บทที่ 106 การสอบสวน
บทที่ 106 การสอบสวน
เมื่อทั้งสองได้ยินอย่างนั้น พวกเขาส่ายหัวปฏิเสธอย่างแรงและพูดด้วยใบหน้ากระวนกระวายว่า “เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเธอคือใคร ที่แม่ของเธอหายตัวไปมันไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย”
แต่แล้วก็ตระหนักว่าพวกเขาพูดมากเกินไปแล้ว คนเหล่านี้กำลังมองหาแม่ของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
ถังซวงหยิบเข็มออกมาสองสามเล่มด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า “โอ้… จริงหรือ? แล้วแกมาจับตาดูพวกเราทำไม?”
“เรา… เราแค่ดูอะไรเรื่อยเปื่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา “ในเมื่อพูดด้วยดี ๆ แล้วไม่ฟัง ก็คงต้องใช้กำลังบังคับสินะ” จากนั้นเธอก็แทงเข็มเงินที่สองคนตรงหน้า
“อ๊ากก… อ๊ากก… เธอ… เธอทำอะไรพวกเรา!?”
“ไม่มีอะไรมาก ฉันก็แค่อยากให้พวกแกพูดความจริง เอาล่ะ พูดออกมาเลย พวกแกไปทำอะไรอยู่ที่นั่น?” ถังซวงมองไปที่คนสองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก แต่ในใจกลับร้อนรนเป็นอย่างมาก “ฉันไม่ได้มีความอดทนมากนะ ถ้าแกไม่พูดความจริง ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะให้พวกแกนั่งรถเล่นหรอกนะ”
“เธอ…”
เมื่อเห็นท่าทีที่เย็นชาและไร้ความปรานีของถังซวง ทั้งสองก็รู้สึกได้ทันทีว่าเธอไม่ได้พูดเล่น เด็กสาวที่อยู่ข้างหน้าแม้จะยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่การกระทำของเธอโหดร้ายมาก ครั้งนี้พวกเขาตัดสินเธอผิดจริง ๆ
เมื่อลูกน้องของพานฮั่วเห็นสิ่งนี้ ก็ไม่อยากจะเชื่อในสายตาตัวเอง
ตอนแรกพวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น แต่เมื่อเห็นสิ่งที่เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าทำแบบนี้ ทุกคนก็ต่างตกตะลึง เธอทำมันได้อย่างไร? และเมื่อเห็นท่าทางที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง มันก็ทำให้ใครหลายคนหวาดหวั่นขึ้นมาจริง ๆ
เมื่อไม่เหลือทางเลือก ชายที่ถูกสอบสวนทั้งสองก็สารภาพ
“เรา… เรากำลังตามหาจิงเจ้อหรง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของถังซวงก็มืดมนทันที “แกมาที่นี่เพื่อตามหาคุณจิง? ทำไม? แล้วที่เขาหายไป เกี่ยวกับพวกแกหรือเปล่า?”
“ไม่… ไม่แน่นอน… คนของเราก็ตามหาเขาเหมือนกัน”
“แล้วทำไมถึงตามหาเขา?” ถังซวงไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้จะเป็นพวกพานฮั่ว เพราะดูท่าทางแล้วพวกนี้ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
เมื่อเห็นว่าทั้งสองเงียบไป ถังซวงก็คลำหาเข็มเงินของเธออีกครั้งแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าแกสองคนจะยังไม่อยากพูดสินะ”
“ไม่… เราบอก… เราจะบอก…”
พวกเขาทนความเจ็บปวดไม่ได้แล้ว ถ้ามากกว่านี้จะไม่ตายหรือไง “เรา… จุดประสงค์ของเราคือทำให้จิงเจ้อหรงหายไปจากโลกนี้ ให้เขา… ให้เขาอยู่ในเมืองซูไม่ได้”
“หะ…”
คนของพานฮั่วทุกคนอ้าปากค้าง มีคนต่อต้านจิงเจ้อหรงอยู่จริง ๆ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับจิงเจ้อหรงตอนที่เขาอยู่ที่เมืองซูล่ะก็ เรื่องมันจะไม่วุ่นวายไปกันใหญ่หรือ “สหายถังเร็วเข้า! ถามว่าพวกมันเป็นใคร แล้วยังมีอีกกี่คน”
ถังซวงก็ต้องการถามคำถามเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงมองไปที่ทั้งสองคนแล้วพูดขึ้นถามอย่างเย็นชา “งั้นเรามาคุยกันเรื่องของพวกแกกันต่อเถอะ”
“เราไม่รู้ เราไม่รู้จริง ๆ”
เมื่อพูดจบ ทั้งสองก็ดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด ส่ายหัวอย่างแรงพร้อมกันและพูดว่า “เราเป็นแค่ลูกน้องปลายแถวที่มีหน้าที่ตามหาคนเท่านั้น ไม่รู้เกี่ยวกับคนอื่นจริง ๆ ได้โปรดปล่อยเราไปเถอะ”
เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของถังซวงก็เคร่งเครียด
ดูเหมือนสองคนนี้ไม่รู้อะไรจริง ๆ
เธอแตะตัวทั้งสองคนอย่างไม่เต็มใจ ไม่นานพวกเขาก็เงียบไปทันที “ดูนี่ พวกแกเคยเห็นคนในรูปไหม?” รูปนี้ถังเซวี่ยมอบให้เธอก่อนออกเดินทาง มันเป็นรูปของแม่ ที่ทั้งสามคนไปถ่ายด้วยกัน
เมื่อทั้งสองเห็นรูปของเฮ่อหลาน ดวงตาของพวกเขาก็กะพริบปริบ ๆ จากนั้นก็ก้มหัวลงทันที
ถังซวงยังคงสังเกตการแสดงออกของทั้งสองคนอย่างไม่ให้คลาดสายตา เธอมองพวกเขาออกอย่างเฉียบขาด “พวกแกกำลังโกหก พวกแกเคยเห็นแม่ของฉันสินะ”
เมื่อนึกถึงวิธีการเค้นคำตอบถังซวง จู่ ๆ ทั้งสองคนก็พูดขึ้นมาอย่างหวาดกลัว
“ใช่ ๆ เราเคยเจอ ตอนนั้นคนในรูปอยู่กับจิงเจ้อหรง”
เมื่อถังซวงได้ยินดังนั้น แววตาของเธอก็แสดงความถึงโล่งอก “แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหน?”
“เรา… เราไม่รู้จริง ๆ หลังจากที่จิงเจ้อหรงหลบหนีไป เราก็ตามหาเขาอยู่เหมือนกัน”
“ถ้าอย่างนั้น แม่ของฉันอยู่กับคุณจิงจริง ๆ สินะ”
ทั้งสองพยักหน้าอย่างเร่งรีบและพูดว่า “ใช่ ตอนนั้นพวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ แล้วก็หนีไปด้วยกันด้วย”
ตอนนี้ถังซวงมั่นใจแล้วว่าแม่ของเธออยู่กับจิงเจ้อหรง และก็รู้ถึงสาเหตุที่แม่ของเธอหายตัวไปพร้อมกับจิงเจ้อหรงทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ถ้าแม่ไม่ได้อยู่กับจิงเจ้อหรงในตอนนั้นล่ะก็ คนเหล่านี้คงจะไม่ไล่ล่าแม่
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถังซวงก็ค่อนข้างสับสนเล็กน้อย
แต่ด้านโม่เจ๋อหยวนกลับคิดว่ามันไม่น่าเชื่อที่ป้าหลานหายตัวไปพร้อมกับคุณจิง มันดูเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือเปล่า?
หลังจากนั้นถังซวงก็ถามพวกเขาว่าไปตามหาที่ไหนบ้าง เมื่อเธอรู้คำตอบ เธอรีบลุกขึ้นและวางแผนที่จะไปที่นั่นทันที
“ซวงเอ๋อร์ ฉันจะไปกับเธอด้วย ครั้งนี้เราจะไปค้นหาในสถานที่ที่ทั้งสองคนพูดมาเมื่อกี้นะ”
“อื้ม”
ถังซวงพยักหน้า จากนั้นมองไปที่คนรอบข้าง แล้วพูดว่า “ฉันฝากสองคนนี้ไว้กับพวกคุณด้วยนะคะ คนพวกนี้คิดจะกำจัดคุณจิง พวกคุณช่วยตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกทีด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนึ่งในนั้นก็พยักหน้าให้ถังซวง และพูดว่า “ไม่ต้องห่วงสหายเสี่ยวถัง เราจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างแน่นอน”
“เอาล่ะ งั้นเราไปตามหาแม่กันต่อเถอะ”
มีคนไม่กี่คนที่อยู่ที่นี่เพื่อจับตาดูทั้งสองคน ส่วนคนที่เหลือก็ติดตามถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนไป
อีกด้านหนึ่ง เฮ่อหลานได้ออกมาดูสถานการณ์ภายนอกอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็กลับเข้ามาทันทีและพูดกับจิงเจ้อหรงว่า “ตอนนี้ฉันไม่เห็นใครอยู่ข้างนอก คุณคิดว่าเราควรออกไปดีไหมคะ?” แต่ในไม่ช้าเธอก็ส่ายหัว “ไม่ ๆ ไม่ได้ ตอนนี้คุณยังบาดเจ็บอยู่ เราอยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยเถอะ”
แต่ด้านจิงเจ้อหรงกลับยืนขึ้นและพูดว่า “ไม่ เราออกไปกันเถอะ”
เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงยืนขึ้น เฮ่อหลานก็พูดอย่างเป็นห่วง “คุณจิง อาการบาดเจ็บของคุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
“อย่ากังวลเลยครับ มันไม่สำคัญหรอก”
ในความเป็นจริง จิงเจ้อหรงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตั้งแต่เฮ่อหลานเอายาให้เขากินและทายาให้เขา ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าอาการบาดเจ็บหายเป็นปกติแล้วและตอนนี้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างสบาย ๆ
“ไม่เป็นไรจริง ๆ หรือคะ?”
แม้ว่าอาการของจิงเจ้อหรงจะดูดีขึ้นมาก แต่เฮ่อหลานก็ยังกังวลเล็กน้อย
จิงเจ้อหรงไม่พูดอะไรอีก แต่ตรงไปที่เฮ่อหลาน และพูดว่า “ไปกันเถอะ”
“อะ อือ… ไปกันเถอะค่ะ”
เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงฟื้นตัวขึ้นมากจริง ๆ เฮ่อหลานก็รีบตามเขาไป
แต่พวกเขาทั้งสองไปได้ไม่ไกล ก็พบกลุ่มคนที่ลอบทำร้ายจิงเจ้อหรงเข้า “ไง… คุณจิง ในที่สุดคุณก็โผล่หัวออกมาแล้วสินะ ตามหาคุณตั้งนาน รู้ไหม?”