การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 92 ปฏิเสธคำเชิญจากโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ(รีไรท์)

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 92 ปฏิเสธคำเชิญจากโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ(รีไรท์)

บทที่ 92 ปฏิเสธคำเชิญจากโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ(รีไรท์)

หลังจากถ่ายรูปเสร็จ นักเรียนที่ได้รับรางวัลทุกคนก็ลงไป

ฮั่วไห่เหล่ยตื่นเต้นมากจนพูดไม่ออก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตบไหล่ของโม่เจ๋อหยวนอย่างแรง จากนั้นมองไปที่ถังซวงอย่างตื่นเต้นและพูดว่า “ถังซวง เธอน่าทึ่งจริง ๆ น่าทึ่งมาก ๆ เธอได้รับรางวัลจริง ๆ เธอได้ที่หนึ่ง! เธอสองคนทำให้โรงเรียนของเรามีหน้ามีตา เยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมจริง ๆ”

เดิมทีปกติฮั่วไห่เหล่ยก็อยู่ในเกณฑ์ที่พูดเยอะอยู่แล้ว แต่วันนี้เขาพูดคำสองสามคำซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะไม่รู้ว่าจะแสดงความตื่นเต้นอย่างไร

เฉิงหยวนหยวนมองไปที่ใบรับรองในมือของถังซวง การแสดงออกของเธอดูอึดอัดอย่างอธิบายไม่ถูก เธอไม่อยากเชื่อและอิจฉาอยู่หน่อย ๆ ถังซวงคนนี้เป็นเพียงเด็กใหม่ในโรงเรียนมัธยม ทำไมเธอถึงได้ที่หนึ่ง แต่กระดาษข้อสอบเหล่านี้ล้วนมาจากอำเภอ อาจารย์ของโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอตรวจสอบอย่างถูกต้องแล้ว ทำให้เธอตระหนักได้ว่าถังซวงได้อันดับหนึ่งจริง ๆ แต่ถึงยังไงเธอก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ

เหว่ยชวนไม่ได้คิดมาก เขาแค่มองไปที่ถังซวงอย่างชื่นชม “เพื่อนร่วมชั้นถัง เธอเก่งเกินไปแล้ว เธอเอาชนะคนจากโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอได้ และยังได้ที่หนึ่งอีก มันน่าทึ่งมาก ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่ารางวัลครั้งนี้คืออะไร เราขอดูด้วยได้ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็เปิดซองออกทันที

เมื่อเธอเห็นของข้างใน เธอก็ผงะไปชั่วครู่ แม้เธอจะไม่คาดหวังว่าจะมีรางวัลมากมายสำหรับที่หนึ่งในการแข่งขันคณิตศาสตร์ แต่ภายในก็มีคูปองหลายใบ และเงินจำนวนหนึ่งร้อยหยวน อีกทั้งยังมีบัตรกำนัลจักรเย็บผ้าด้วย

แม้ว่าฐานะครอบครัวของเฉิงหยวนหยวนจะดี แต่เธอไม่เคยมีเงินมากขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นความอิจฉาในใจของเธอจึงเพิ่มมากขึ้น และพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า “ถังซวงมีเงินมากขนาดนี้ งั้นเธอก็ควรจะชวนเราไปกินอาหารเย็นหรือเปล่า?”

แม้ว่าคนอื่น ๆ จะตกใจเล็กน้อย และรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่สมควร พวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ

ส่วนโม่เจ๋อหยวนที่ได้ยินอย่างนั้นก็มองเฉิงหยวนหยวนด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “ฉันก็ชนะที่หนึ่ง ในเมื่อเธออยากให้เลี้ยง งั้นฉันก็เชิญเธอแล้วกัน เราจะให้ซวงเอ๋อร์ที่อายุน้อยกว่าเป็นคนเลี้ยงได้ยังไง? ไปกันเถอะ เรากลับกันก่อน แล้วเมื่อกลับไปถึง ฉันจะเลี้ยงอาหารเย็นเอง”

“ฉัน… ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น…”

เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของโม่เจ๋อหยวน เฉิงหยวนหยวนก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เธอพูดไปเมื่อกี้ไม่เหมาะสม เธอไม่เคยคิดที่จะให้โม่เจ๋อหยวนเชิญพวกเขาทั้งหมดไปทานอาหารเย็นเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะสายเกินไปที่จะพูดแก้ตัว

และสุดท้าย ฮั่วไห่เหล่ยก็พูดจากด้านข้างว่า “จะไม่มีนักเรียนเชิญใครเลี้ยงอาหารเย็นทั้งนั้น ไปกันเถอะ ตอนกลับไปถึงในตำบล อาจารย์จะเชิญพวกเธอไปเลี้ยงอาหารเย็นเอง ถือซะว่าเป็นงานฉลองสำหรับนักเรียนโม่และนักเรียนถังแล้วกัน กลับกันเถอะ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ฮั่วไห่เหล่ยพูด เฉิงหยวนหยวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และก็ก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้น ขอบคุณนะคะอาจารย์ฮั่ว”

ฮั่วไห่เหล่ยยิ้มและไม่พูดอะไรมาก เขาวางแผนที่จะพานักเรียนกลับไปที่ตำบลโฮวซานโดยเร็วที่สุด

แต่ก่อนที่พวกเขาจะขึ้นรถ อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอก็ตรงเข้ามา “คุณฮั่ว เราขอแสดงความยินดีกับโรงเรียนมัธยมประจำตำบลของคุณด้วยนะครับ ครั้งนี้ได้รางวัลชนะเลิศทั้งกลุ่มมัธยมต้นและมัธยมปลายเลย”

แม้ว่าจะมีนักเรียนสี่คนจากโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอของพวกเขาได้รับรางวัล แต่ก็ล้วนเป็นรางวัลอันดับที่สองและสาม รางวัลอันดับที่หนึ่งของทั้งสองระดับถูกโรงเรียนมัธยมประจำตำบลคว้าไป ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงรู้สึกละอายใจเล็กน้อย แต่เมื่อเขานึกถึงความสามารถของโม่เจ๋อหยวน เขารู้ได้ในทันทีว่าเด็กคนนั้นชนะที่หนึ่งในกลุ่มโรงเรียนมัธยมปลายได้โดยไร้ข้อกังขา สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือโรงเรียนมัธยมประจำตำบลได้ผลิตนักเรียนที่โดดเด่นอย่างไม่คาดคิด ถังซวงเป็นแค่เด็กใหม่ในชั้นมัธยมต้นเท่านั้น น่าจับตามองจริง ๆ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอมองตรงไปที่ถังซวงและถามว่า “นักเรียนถัง เธอสนใจที่จะมาโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอของเราไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮั่วไห่เหล่ยก็ตกตะลึง และมองไปที่ถังซวงทันที เพราะกลัวว่าเธอจะไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจได้ เพราะยังไงอาจารย์ของโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอก็ต้องดีกว่าโรงเรียนมัธยมประจำตำบลอยู่แล้ว

แต่ไม่มีใครคาดคิด ถังซวงปฏิเสธโดยไม่ลังเลสักนิด

“ขอบคุณสำหรับความกรุณานะคะ แต่ฉันไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนโรงเรียนน่ะค่ะ โรงเรียนมัธยมประจำตำบลของเราก็ค่อนข้างดีอยู่แล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฮั่วไห่เหล่ยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และคิดว่าอีกฝ่ายจะถามโม่เจ๋อหยวนด้วย ดังนั้นจึงรีบพูดขัดก่อนที่อีกฝ่ายจะเปิดปาก “อาจารย์ใหญ่ถานครับ พอดีเรายังมีบางอย่างที่ต้องทำ ถ้ายังไงพวกเราขอตัวก่อนนะครับ” ขณะที่พูด เขาก็รีบนำถังซวงและโม่เจ๋อหยวนไปที่รถทันที “เสี่ยวจาง รีบออกรถเร็ว”

เมื่อเห็นฮั่วไห่เหล่ยรีบร้อน แม้ว่าเสี่ยวจางจะงงงวย เขาก็ไม่ได้ถามอะไรและขับรถออกไปทันที

เมื่อกลับมาถึงตำบล ฮั่วไห่เหล่ยก็ทำตามสัญญา เชิญนักเรียนทั้งหกคนไปรับประทานอาหารเย็น และส่งพวกเขากลับบ้านทีละคน

และตอนนี้ก็ดึกแล้ว แต่ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนเพิ่งกลับมาถึงบ้าน

เมื่อเห็นทั้งสองกลับมา หลี่จงอี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “พวกเธอกลับมาสักที ฉันคิดว่าวันนี้พวกเธอจะไม่กลับซะแล้ว”

ถังเซวี่ยที่เห็นทั้งสองกลับมาก็วิ่งไปหาอย่างตื่นเต้น และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง

และสุดท้าย ถังเซวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะถามอย่างมีความหวังว่า “พี่สาว พี่ชายโม่ พวกพี่ได้รางวัลหรือเปล่า?”

“แน่นอน… เราได้…”

แม้จะอยากแกล้งน้องสาวมากแค่ไหน ถังซวงก็ทำไม่ได้

เมื่อถังเซวี่ยได้ยิน เธอก็รีบถามว่า “ว้าว… ได้ที่เท่าไหร่หรือ?”

“แน่นอนว่าเป็นอันดับหนึ่ง”

“โห… พี่สาว พี่ชายโม่ ทำไมเก่งกันขนาดนี้ล่ะ?”

แม้แต่หลี่จงอี้ก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดี… ดี พรุ่งนี้ฉันจะไปซื้อของแต่เช้า และทำอาหารดี ๆ ให้เธอสองคนได้ฉลองกันนะ”

ทั้งถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนต่างยิ้มดีใจและพยักหน้า

หลังจากครุ่นคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงกับเงินก้อนนี้ ในที่สุดถังซวงก็ตัดสินใจได้ เธอจะซื้อจักรเย็บผ้าให้แม่ของเธอ

“พี่สาว แม่จะต้องดีใจมากแน่ที่ได้เห็นจักรเย็บผ้า และแม่จะยิ่งมีความสุขไปอีกเมื่อรู้ว่านี่คือรางวัลที่พี่ได้มาจากการคว้าอันดับที่หนึ่ง”

ถังซวงได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะและพูดว่า “ตราบใดที่แม่มีความสุขก็ดีแล้ว”

โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำจากด้านข้าง “ซวงเอ๋อร์ ทำไมไม่ให้ฉันช่วยซื้อจักรเย็บผ้าด้วยล่ะ? ป้าหลานเองก็คอยดูแลฉันมาตลอด และฉันก็ได้รับรางวัลที่หนึ่งมาด้วย ดังนั้นเราซื้อด้วยกันเถอะ”

ถังซวงส่ายหัวปฏิเสธทันที

“ไม่เป็นไร นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันใช้รางวัลที่ได้รับจากการเรียนไปซื้อของให้แม่น่ะ เพราะงั้นไม่รบกวนพี่ดีกว่า”

เมื่อเห็นว่าถังซวงพูดแบบนั้น โม่เจ๋อหยวนก็ไม่พูดอะไรอีก

ในวันที่สอง หลี่จงอี้ซื้ออาหารมื้อใหญ่เพื่อมาเลี้ยงฉลองถังซวงกับโม่เจ๋อหยวน และในตอนบ่ายโม่เจ๋อหยวนกับถังซวงก็ไปที่อำเภออีกครั้ง

รถเก็บเกี่ยวชุดแรกในโรงงานเครื่องจักรได้ผลิตเสร็จแล้ว โม่เจ๋อหยวนจึงต้องไปตรวจสอบทั้งหมด ดังนั้นพรุ่งนี้จึงเป็นวันที่พวกมันจะออกจากโรงงานอย่างเป็นทางการ ซึ่งถังซวงเองก็สัญญาว่าจะให้รถเก็บเกี่ยวกับหมู่บ้านหลู่ฮวา ดังนั้นเธอจึงปฏิบัติตามขั้นตอน และซื้อมันในราคาพิเศษ

เมื่อทั้งสองมาถึงโรงงานเครื่องจักร หูจื่อเฉียงก็รอพวกเขาอยู่ข้างนอกเป็นการส่วนตัว

“สหายโม่ สหายเสี่ยวถัง พวกเธอมาแล้ว เข้ามาเร็ว”

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยเธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣]ผู้แต่ง:钰儿เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท