ท่านเจ้าสำนักถึงแม้จะมีรูปโฉมงดงาม แต่ยามทำสีหน้าไร้อารมณ์ก็เกินพอจะทำให้คนตื่นตระหนกได้
เห็นริมฝีปากแดงของเขาขยับน้อยๆ “ศิษย์ของข้าคือผู้ที่งดงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า ไม่อนุญาตให้โต้แย้ง”
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกอับอายจนเก้อเขินขึ้นมา เดี๋ยวก่อน นี่มันเวลาใดกัน เขาจะมาถกเถียงหาข้อสรุปในเวลานี้เพื่ออะไร?
เหล่าปีศาจทั้งหลาย “ ? ? ?”
พวกมันต่างก็เคยได้เข้าเฝ้าองค์ราชินีมาก่อน ดวงตาทุกคู่ต่างก็ถูกความงดงามขององค์ราชินีล้างสมองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
เคยมีคำพูดกล่าวเอาไว้ว่าอย่างไรนะ พอได้เห็นความงามที่แท้จริงมาแล้ว เมื่อเห็นสิ่งที่ธรรมดาก็กลายเป็นอัปลักษณ์ไป
เพียงแต่ว่าสตรีชาวมนุษย์ในชุดสีแดงตรงหน้านี้ นับว่างดงามเป็นพิเศษอยู่บ้างจริงๆ
อย่างน้อยๆพวกมันก็ไม่เคยเห็นใครในเผ่ามนุษย์ที่งดงามเช่นนางมาก่อนเลย
เพียงแต่ว่าเชื่อมั่นในตนเองจนออกนอกหน้าไปหน่อย
เจ้าหน้าตางดงามก็ส่วนงดงาม ยังจะต้องให้พวกตัวผู้ในเผ่ามนุษย์มาบีบบังคับให้ผู้อื่นเอ่ยออกมาว่าเจ้างดงาม นี่มันออกจะเกินไปหน่อยละมั้ง
เห็นไหมเล่า พวกมนุษย์ล้วนเป็นตัวหน้าเหม็นที่ไร้ยางอายด้วยกันทั้งสิ้น
มิว่าจะเป็นเรื่องใดก็ชมชอบบีบบังคับผู้คน
ขณะที่ในใจของปีศาจทั้งหลายกำลังคิดเช่นนี้อยู่ ก็ได้ยินท่านเจ้าสำนักเอ่ยว่า “จงรีบพูดออกมา ศิษย์ของข้าคือโฉมงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า”
พอเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา แม้แต่ตู๋กูซิงหลันก็ยังอดไม่ได้ที่อยากฟาดหน้าเขาสักครั้ง
แต่ว่าพอหันไปมองเห็นดวงหน้าที่งามล้ำเกินบรรยายของท่านเจ้าสำนัก ก็ไม่อาจตัดใจลงมือ
เกิดทุบลงไปแล้วหัวปูดโนขึ้นมาก็น่าเสียดายเกินไปแล้ว
ส่วนฟ่านอิงที่อยู่ด้านข้าง ก็มิได้พูดอะไรออกมา
ในใจของเขา ยายหนูน้อยย่อมงดงามอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเผ่ามนุษย์กับเผ่าปีศาจ มองเห็นความงามต่างกันคนละแบบ จึงไม่จำเป็นจะต้องมาบีบบังคับให้ผู้อื่นยอมรับ
เพราะท่านเจ้าสำนักเป็นเหตุ พวกปีศาจน้อยทั้งหลายจึงยิ่งเพิ่มพูนความไม่พอใจต่อมนุษย์กลุ่มนี้กว่าเดิม
พวกมันแทบอยากจะเขวี้ยงหอกยาวใส่เสียเดี๋ยวนี้ จากนั้นก็ส่งไปยังเบื้องหน้าองค์ราชินี ย่างบนไฟเสียเลย
ยังดีที่ตู๋กูซิงหลันรั้งท่านเจ้าสำนักเอาไว้ก่อน นางเผยรอยยิ้มน่าสนิทสนมและเป็นมิตรออกมา “ตัวน่ารักน้อยๆทั้งหลาย ที่ข้ามาหาซูเยาก็เพราะมีเรื่องสำคัญรีบด่วน ขอพวกเจ้าโปรดช่วยเปิดทาง ข้ารับรองว่าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้าอย่างแน่นอน”
ข้ารับรองว่าจะไม่ทำร้ายพวกเจ้า!
คำพูดไม่กี่คำนั้นเปรียบเสมือนมีดแหลมที่เสียบลงไปในลำคอของผู้อื่น
พวกปีศาจน้อยดูอย่างไรก็รู้สึกว่านางคือตัวมากเล่ห์แสนร้ายกาจที่คิดจะบุกเข้ามาโจมตีพวกมัน
หากว่าตกลงไปอยู่ในเงื้อมือของสตรีผู้นี้เมื่อไหร่ มีหวังพวกมันจะต้องถูกถลกหนังจับตุ๋นในหม้อใบยักษ์อย่างแน่นอนใช่หรือไม่?
เพียงแค่ลองคิดเล่นๆ ปีศาจน้อยทั้งหลายก็พากันเหงื่อท่วมตัวหมดแล้ว
ปีศาจน้อยที่เป็นตัวจ่าฝูงถึงกับโกรธเกรี้ยวเสียจนขนพองฟู มันกุมหอกยาวในมือเอาไว้ ก้าวขากระโดดขึ้น พุ่งออกมาจากเขตอาคม
มันตั้งใจจะใช้หอกยาวด้ามนี้แทงเข้าไปในทรวงอกของตู๋กูซิงหลัน
ท่านเจ้าสำนักและฟ่านอิงต่างก็เปลี่ยนเป็นหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมา
แต่ไม่รู้ว่าทำไม ทันทีที่เจ้าปีศาจน้อยโผออกมาถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลัน มันส่งเสียงคำรามขึ้นครั้งหนึ่งก็คุกเข่าลงไปตรงหน้านาง!
และเพราะยังห่างจากตู๋กูซิงหลันอยู่อีกช่วงหนึ่ง เจ้าปีศาจน้อยคุกเข่าลงไปก็คืบคลานอยู่อีกหลายก้าวถึงได้คืบคลานมาถึงตรงหน้านางได้
ในสมองของตู๋กูซิงหลันมีแต่คำถามเต็มไปหมด
นางยังไม่ทันได้เอ่ยปากถามอะไร เจ้าปีศาจน้อยก็รีบโขกศีรษะหนักๆให้นางถึงสามครั้งติดๆกัน
ตู๋กูซิงหลัน “! ! !”
“เดี๋ยวก่อน ข้าไม่ใช่บรรพชนทั้งสิบแปดรุ่นของเจ้าเสียหน่อย เจ้าตัวน้อยที่น่ารักคุกเข่าให้ข้าไปทำไมกัน?”
ปีศาจน้อยตัวนั้นก็ทำสีหน้าหดหู่เช่นกัน
หากว่ามันรู้ว่าตนเองทำไมถึงทำเช่นนี้ ก็คงจะประหลาดมากแล้ว
มันได้แต่คุกเข่าอย่างนอบน้อมอยู่ตรงเบื้องหน้าตู๋กูซิงหลัน แม้แต่ศีรษะก็ยังไม่กล้าเงยขึ้นมา
ราวกับว่ามีแรงกดดันที่เหนือกว่าบางอย่างกดมันเอาไว้
ในใจของมันได้แต่คิดว่า จะต้องเป็นเพราะมนุษย์ผู้นี้เล่นลูกไม้อย่างแน่นอน!
ไม่รู้ว่านี่มันคือเวทย์มนต์หรือคาถาใดกันแน่!
พอปีศาจอื่นๆได้เห็นดังนั้น ต่างก็คิดไปว่าเจ้านั่นโดนคาถาใดเข้าแล้ว จึงพากันฮึดฮัดลุกฮือกันขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยวพุ่งออกมานอกเขตอาคม บุกเข้าใส่ตู๋กูซิงหลัน
แต่ว่าหอกยาวในมือยังไม่ทันได้ซัดออกไป แต่ละตัวก็เหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่กดทับลงไปทรุดลงไปคุกเข่าบนพื้นเสียงดังตึงๆๆๆ
คุกเข่าลงไปแล้วก็ยังพากันโขกศีรษะสุดชีวิต
ในสมองของตู๋กูซิงหลันยามนี้มีแต่ไอหมอกไปหมดแล้ว…..
นางมองดูศีรษะมากมายที่มีแต่ขนฟูๆเต็มไปหมด แต่ละตัวมีหูยาวๆแหลมๆอยู่บนศีรษะ เจ้าตัวน่ารักทั้งหลายก้นกระดกทำหางกระดุ๊กกระดิ๊ก ในใจของตู๋กูซิงหลันก็ต้องคลี่ยิ้มออกมา
เจ้าพวกนี้ช่างเป็นตัวน้อยที่น่ารักจริงๆ!
“ลุกขึ้นเถอะ รีบลุกขึ้นเถอะ พวกเจ้าทำอะไรกันเนี้ย”
นางยื่นมือไปประคองปีศาจน้อยที่เป็นจ่าฝูงด้วยตนเอง
ทั้งยังถือโอกาสลูบหูผู้อื่นเล่นอีกด้วย
อืม…..สัมผัสแบบนี้ นุ่มนิ่มน่ารักจริงๆ!
ตอนนี้นางเข้าใจนิสัยของเมียเมีย สัตว์อสูรในพันธะสัญญาของจีเฉวียนแล้ว….
ตัวขนฟูๆพวกนี้มันช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ
เมียเมีย….ไม่ได้พบเจ้ามานานมากแล้วเหมือนกันนะ
เจ้าปีศาจตัวน้อยที่ถูกตู๋กูซิงหลันเอาเปรียบก็แทบจะกลั้นใจตายแล้ว แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าตู๋กูซิงหลันโดยไม่มีเขตอาคมขวางกั้น มันก็เหมือนถูกพลังที่แข็งแกร่งบางอย่างกดเอาไว้
แม้แต่จะด่าออกไปก็ยังพูดอะไรไม่ออกสักคำ
ทั้งๆที่ในใจด่าทอตู๋กูซิงหลันไปพันรอบแล้ว แต่ว่าปากของมันกลับเอ่ยออกมาว่า “ข้าจะนำทางท่านไปตามหาองค์ชายน้อยเดี๋ยวนี้เลย”
ไปหากับแม่เจ้านะสิ!
“ดีเลย ดีมาก ช่างเป็นตัวน้อยที่น่ารักและเชื่อฟังจริงๆ”
ตู๋กูซิงหลันชื่นชมมันจากใจ จะคนหรือผีนางก็เคยเห็นมามากมานแล้ว แต่กลับรูปสึกว่าปีศาจพวกนี้น่ารักมากๆเลย
ท่านเจ้าสำนักยืนอยู่ด้านข้าง หมอกสีดำในมือของเขาค่อยๆจางหายไป
พอศิษย์น้อยได้เห็นใบหูของเจ้าปีศาจพวกนี้ สองตาก็เปล่งประกายระยิบระยับขึ้นมา
ท่านเจ้าสำนักแอบจดจำเอาไว้ในใจอย่างเงียบๆ ศิษย์น้อยชมชอบใบหูที่มีขนฟูๆ
ดังนั้นเขาจึงคอยจับตาดูใบหูเหล่านั้น เฝ้าสังเกตว่าศิษย์น้อยมองดูใบหูแบบใดนานเป็นพิเศษ
เหล่าปีศาจน้อยพอถูกเขาจับจ้องขึ้นมา ต่างก็รู้สึกหนาวจนเสียวสันหลังวาบอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่าถูกวิญญาณแค้นจากที่ใดจับจ้องอยู่อย่างนั้น
พอตู๋กูซิงหลันพยุงจิ้งจอกน้อยที่เป็นจ่าฝูงขึ้นมา นางถึงได้รู้สึกว่านิ้วกลางในมือซ้ายอุ่นจนร้อนระอุ
พอมองตามไป จึงได้เห็นว่าเป็นแหวนที่ก่อนหน้านี้ซูเยาเคยสวมลงบนนิ้วให้กับนาง
ลวดลายจิ้งจอกนั่นปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
จิ้งจอกสีแดงเพลิงตัวหนึ่งเรืองแสงจนส่องประกายอยู่บนนิ้วมือของนาง
ตู๋กูซิงหลันเกิดความเข้าใจขึ้นมาในทันที ที่ปีศาจน้อยเหล่านี้พากันคุกเข่าลงโขกศีรษะต่อหน้าคงจะมีสาเหตุมาจากแหวนวงนี้นั่นเอง
ปกติแล้วในแต่ละเผ่าพันธุ์ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดย่อมมีอำนาจสูงกว่า ได้รับความเคารพนับถือจากผู้อื่นในเผ่า
เช่นเดียวกับฮ่องเต้ที่ปรากฏองค์ต่อหน้าราษฎร์ทั้งหลาย ก็ได้รับการถวายความเคารพกราบไหว้เช่นกันมิใช่หรือ?
แหวนที่จิ้งจอกน้อยมอบให้กับนาง เกรงว่าคงจะเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะของเชื้อพระวงศ์ เจ้าปีศาจน้อยตัวนี้จึงไม่อาจต่อต้านได้
ก่อนหน้านี้ตู๋กูซิงหลันเพียงแค่รู้สึกว่าแหวนวงนี้มีกลิ่นอายปีศาจเข้มข้น ที่สวมใส่เอาไว้เพราะว่ามันสวยงามเท่านั้น
คิดไม่ถึงว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยจะมอบของเล่นที่หาได้ยากเช่นนี้ให้กับนาง
ตลอดทางที่ขึ้นมาบนภูเขา พวกเขาพบเจอปีศาจต่างๆอยู่ไม่น้อย
บนภูเขาลูกนี้ไม่ได้มีแต่ปีศาจขนฟูนุ่มยาวเหมือนเจ้าปีศาจน้อยแต่ยังมีพวกที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวอยู่เต็มไปหมดอีกด้วย
ตอนแรกที่ปีศาจพวกนั้นเห็นกลุ่มของนาง ก็พากันโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
แต่รอจนพวกมันเข้ามาใกล้ๆตู๋กูซิงหลัน ต่างก็พากันคุกเข่าลงบนพื้นดังตึงๆตรงเบื้องหน้านาง
จนพื้นดินกลายเป็นหลุมเป็นบ่อไปหมด
ยิ่งได้พบเจอพวกปีศาจมากมายเท่าไหร่ ลวดลายจิ้งจอกบนแหวนวงนั้นก็ยิ่งเปล่งแสงสีแดงขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ
เหล่าปีศาจพากันคุกเข่าลงไปบนพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยศีรษะขึ้นมา ในใจมีแต่ความประหวั่นพรั่นพรึง
ครั้งนี้ต้องย่ำแย่แน่แล้ว ที่มาในครั้งนี้มันคือตัวอะไรกันเนี่ย พลังกดดันที่อยู่ในร่างถึงกับทำให้พวกมันไม่กล้าอาจหาญล่วงเกิน
……………………