา และยิ่งแผ่ความร้อนแรงกระจายไปทั่วทั้งตัวสวี่ชิง ทำให้ร่างกายของเขาร้อนวูบขึ้นในพริบตา กระทั่งเสื้อผ้าก็เหมือนจะกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที

ความร้อนของเปลวไฟที่น่าตกตะลึงแผ่ไปทั่วพื้นที่ปิด ดินในถ้ำแห้งแตกขึ้นทันควัน ป่าสายฝนด้านนอกก็เดือดเป็นไอในพริบตา ต้นไม้แต่ละจุดเริ่มลุกไหม้ขึ้นมาเอง จนกลายเป็นเถ้าธุลี ไฟนี้ยังคงแผ่ซ่านต่อไปทุกทิศทาง จนปกคลุมป่าสายฝนทั้งหมด

หมอกมหาศาลลอยขึ้น บนพื้นดินปรากฏรอยแห้งแตกหลายสาย ต้นไม้ทั้งหมดกลายเป็นเถ้าถ่าน ความกว้างของอาณาเขตส่งผลไปกว่าสามพันจั้ง!

ทำให้ในอาณาเขตผืนนี้มีความร้อนแรงน่าตกตะลึง ราวกับเป็นแผ่นดินแห้งแล้งที่ถูกตากทิ้งไว้นับร้อยปี!

และใจกลางของแผ่นดินแห้งแล้งนี้ ดินโคลนของถ้ำที่สวี่ชิงอยู่ก็ถูกอุณหภูมิสูงจนตกผลึกดำขึ้นมาแล้ว เขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น หลับตาทั้งสอง สีหน้าสงบนิ่ง

เวลานี้ถ้าหากมีผู้บำเพ็ญสร้างฐานคนอื่นเห็นตัวสวี่ชิงจะต้องตะลึงพรึงเพริดอย่างแน่นอน เพราะว่าช่องเวทของพวกเขานั้นเล็กจ้อยมาก แต่ช่องเวททางนี้ของสวี่ชิงน่าตกตะลึงสุดๆ ซ้ำยังมีร่มดำขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ในร่างกายเขาคอยคุ้มกันจิตวิญญาณอีกด้วย

แสงร่มดำสว่างจ้านับหมื่นจั้ง ส่องสะท้อนทั้งร่างของเขาจากภายในสู่ภายนอก จนเหมือนวังสวรรค์จะปรากฏออกมารางๆ

ผ่านไปนาน สวี่ชิงถึงลืมตาขึ้น

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท