บทที่ 115 ผมเป็นคนรักของเฮ่อหลาน
บทที่ 115 ผมเป็นคนรักของเฮ่อหลาน
เมื่อได้ยินคำพูดของสือจีสู เฮ่อหลานก็หน้าแดงด้วยความโกรธ
“คุณ…”
ก่อนที่แม่ของเธอจะพูดจบประโยค ถังซวงก็ดึงให้แม่ของตนมาอยู่ข้างหลังทันที “แม่คะ คนแบบนี้มองไปก็มีแต่จะทำให้เสียสายตาเปล่า ๆ ยิ่งไปกว่านั้นคนแบบนี้แม่ไม่จำเป็นต้องลดตัวไปแต่งงานด้วยหรอก”
แม้ว่าสือเหล่ยจะเจ็บปวดอย่างมาก แต่เขาก็ยังยืนขึ้นโดยเอามือข้างหนึ่งปิดปากไว้ “นังสารเลว เป็นเกียรติของแม่เธอด้วยซ้ำที่ลุงของฉันอยากแต่งงานด้วย พวกเธอควรมีจะดีใจนะ ไม่ต้องทำเป็นเขินอายไป และสิ่งที่เธอเพิ่งพูดออกไป มันคือเรื่องที่แต่งขึ้นมาทั้งสิ้น ลุงของฉันจะไปทำร้ายใครได้ยังไง? ถ้าเธอไม่เชื่อฉันก็ไปที่หมู่บ้านตระกูลสือสิ และถามคนที่นั่นเลยว่าลุงของฉันเป็นคนยังไง”
เมื่อได้ยินคำพูดของสือเหล่ย ผู้คนโดยรอบก็เริ่มหวั่นไหว
ข่งหม่านจูที่อยู่ด้านข้างเป็นผู้นำในการพูดสนับสนุน “ถังซวง ที่เธอพูดออกมามีหลักฐานหรือเปล่า? เขาเป็นถึงรองหัวหน้าหมู่บ้าน เขาจะทำอย่างนั้นได้ยังไง? เธอพูดอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้แม่แต่งงานกับเขางั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงมองตรงไปที่ข่งหม่านจูด้วยความเย็นชาในดวงตาของเธอ
เมื่อเห็นถังซวงเช่นนั้น ข่งหม่านจูก็รู้สึกหวาดหวั่น แต่เธอรู้สึกว่าเธอพูดถูกแล้ว ดังนั้นหญิงวัยกลางคนจึงพยายามรักษาความนิ่งสงบของตัวเอง และพูดต่อว่า “ลองคิดดูให้ดีสิ แม่ของเธอจะต้องจ่ายเงินให้ทั้งเธอและน้องสาวเพื่อเรียนหนังสือ มันค่อนข้างเครียดไม่น้อยเลยนะ ถ้าแม่เธอสามารถแต่งงานกับครอบครัวที่มีฐานะดีได้จริง ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่ใช่หรือ?”
คนรอบข้างไม่มีความประทับใจที่ดีต่อสือจีสูเพราะสือเหล่ย แต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของข่งหม่านจู ตอนนี้พวกเขาคิดว่ามันค่อนข้างเป็นความคิดที่ดี เพราะมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเฮ่อหลานที่เพิ่งหย่าร้าง อีกทั้งยังมีลูกสาวอีกสองคน
ในยุคนี้ หลายคนคิดว่าผู้หญิงยังไงซะก็ยังต้องการผู้ชายมาเลี้ยงดู
“ใช่แล้ว เฮ่อหลาน ทำไมเธอไม่พิจารณาสือจีสูดูก่อนละ เผื่อว่าจะเหมาะสมกัน นั่นคงจะดีมากนะ”
“ใช่ ลองดูก่อนก็ได้นี่”
เมื่อเห็นผู้คนรอบตัวเธอเริ่มเกลี้ยกล่อมเฮ่อหลาน ข่งหม่านจูก็ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
แม้ว่าสือจีสูคนนี้จะเป็นรองหัวหน้าหมู่บ้าน แต่สุดท้ายก็เป็นพ่อม่ายเมียตาย อีกอย่างเขาก็แก่มากแล้ว ถ้าเฮ่อหลานแต่งงานจริง ๆ เธอจินตนาการถึงวันนั้นไม่ออกเลย ว่ามันจะน่าขำเพียงใด
เมื่อเห็นว่าผู้คนในหมู่บ้านเถาฮวาเริ่มเกลี้ยกล่อม สือจีซูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“มีสายตาของทุกคนจับจ้องอยู่ เธอก็แค่ไปถามก็ได้นี่ว่าฉันดีหรือเปล่า สหาย คิดให้ดี ๆ สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องการการแต่งงานครั้งนี้นั่นแหละ”
ใบหน้าของสือจีสูเต็มไปด้วยความจริงใจ เหมือนคนซื่อสัตย์ที่ขอแต่งงานจากใจจริง
ถังซวงมองไปที่ข่งหม่านจูอย่างเย็นชา จากนั้นหันไปหาสือจีสู และพูดว่า “คุณดูมั่นใจในตัวเองมากนะ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีกำแพงที่ไม่เป็นรูอยู่บนโลกนี้*[1] คุณคิดว่าไม่มีใครรู้จริง ๆ หรือว่าคุณไปทำอะไรเอาไว้?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของสือจีสูก็สั่นไหว จากนั้นเขาก็มองไปที่ถังซวงอย่างสับสน และคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอพูด เป็นไปได้ไหมว่าเด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้จะรู้อะไรบางอย่าง หากเป็นแบบนี้ สามแม่ลูกก็ควรมาอยู่ในกำมือเขาให้เร็วที่สุด
“สาวน้อย เธออาจจะเข้าใจฉันผิด ถ้าเธอไม่เชื่อฉันจริง ๆ เธอสามารถไปที่หมู่บ้านเพื่อถามคนที่นั่นว่าฉันเป็นคนแบบไหนได้นะ”
ในเวลานี้ ป้าหวงก็วิ่งเข้ามา เมื่อเห็นผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันไม่ไกลจากประตูบ้าน เธอคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น เมื่อเธอพบว่ามีคนมาขอเฮ่อหลานแต่งงาน ตอนแรกเธอประหลาดใจเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเธอก็ดีใจ “อาหลาน ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนดีจริง ๆ นี่ก็ถือเป็นเรื่องดีนะ”
ข่งหม่านจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ป้าหวง เฮ่อหลานฟังป้ามากที่สุด ดังนั้นป้าควรพูดให้เธอเข้าใจนะ โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ และสือจีสูก็ดูไม่เลว เขาต้องทำให้พวกเธอมีความสุขได้แน่”
“หุบปาก”
เฮ่อหลานรู้อยู่เสมอว่าข่งหม่านจูไม่ชอบเธอ แต่เธอไม่คาดคิดว่าคนคนนี้จะสร้างปัญหาให้เธออีก
ระหว่างสือจีสูและลูกสาวของเธอ แน่นอนว่าเธอเชื่อในตัวลูกสาวมากกว่าอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่สือจีสูพูดจะต้องไม่เป็นความจริง กับคนแบบนี้ หล่อนยังรบเร้าให้เธอแต่งงาน นี่เป็นการผลักเธอเข้าสู่กองไฟชัด ๆ “ถ้าอยากแต่งนัก ก็แต่งเองซะสิ”
“นี่…”
ข่งหม่านจูแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง เฮ่อหลานผู้อ่อนโยนและนุ่มนวลเสมอ พูดคำที่เลวร้ายเช่นนี้ออกมา “เฮ่อหลาน เธอต้องการให้ฉันหย่าเหมือนเธอรึไง ทำไมเธอถึงได้ใจไม้ไส้ระกำแบบนี้ เธอทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นได้ดีสินะ”
“อืม… ฉันเห็นว่าเธอพอใจกับสือจีสูมาก ดังนั้นเธอก็ควรแต่งงานกับเขาด้วยตัวเองไปซะนะ”
“กรี๊ดด… นังเฮ่อหลาน ฉันจะฉีกปากแก!”
ข่งหม่านจูรู้สึกว่าเฮ่อหลานกำลังสาปแช่งให้เธอหย่าร้าง ดังนั้นเธอจึงรีบพุ่งตัวไปข้างหน้าหมายจะจัดการหญิงสาว
“คิดจะทำอะไร?”
ก่อนที่ถังซวงจะเคลื่อนไหว จู่ ๆ ก็มีคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และเข้ามาขวางข่งหม่านจูทันที
“คุณจิง…”
เฮ่อหลานรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นคนที่มา “ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้คะ?”
จิงเจ้อหรงผลักข่งหม่านจูออกไป จากนั้นมองไปที่เฮ่อหลานด้วยรอยยิ้ม “ผมไปหาคุณและเห็นว่าคุณไม่ได้อยู่ในโฮวซาน ผมเลยมาลองดูที่นี่น่ะ ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาที่หมู่บ้าน”
ข่งหม่านจูถูกเหวี่ยงออกไปอย่างแรงและล้มลงกับพื้น แต่เธอไม่สนใจมันในตอนนี้ เธอมองตรงไปที่ชายรูปหล่อและสง่างามที่อยู่ตรงหน้า เมื่อมองเพียงแวบเดียว ชายผู้นี้เปรียบเหมือนก้อนเมฆและจันทราที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า
บุคคลเช่นนี้มาปรากฏตัวในหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างเถาฮวาได้ยังไง? และดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักเฮ่อหลานด้วย แล้วเฮ่อหลานรู้จักกับคนเช่นนี้ได้ยังไง!
นี่เป็นข้อสงสัยในใจของทุกคน แต่การเผชิญหน้ากับจิงเจ้อหรงก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดอะไรไปชั่วขณะหนึ่ง
แต่สือจีสูมองจิงเจ้อหรงด้วยความประหลาดใจจึงเอ่ยถามว่า “ขอโทษนะ แต่คุณเป็นใคร?”
จิงเจ้อหรงไม่ตอบ แต่มองตรงไปที่สือจีสูแล้วถามว่า “แล้วคุณล่ะเป็นใคร?”
ก่อนที่สือจีสูจะทันได้ตอบ หญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มรู้สึกตัวและรีบอธิบายเรื่องนี้โดยละเอียด ราวกับว่าตอนนี้คนโดยรอบได้สติกลับมา
จิงเจ้อหรงไหวพริบดีมากและจดจำคำพูดของถังซวงที่ต่อว่ากลุ่มคนตรงหน้าได้อย่างดี ตอนนี้ใบหน้าของเขาจริงจังมาก เขารู้ว่าถังซวงไม่มีทางทำร้ายใครตามอำเภอใจ ดังนั้นชายที่ชื่อสือจีสูที่อยู่ตรงหน้าเขาจะต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน
เมื่อเห็นท่าทางของจิงเจ้อหรง ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็หยุดพูดอย่างช้า ๆ “มี… มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเจ้อหรงก็กลับมามีสติ “ไม่แน่นอนครับ ก็แค่อาหลานมีคนรักอยู่แล้ว แล้วจะมีคนมาเป็นแม่สื่อได้ยังไง?”
“อะไร… อะไรนะ…”
ทุกคนประหลาดใจ
แม้แต่เฮ่อหลานเองก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน
เธอไปมีคนรักตอนไหนกัน?
ถ้ามีแล้วเธอไม่รู้ได้ยังไง?
ในเวลานี้ จิงเจ้อหรงกล่าวต่อว่า “ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ผมชื่อจิงเจ้อหรง และผมเป็นคนรักของเฮ่อหลาน เรากำลังหารือเกี่ยวกับการแต่งงานกัน ดังนั้นแน่นอนว่าเธอไม่สามารถยอมรับข้อเสนอการแต่งงานของคนอื่นได้หรอกครับ”
[1] ไม่มีกำแพงที่ไม่เป็นรูอยู่บนโลกนี้ เป็นสำนวน หมายถึง ไม่มีความลับอยู่บนโลก