บทที่ 82 เสียใจ(รีไรท์)
บทที่ 82 เสียใจ(รีไรท์)
ผู้คนในหมู่บ้านเถาฮวาต่างตระหนักถึงความสำคัญของการอ่านขึ้นมาทันที
ด้านถังซวงที่สาธิตวิธีขับเครื่องจักรให้ทุกคนดู ก็ได้ให้หลิวเหลียงไคออกไปลองทำด้วยตนเอง แม้จะภายใต้การแนะนำของถังซวง เขายังใช้มันอย่างติดขัดไปบ้าง แต่หลังจากที่เขาเก็บเกี่ยวข้าวเป็นบริเวณกว้างด้วยรถเกี่ยวข้าวไปไม่นาน จากเดิมที่ในใจเต็มไปด้วยความสับสนและไม่คุ้นชิน ตอนนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและตื่นเต้น
“คุณลุงขับเก่งแล้ว ถ้าชาวบ้านอยากเรียน คุณลุงก็สอนเองได้เลยนะคะ”
ถังซวงรู้สึกว่าหลิวเหลียงไคเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี เด็กสาวมองมาที่เขาอีกครั้ง “คุณลุงคะ ในเมื่อรถเก็บเกี่ยวเป็นของหมู่บ้าน และคุณลุงก็รู้วิธีใช้งานแล้ว งั้นเรากลับไปก่อนนะคะ”
หลิวเหลียงไครีบหยุดถังซวงไว้ “กลับไปหลังอาหารเย็นสิ เดี๋ยวฉันจะพาพวกเธอกลับไปในตัวหมู่บ้านด้วยรถไถของหมู่บ้านเอง”
ถังซวงเพิ่งมอบเครื่องจักรขั้นสูงดังกล่าวให้กับหมู่บ้านของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้พวกเธอกลับไปในขณะท้องว่างได้
ในเวลานี้ รองหัวหน้าหมู่บ้าน เฉียนหม่านชังยังกล่าวอีกว่า “ใช่ ๆ สาวน้อยถังซวง เธอทำเพื่อหมู่บ้านของเรามากขนาดนี้ แค่ขอบคุณมันไม่พอหรอก ยังไงก็ให้เราได้เลี้ยงอาหารดี ๆ เธอเถอะ” จากนั้นเขาก็มองไปที่โม่เจ๋อหยวน และพูดว่า “สหายโม่ เราเองก็อยากจะขอบคุณนายมากเช่นกันนะ”
ในที่สุด หลี่จงอี้ก็ตัดสินใจและพูดว่า “งั้นเราค่อยกลับหลังจากกินข้าวเสร็จเถอะ”
เมื่อเห็นว่าถังซวงและคนอื่น ๆ ยินดีที่จะอยู่ต่อ หลิวเหลียงไคก็ขอให้ครอบครัวของเขาเตรียมอาหารทันที ทุกคนจึงไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อทานอาหารเย็น
แม้จะยุ่งมาก แต่หลิวเหลียงไค และคนอื่น ๆ ยังคงพูดคุยกับพวกถังซวง ในเวลานี้ทุกคนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหลี่จงอี้และถังซวงแล้ว ซี่งทุกคนล้วนยิ้มและแสดงความยินดีกับพวกเขา
“หลานสาวทั้งสองของคุณฉลาดทั้งคู่ พวกเธอจะต้องมีอนาคตที่สดใสแน่”
“ใช่ แค่ฉันมองไปที่ถังซวง ฉันก็รู้สึกภูมิใจมาก”
“นั่นสิ ถังเซวี่ยเองก็ไม่เลวเลย”
ทุกคนพูดคุยกับหลี่จงอี้ด้วยรอยยิ้ม ในเวลาเดียวกัน ทุกคนก็อยากรู้มากว่าเขากลายเป็นปู่ของถังซวงและถังเซวี่ยได้อย่างไร เพราะปู่ที่แท้จริงของเด็กสาวทั้งสองก็ยังคงอยู่ในหมู่บ้านหลู่ฮวา
ในเวลานี้ทุกคนรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
ตระกูลถังดูถูกสามแม่ลูกมาก และตอนนี้พวกเขาก็ได้รับผลที่ตามมาแล้ว ถ้าพวกเขารู้ว่าหลานสาวทั้งสองมีความสามารถขนาดนี้จะนึกเสียใจขึ้นมาบ้างหรือเปล่า?
ไม่ว่าทุกคนจะคิดอย่างไร พวกเขาก็ยินดีกับหลี่จงอี้และเฮ่อหลานด้วยจริง ๆ และนอกจากนี้พวกชาวบ้านยังสนใจในตัวโม่เจ๋อหยวนมาก ก่อนหน้านี้หลายคนสงสัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโม่เจ๋อหยวนและครอบครัวของถังซวงมานานแล้ว และหลังจากรู้แล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนพัฒนาเครื่องเก็บเกี่ยว พวกเขาก็ยิ่งให้ความสนใจเขามากขึ้นไปอีก
โม่เจ๋อหยวนที่รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงรีบไปนั่งข้าง ๆ ถังซวง
เมื่อถังซวงเห็นโม่เจ๋อหยวนกำลังหวาดกลัวเหล่ามนุษย์ป้าทั้งหลาย เธอก็หัวเราะออกมาด้วยความสงสารพี่โม่ของเธอ
เมื่อเห็นถังซวงหัวเราะ โมเจ๋อหยวนก็จ้องมองเธออย่างงุนงงและโน้มตัวเข้าไปกระซิบใกล้ใบหูของเด็กสาว “เธอยังหัวเราะฉันได้อีกนะ ฉันคิดว่าคุณป้าพวกนี้จะกินฉันอยู่แล้ว เธอต้องรีบห้ามพวกเขาสิ”
ในขณะที่เด็กหนุ่มพูด ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมากเสียจนถังซวงรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนของโม่เจ๋อหยวนที่ใบหู ทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้ที่คอและหูของเธอก็แดงอย่างไม่รู้ตัว
ในตอนแรก โม่เจ๋อหยวนไม่ได้ให้ความสนใจ แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นปลายหูที่แดงของถังซวง เขาก็รู้ว่าเขาอยู่ใกล้เกินไป
หากแต่เด็กหนุ่มยังคงมองไปที่ถังซวงอยู่อย่างนั้นไม่ขยับเขยื้อนไปไหน และอยู่ใกล้มากจนกระทั่งเสียงของถังซวงดังขึ้น เขาจึงค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นและถอยห่างออกไปเล็กน้อย แต่ในใจนั้นก็ยังรู้สึกเสียดาย…
ถังซวงพยายามระงับความรู้สึกในใจ เธอแค่คิดว่าบางทีพวกเขาสองคนอาจใกล้กันเกินไป นั่นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอใจสั่นระรัวแบบนี้ “เอ่อ… ไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยกันคุณป้าเหล่านั้นออกไปให้เอง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็หัวเราะออกมา
“ได้ งั้นเธอก็ปกป้องฉันด้วยนะ”
พวกเขาสองคนอาจจะไม่รู้ตัว แต่คนอื่น ๆ ที่มองดูอยู่ กลับคิดเพียงว่าสองคนนั้นสวยงามราวกับภาพวาด ฝ่ายชายก็หล่อเหลา ฝ่ายหญิงก็สวยหยดย้อย ส่วนสูงก็ใกล้เคียงกัน พอยืนข้างกันแล้วช่างเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก
คุณป้าทั้งหลายที่จ้องมองโม่เจ๋อหยวนราวกับจะกินเขาจู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าถูกน้ำเย็นสาดใส่
แม้พวกคุณป้าจะคิดว่าลูกสาวที่บ้านของตัวเองหน้าตาพอไปวัดไปวา แต่เมื่อเทียบกับถังซวงแล้ว ก็ทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น ถังซวงในตอนนี้นั้นสวยกว่าตอนที่เฮ่อหลานยังเด็กเสียอีก
เมื่อทุกคนมาถึงบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน หลายคนก็อยู่ช่วยและบางคนก็กลับบ้าน ท้ายที่สุดบ้านของหลิวเหลียงไคก็ไม่ได้ใหญ่มากนักที่จะจุคนมากมาย
หลังจากที่อู๋จวนนำผู้หญิงหลายคนมาช่วยเตรียมอาหาร หลิวเหลียงไคและเฉียนหม่านชังรีบต้อนรับโม่เจ๋อหยวนและถังซวงให้ทานอาหารและดื่ม แต่โม่เจ๋อหยวนไม่ดื่ม ดังนั้นพวกเขาจึงดื่มกับหลี่จงอี้แทน
และวันนี้หลี่จงอี้ก็มีความสุขมากเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงดื่มกับผู้คนมากมาย แต่พวกเขาต้องกลับเข้าตำบลในวันนี้ ดังนั้นเขาจึงได้ดื่มไม่มากนัก
เจ้าภาพและแขกต่างเพลิดเพลินกับอาหาร และในที่สุดหลิวเหลียงไคก็ขับรถไถพาทุกคนไปที่ตำบลเป็นการส่วนตัว
ในวันรุ่งขึ้น โม่เจ๋อหยวนยังคงไปที่โรงงานเครื่องจักร เขาต้องช่วยผลิตรถเกี่ยวข้าวอีก และเมื่อหูจื่อเฉียงเห็นโม่เจ๋อหยวน ก็ราวกับว่าเขากำลังมองลูกชายสุดที่รัก และคิดอยากลักพาตัวเด็กหนุ่มมาทำงานที่โรงงานนี่เสียจริง ๆ
ส่วนจิงเจ้อหรงได้ส่งรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาอย่างรวดเร็วโดยกล่าวถึงโม่เจ๋อหยวนเป็นสำคัญ สำหรับถังซวง เขาได้เขียนถึงเธอสองสามประโยคเพื่อดูว่าผู้บังคับบัญชาจะให้รางวัลสำหรับโม่เจ๋อหยวน และคนอื่น ๆ หรือไม่
รถเก็บเกี่ยวกำลังได้รับความนิยม และหมู่บ้านเถาฮวาได้เก็บเกี่ยวข้าวในหมู่บ้านทั้งหมดด้วยรถเก็บเกี่ยวคันแรกแล้ว ซึ่งปกติจะใช้เวลาหลายวันกว่าจะเสร็จภารกิจการเก็บเกี่ยว แต่ตอนนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น ทุกคนจึงเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงประโยชน์ของรถเกี่ยวข้าวมากขึ้น
ตอนนี้ข่าวรถเกี่ยวข้าวในหมู่บ้านเถาฮวาแพร่กระจายไปทั่วชุมชน และในขณะเดียวกัน ชื่อของโม่เจ๋อหยวนและถังซวงก็แพร่กระจายไปด้วย
เมื่อตระกูลถังรู้เรื่องนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นอมทุกข์
ผู้คนในหมู่บ้านหลู่ฮวาอดไม่ได้ที่จะต่อว่าเมื่อเห็นตระกูลถัง
“พวกเขาเป็นคนขับไล่สามแม่ลูกอย่างเฮ่อหลานออกไป ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ถังซวงกลับได้ดี แถมหมู่บ้านเถาฮวายังพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่คิดถึงหมู่บ้านหลู่ฮวาของเราแล้ว”
“ใช่แล้ว ทุกวันนี้เราเหนื่อยมากกับการเกี่ยวข้าว ถ้าเรามีรถเกี่ยว เราก็สามารถเกี่ยวข้าวในหมู่บ้านได้หมดในครึ่งวันแล้ว”
“ถังเจี้ยนกั๋วไม่มีความเป็นมนุษย์เลยจริง ๆ”
เมื่อแม่เฒ่าถังได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เธอก็ด่ากลับไปสองสามครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายคนซึ่งทนไม่ได้และด่ากลับมาเช่นกัน จนคำด่าทอของแม่เฒ่าถังถูกกลบหายไป ดังนั้นทันทีที่กลับถึงบ้าน เธอจึงคิดหาวิธีที่จะจัดการแม่ม่ายหลิว ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ม่ายหลิว คงไม่เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้
แม้แต่ถังเจี้ยนกั๋วก็มองแม่ม่ายหลิวแย่ลงเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าแม่ม่ายหลิวกำลังตั้งท้องลูกชาย แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาถูกภรรยาสวมเขาหรือเปล่า
“เอะอะอะไรกันได้ทุกวัน คิดว่าบ้านนี้ยังวุ่นวายไม่พออีกหรือ?”
แม้ว่าตระกูลถังจะแยกบ้านกัน แต่ทั้งครอบครัวก็ยังอยู่ด้วยกันอยู่ดี และเนื่องจากพวกเขาไม่มีอะไรยาไส้ ครอบครัวจึงยังคงอยู่ในภาวะคับขัน
แต่คราวนี้พ่อเฒ่าถังถึงกับดุด่าแม่เฒ่าถัง
“นังเฒ่า ถ้าไม่ใช่เพราะเธอไปปฏิบัติต่อหลานสาวอย่างเลวร้ายแบบนั้น ถังซวงก็คงไม่ตัดความสัมพันธ์กับเราอย่างที่เป็นอยู่จนถึงตอนนี้หรอก”
เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยจะมีอนาคตเช่นนี้เลยสักนิด