การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 12 บ้านหลังใหม่

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 12 บ้านหลังใหม่

บทที่ 12 บ้านหลังใหม่

ถังซวงกับถังเซวี่ยไม่เคยไปหมู่บ้านเถาวา ดังนั้นพวกเธอจึงอยากรู้เกี่ยวกับทุกสิ่งรอบตัว

“ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ดูแล้ว รอจนถึงฤดูใบไม้ผลิก่อนนะ บนภูเขากับพื้นดินจะเต็มไปด้วยดอกท้อ สวยงามมากเลยล่ะ” ชื่อของหมู่บ้านเถาฮวาหรืออีกความหมายคือ หมู่บ้านดอกท้อ นั่นก็เป็นเพราะมีดอกท้อบานอยู่ทั่วภูเขา

ทุกวันนี้แทบไม่มีใครรู้วิธีปลูกไม้ผลเลย แต่ต้นท้อในหมู่บ้านเถาฮวานั้นเป็นพืชในป่าที่เติบโตขึ้นเอง เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิมาถึงทิวทัศน์ที่นี่จะสวยงามมาก

เฮ่อหลานมองไปยังทิวทัศน์ที่คุ้นเคย ความคิดถึงหนึ่งปรากฏในดวงตาของเธอ นี่คือบ้านเกิดที่เธอเติบโตและอาศัยอยู่เป็นเวลาสิบแปดปี แต่น่าเสียดายที่หลังจากแม่บุญธรรมของเธอตาย เธอก็แต่งงานและไม่ค่อยได้กลับมาที่นี่เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสายสัมพันธ์อยู่บ้าง เธอจึงพาลูกสาวสองคนมาที่นี่เพื่อหวังจะมาตั้งรกราก

เมื่อได้ยินคำพูดของแม่ นัยน์ตาของถังเซวี่ยเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ว้าว…คงจะสวยน่าดูเลย และก็จะมีลูกท้อให้กินหลังจากดอกร่วงโรยด้วย”

เมื่อเห็นใบหน้าที่น้ำลายสอของลูกสาวตัวน้อย เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ใช่จ้ะ แม่เองก็อยากกิน”

“แน่นอนว่าเรื่องกินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้ากินได้ทุกมื้อท้องก็จะอิ่ม”

ดวงตาของเฮ่อหลานเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนี้ ชีวิตของตัวเองและลูกสาวสองคนลำบากเกินไปจริง ๆ พวกเธอไม่ได้กินอาหารอย่างอิ่มท้องมาหลายปีแล้ว สามารถกินอิ่มหรือเล่นสนุกได้ในช่วงตรุษจีนเท่านั้น โชคดีที่พวกเธอออกจากตระกูลถังมาแล้ว เธอจะทำงานหาเงินจากการเย็บปักถักร้อยในอนาคต และเธอจะเลี้ยงดูลูกสาวสองคนของเธอให้ดี

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ดวงตาของเฮ่อหลานก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ขณะเดียวกันเธอรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้หย่าร้างให้เร็วกว่านี้ ลูกสาวของเธอจะได้มีชีวิตที่ดีเร็วกว่านี้

“ลูกไม่ต้องกังวลไป แม่จะให้ลูกกินอิ่มทุกมื้อแน่”

ถังเซวี่ยไม่เคยเห็นสีหน้าของแม่แบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เธอเชื่อสิ่งที่แม่พูดอย่างเต็มหัวใจ เธอจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ค่ะแม่ หนูเชื่อแม่นะ”

เมื่อเห็นการแสดงออกที่ไว้วางใจบนใบหน้าของลูกสาวคนเล็ก เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม

ส่วนถังซวงก็หัวเราะเมื่อเห็นเฮ่อหลานแบบนี้ ดูเหมือนว่าการหย่าร้างทำให้เฮ่อหลานเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก

หลังจากที่แม่และลูกสาวเข้าไปในหมู่บ้าน หลายคนสังเกตเห็นพวกเธอ พวกเขามองทั้งสามอย่างอยากรู้อยากเห็น และบางคนก็จำเฮ่อหลานได้

“นั่นอาหลานไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงกลับมาล่ะ?”

เมื่อเฮ่อหลานได้ยิน เธอก็คลี่ยิ้มและพูดว่า “ป้าหวงนี่เอง ฉันจะพาลูกสาวสองคนของฉันกลับไปดูบ้านน่ะ” จากนั้นเธอก็ให้ถังซวงและถังเซวี่ยทักทายป้าหวง

ป้าหวง ผู้ที่อยู่ตรงหน้าดีกับเธอมากเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็ก และยังช่วยเหลือเธอเมื่อแม่บุญธรรมเสียชีวิต ดังนั้นจึงยังจำความรักครั้งนี้ได้ เธอเคยคิดจะกลับมาเยี่ยมแต่ก็ไม่เคยได้กลับมาเลย

ถังซวงและถังเซวี่ยทักทายอย่างสุภาพเมื่อทั้งสองได้ยินที่แม่พูด

“เวลาผ่านไปไวมาก ลูกสาวสองคนของเธอโตขึ้นเยอะเลยนะ”

ป้าหวงมองไปที่ใบหน้าของถังซวงและถังเซวี่ยด้วยด้วยอารมณ์อ่อนไหว และถอนหายใจออกมาเมื่อเธอเห็นความแปรปรวนบนใบหน้าของเฮ่อหลาน หญิงสาวที่แต่เดิมบอบบางและสวยงามได้ถูกทำให้บอบช้ำ แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีชีวิตที่ยากลำบากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

“ใช่ค่ะ เวลาผ่านไปไวจริง ๆ”

เฮ่อหลานเต็มไปด้วยอารมณ์เมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ของการกลับมาครั้งนี้ เธอพูดต่อไปว่า “คุณป้า ฉันขอไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านก่อนนะคะ แล้วไว้เราค่อยคุยกัน”

ป้าหวงพยักหน้าอย่างรีบร้อนและพูดว่า “ได้ ๆ ถ้าเธอมีอะไรต้องทำก็รีบไปทำ เถอะ”

หลังจากที่แม่และลูกสาวของเฮ่อหลานเดินไป ทุกคนในหมู่บ้านต่างพูดถึงเรื่องนี้

“แม่เฒ่าคนนี้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว เฮ่อหลานไม่มีญาติอยู่ที่นี่เลยสักคน เธอกับลูกสาวมาทำอะไรที่นี่กัน”

“ใช่ ไม่ใช่งานเทศกาลอะไรด้วย ทำไมถึงกลับมาล่ะ?”

“ฉันสงสัยว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ไม่อย่างนั้นเฮ่อหลานไม่กลับมากะทันหันอย่างนี้หรอก”

เมื่อได้ยินการพูดคุยกัน ป้าหวงจ้องทุกคนและพูดว่า “พวกแกว่างมากจนไม่มีอะไรทำกันรึไง ทำไมไม่กลับบ้านไปกินมื้อเที่ยงแล้วทำงานต่อในตอนบ่ายซะล่ะ?”

ทุกคนรู้ว่าป้าหวงและเฮ่อหลานมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดพูดและกลับบ้าน

อีกด้านหนึ่ง เฮ่อหลานพาลูกสาวสองคนของเธอไปที่บ้านของหลิวเหลียงไค หัวหน้าหมู่บ้านเถาฮวา

“เฮ่อหลาน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ มีอะไรหรือเปล่า?”

เมื่อหลิวเหลียงไคเห็นทั้งสาม นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

ตอนนี้เฮ่อหลานกลับมาแล้ว เธอไม่คิดที่จะปิดบังอะไร หมู่บ้านเถาฮวาและหมู่บ้านหลู่ฮวาก็อยู่ไม่ไกลกัน ทุกคนในหมู่บ้านคงรับรู้เรื่องราวของเธอกันหมดแล้ว เธอจึงพูดเรื่องทั้งหมดและในที่สุดก็พูดว่า “เพราะงั้นฉันสามารถย้ายทะเบียนบ้านของฉันกับลูกมาที่หมู่บ้านเถาฮวาได้ไหมคะ?”

“เธอหย่าแล้วมากับลูกสองคนจริง ๆ เหรอเนี่ย”

หลิวเหลียงไคไม่อยากจะเชื่อ แต่พอคิดว่าทั้งสามคนไม่มีที่อยู่อาศัย เขาก็พยักหน้าทันทีและพูดว่า “แน่นอน เดิมทีเธอก็เป็นสมาชิกของหมู่บ้านเถาฮวาของเราอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่มีบ้านว่างในหมู่บ้านเลยนะ เหลือแต่หลังที่เธอเคยอยู่นั่นแหละ ผ่านไปหลายปี บ้านมันก็เก่าและทรุดโทรมไปหน่อย ถ้าเธอไม่ว่าอะไร ฉันจะยกบ้านหลังนั้นให้พวกเธอ”

เนื่องจากทะเบียนบ้านของเฮ่อหลานกับลูกสาวกำลังจะอยู่ในหมู่บ้านเถาฮวา พวกเขาจึงเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านและสามารถลงชื่อที่อยู่อาศัยได้

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานรีบกล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณค่ะ คงจะดีมากถ้าคุณมอบบ้านหลังเก่าของแม่ให้พวกเรา”

“เอาล่ะ เธอสามารถอยู่ที่นั่นได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเลย”

หลิวเหลียงไคทำสิ่งต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากช่วงบ่ายที่วุ่นวาย เขาย้ายทะเบียนบ้านของทั้งสามมาที่หมู่บ้านเถาฮวา และในขณะเดียวกันก็มอบที่อยู่อาศัยให้กับทั้งสาม จากนี้ไปพวกเธอจะเป็นชาวบ้านของหมู่บ้านเถาฮวา

เมื่อมองไปยังบ้านเก่าที่ทรุดโทรมตรงหน้า เฮ่อหลานก็ให้กำลังใจลูกสาวและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ถึงบ้านจะทรุดโทรมไปหน่อย แต่เราก็สามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ แค่ต้องทำความสะอาดนิดหน่อย ที่นี่จะเป็นบ้านของเราต่อจากนี้ไป”

ถังซวงมองไปยังบ้านที่ทำจากหินตรงหน้า และคิดว่ามันค่อนข้างดี “แม่คะ ที่นี่ค่อนข้างดีเลย เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ”

ถังเซวี่ยรู้สึกว่าการมีบ้านเป็นของตัวเองมันต้องดีกว่าอยู่แล้ว “ใช่ค่ะแม่ ทำความสะอาดก่อน แล้วค่อยหาอะไรกินกัน หนูหิวมากเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็รีบพูดว่า “เอาล่ะ งั้นเข้าไปข้างในกันเร็ว”

เมื่อเข้าไปในบ้าน ภายในเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ ถังซวงรีบเปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว และหลังจากระบายอากาศได้ระยะหนึ่ง แม่และลูกสาวก็เริ่มทำความสะอาด บ้านที่ร้างไร้ผู้คนมาหลายปี มันก็เป็นเรื่องยากที่จะจัดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยในเวลาอันสั้น หลังจากที่พวกเขาทำความสะอาดอย่างคร่าว ๆ มันก็มืดแล้ว

“อาหลาน…”

เฮ่อหลานรีบตอบรับเมื่อได้ยินคนเรียกข้างนอก

ป้าหวงเดินเข้ามา เมื่อเห็นใบหน้าที่ยุ่งเหยิงของทั้งสาม เธอรีบวางจานทั้งสองลง “ฉันได้ยินมาว่าพวกเธออาศัยอยู่ที่นี่ ฉันเลยคิดว่ามันคงไม่สะดวกสำหรับพวกเธอที่จะทำอาหาร และตอนนี้ก็ดึกเกินไปที่จะทำอาหารเช่นกัน ฉันจึงเอาซาลาเปามาให้ ถ้าไม่ว่าอะไรก็พักกินสักหน่อยเถอะ ฉันจะช่วยเธอทำความสะอาดเอง”

เมื่อเห็นซาลาเปาที่ป้าหวงนำมาให้ ดวงตาของเฮ่อหลานเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

“คุณป้า ดีกับฉันมากจริง ๆ แต่คุณป้าควรเอาซาลาเปานี้กลับบ้านนะคะ เอาไปให้เด็ก ๆ ที่บ้านได้กินจะดีกว่า” ทุกวันนี้ซาลาเปาเป็นของมีค่า แถมยังทำยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำให้คนอื่นเลย

เมื่อเห็นเฮ่อหลานปฏิเสธ ป้าหวงก็รีบเดินออกไปหลังจากวางจานอาหารไว้ “กินก่อนเถอะ ถ้ายังไม่กินก็เก็บไว้กินพรุ่งนี้เช้าก็ได้ อาหลาน ป้ากลับก่อนนะ”

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยเธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣]ผู้แต่ง:钰儿เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท