บทที่ 54 แต่แรก(รีไรท์)
บทที่ 54 แต่แรก(รีไรท์)
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“จริง ๆ หรือคะคุณจิง ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยกลับมาแล้วจริง ๆ หรือคะ?”
จิงเจ้อหรงยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนครับ มันเป็นความจริง”
หลินหมิงซู่ที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มก่อนจะพูดว่า “อย่ากังวลเลยพี่หลาน ตอนนี้สองพี่น้องอยู่กับเจ๋อหยวนแล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็จะกลับมา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานรีบมองไปที่หลินหมิงซู่แล้วถามว่า “หมิงซู่ จริงหรือ?”
“จริงครับ เมื่อกี้เจ๋อหยวนกับซวงเอ๋อร์โทรเข้ามา เพราะงั้นไม่ต้องกังวลนะ”
“ดีจัง”
ในที่สุดความหนักอึ้งที่เกาะกุมหัวใจของเฮ่อหลานก็ผ่อนคลายลง เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าในขณะนี้ใบหน้าของตนเต็มไปด้วยน้ำตาที่คลอออกมาด้วยความรู้สึกทั้งดีใจและหวาดกลัว
จิงเจ้อหรงมองเฮ่อหลานจากด้านข้าง และในขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นรอยขีดข่วนที่ช้ำและเป็นสีม่วง “คุณเฮ่อครับ ถังซวงกับคนอื่น ๆ สบายดี คุณไม่ต้องกังวล ตอนนี้ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลก่อนเพื่อรักษาแผลนะครับ”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานยังคงปฏิเสธ จิงเจ้อหรงก็กล่าวต่อว่า “คุณเฮ่อ คุณคงไม่ต้องการให้ลูกสาวทั้งสองกลับมาเห็นคุณเป็นแบบนี้หรอกจริงไหมครับ ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงเป็นห่วงมากแน่”
คราวนี้เฮ่อหลานหยุดปฏิเสธในที่สุด
“ตกลงค่ะ ฉันจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
เดิมทีหลินหมิงซู่วางแผนที่จะไปกับพวกเขา แต่พอคิดว่าเด็ก ๆ กำลังจะมาถึงในไม่ช้า เขาตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ “พี่หลาน ผมจะรอซวงเอ๋อร์กับคนอื่น ๆ ที่นี่นะ พี่กับคุณจิงไปที่โรงพยาบาลรักษาบาดแผลก่อนเลย”
เฮ่อหลานรีบพยักหน้าและพูดว่า “ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อเฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงมาถึงโรงพยาบาล แพทย์ก็ตรวจร่างกายของเฮ่อหลาน และสุดท้ายก็พูดว่า “ไม่มีปัญหาอะไรครับ แค่มีแผลถลอกที่แขนและขานิดหน่อย คอยทายาแผลพวกนี้ แล้วอย่าเพิ่งให้โดนน้ำเท่านั้นครับ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
“ด้วยความยินดีครับ”
หลังจากที่เฮ่อหลานรักษาบาดแผลเสร็จ เธอแทบรอไม่ไหวที่จะกลับไป
“คุณเฮ่อ ให้ผมไปส่งนะครับ”
เฮ่อหลานกำลังกระวนกระวายอยากรีบกลับ เธอจึงไม่ปฏิเสธ “ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณคุณจิงมากนะคะ”
“ครับ แล้วผมต้องขอโทษคุณเฮ่อด้วย หากเราไม่ชนคุณ คุณคงไม่ได้รับบาดเจ็บแบบนี้”
“ฉันเองก็เดินเร็วเกินไป ไม่มองให้ดี อันที่จริงฉันต่างหากที่ลากคุณมาเกี่ยวด้วย” เฮ่อหลานรู้ชัดว่าตัวเองผิดเธอจึงกำลังจะขอโทษอีกครั้ง แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีใครมาเรียกเธอที่ข้างหลัง
“เฮ่อหลาน…”
ถังเจี้ยนกั๋วเรียกออกมาด้วยความไม่แน่ใจ
เมื่อเฮ่อหลานหันกลับมา เขาก็ตระหนักว่าเขาไม่ได้จำคนผิด ผู้หญิงในชุดสีน้ำตาลที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเฮ่อหลานจริง ๆ เธอไม่ได้ซีดเซียวและผอมแห้งอีกต่อไป แต่เธอกลับขาวขึ้น อวบขึ้นและสวยขึ้น ราวกับว่าเธอได้กลับมาดูอ่อนเยาว์และสวยงาม
“คุณ…”
ถังเจี้ยนกั๋วจ้องมองที่เฮ่อหลานด้วยความงุนงง ไม่ได้สติอยู่ชั่วครู่
เมื่อแม่ม่ายหลิวเห็นเฮ่อหลาน ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเช่นกัน ผู้หญิงหน้าเหลืองคนนี้กลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร ถ้าถังเจี้ยนกั๋วไม่เรียก เธอก็จะไม่มีทางที่จะคิดว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นเฮ่อหลานได้เลย มันราวกับเป็นคนละคน
จากนั้นแม่ม่ายหลิวก็สังเกตเห็นชายที่อยู่ถัดจากเฮ่อหลาน
ชายผู้นั้นสูง ขายาวและหล่อเหลา ดูเหมือนว่าเขาจะอายุสามสิบต้น ๆ และท่าทางของเขาก็สง่างามยิ่งกว่า คนเช่นนี้จะเดินอยู่กับเฮ่อหลานได้อย่างไร?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ดวงตาของแม่ม่ายหลิวก็เต็มไปด้วยความริษยา
ถังเจี้ยนกั๋วก็สังเกตเห็นจิงเจ้อหรงเช่นกัน
เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าและรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกต่ำต้อยจากก้นบึ้งของหัวใจ คนเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกับพวกเขาเลย
แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าเฮ่อหลานเดินกับผู้ชายได้อย่างไร
“เฮ่อหลาน นังแพศยาสารเลว กล้าดียังไงมาเล่นกับผู้ชายคนอื่น”
จิงเจ้อหรงขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดหยาบคาย และในขณะเดียวกันก็เดาตัวตนของคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าเขาได้ “คุณถัง โปรดระวังคำพูดด้วย” ในตอนท้ายของคำพูด เขามองไปที่แม่ม่ายหลิวด้วยท่าทางสุขุม แต่ก็มีประกายวูบวาบที่แววตา
แม้ว่าคนของเขาจะไม่พบที่อยู่ของถังซวง แต่พวกเขาก็ค้นพบอย่างอื่น
เขารู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของถังซวง ถังชุนหยานก็หายตัวไปเช่นกัน เธอได้ติดตามแม่ม่ายหลิวและเอ้อไหลจื่อมาที่ตำบล ดังนั้นเขาจึงส่งคนไปตรวจสอบเอ้อไหลจื่อและแม่ม่ายหลิวที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งสองคนนี้อาจมีส่วนร่วม
เฮ่อหลานรู้สึกประหลาดใจที่จิงเจ้อหรงรู้จักถังเจี้ยนกั๋ว แต่เธอไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอแค่มองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วพร้อมกับความรังเกียจบนใบหน้า “ถังเจี้ยนกั๋ว ช่วยพูดจาให้สุภาพหน่อย ถ้าคุณพูดจาแบบนั้นอีก ก็ระวังฉันจะฟ้องข้อหาดูหมิ่นนะ อีกอย่าง ฉันหย่ากับคุณนานแล้ว ฉันจะอยู่กับใครก็ได้ ไม่ใช่เรื่องของคุณ คุณมีสิทธิ์อะไรมาถามฉันเกี่ยวกับเรื่องของฉันไม่ทราบ?”
นับตั้งแต่ที่ถังเจี้ยนกั๋วและแม่เฒ่าถังต้องการขายซวงเอ๋อร์ให้กับพ่อม่ายหลี่ฆาตกร เธอก็มีแต่ความเกลียดชังต่อตระกูลถังและถังเจี้ยนกั๋วอยู่ในใจ
แต่ในไม่ช้า เฮ่อหลานก็ตระหนักว่าสิ่งที่เธอเพิ่งพูดนั้นไม่เหมาะสม
คำพูดอาจจะทำให้ผู้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับจิงเจ้อหรง
จิงเจ้อหรงแตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง เธอไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของจิงเจ้อหรงได้เพราะความสัมพันธ์ของเธอ
เมื่อเฮ่อหลานกำลังจะอธิบาย แม่ม่ายหลิวก็มองไปที่จิงเจ้อหรงแล้วพูดว่า “คุณคะ เมื่อกี้คุณก็ได้ยินแล้ว ผู้หญิงข้าง ๆ คุณเคยหย่าร้างแล้ว และเธอก็เป็นแม่ไก่ที่ออกไข่ไม่ได้ด้วย มีลูกสาวสองคน แต่ไม่มีลูกชาย ตาสว่างได้แล้วค่ะ อย่าหลงกลผู้หญิงคนนี้นะคะ”
ในตอนท้าย แม่ม่ายหลิวก็เปล่งเสียงของเธอให้ดังยิ่งขึ้น ก่อนจะตะโกนไปรอบ ๆ “ทุกคน มาดูสิ ผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้อายุเกือบสี่สิบปีแล้ว แต่กำลังล่อลวงผู้ชายที่อายุน้อยกว่า ไม่รู้ว่าเธอปกปิดเรื่องในอดีตตัวเองได้ยังไง ทุกคนควรลืมตาดูให้ดีนะ”
เฮ่อหลานไม่คาดคิดว่าแม่ม่ายหลิวจะไร้ยางอายถึงขนาดกล้าตะโกนเสียงดังในโรงพยาบาล “แม่ม่ายหลิว เธอ…”
แต่ก่อนที่เฮ่อหลานจะพูดจบ จิงเจ้อหรงที่อยู่ด้านข้างก็เข้าร่วมการสนทนาเสียก่อน
“คุณผู้หญิง ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณเฮ่อ ไม่มีการหลอกลวงใด ๆ ครับ ยิ่งไปกว่านั้นคุณเฮ่อยังทำงานหนักและพยายามพัฒนาตนเอง เป็นผู้หญิงที่สามารถยกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่ง*[1] เธอมีค่าควรแก่การเรียนรู้จากพวกเราทุกคน ส่วนคุณ…”
จิงเจ้อหรงมองตรงไปที่แม่ม่ายหลิว
“คุณเป็นม่ายล่อลวงผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ทำให้เกิดการหย่าร้างยังพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผู้คนอีก ผมคิดว่าคุณนั่นแหละคือคนที่ไร้ยางอาย”
เฮ่อหลานไม่เคยคาดหวังว่าจิงเจ้อหรงจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นและช่วยเธอต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เธอมองเขาอย่างอึ้ง ๆ รู้สึกว่าผู้นำระดับสูงคนนี้ดูเหมือนจะใกล้ชิดกับผู้คนมาก
“บ้าบอสิ้นดี เห็นอยู่ว่า…”
“ถังเจี้ยนกั๋ว คุณจะรังแกแม่ของฉันอีกแล้วใช่ไหม?”
ถังซวงเข้ามาเห็นตอนถังเจี้ยนกั๋วโมโหพอดี เธอจึงรีบวิ่งไปอยู่หน้าเฮ่อหลาน จากนั้นก็มองไปที่ถังเจี้ยนกั๋วและแม่ม่ายหลิวด้วยสายตาเย็นชา “อย่าคิดว่ารังแกเราสามแม่ลูกได้อีก ถ้ายังไม่ไสหัวไป ก็อย่าโทษฉันที่เปิดเผย ‘เรื่องดี ๆ’ ของคุณแล้วปล่อยให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นกันเองนะ”
พูดจบ ถังซวงก็มองตรงไปที่แม่ม่ายหลิว
[1] ผู้หญิงที่สามารถยกท้องฟ้าได้ครึ่งหนึ่ง สื่อถึงความเสมอภาคระหว่างชายหญิง ทุกเพศต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบไม่น้อยไปกว่ากัน