บทที่ 142 ไม่ต้องกลัว
บทที่ 142 ไม่ต้องกลัว
ถังซวงบีบคอของเหวินจิง และดวงตาของเธอก็เย็นชาเป็นอย่างมาก
“เธอ… ตอนนี้เธอยังช่วยชีวิตคนได้อยู่นะ”
เหวินจิงกล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว และดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ชายหนุ่มรู้ดีว่าเขาสามารถหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวของถังซวงเมื่อกี้ได้ มันเป็นเพราะเขาไม่ได้เตรียมตัวเนื่องจากได้รับบาดเจ็บ หากมีการเผชิญหน้ากันด้วยมีดหรือปืน เขาต้องสามารถจัดการถังซวงได้แน่ แต่เขาไม่คิดว่าเด็กสาวจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ เธอซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้
ถังซวงยกยิ้ม เมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ในเมื่อถูกพิษ สิ่งที่นายต้องทำคือกรีดผิวหนังของตัวเองซะ และที่จริงแล้วฉันไม่จำเป็นต้องฆ่านายเลย แต่ใครจะคิดว่านายจะยังคิดอยากจับพวกเราอีกทั้งทีตัวเองอยู่ในสภาพนี้แท้ ๆ”
ในตอนท้าย ถังซวงมองตรงไปที่ลูกน้องของเหวินจิงอย่างเย็นชา “ถอยไป ไม่งั้นฉันจะหักคอเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง เหวินจิงรีบตะโกนทันที “ถอยไป! ทุกคนถอยไป!”
คนเหล่านั้นฟังคำสั่งของเหวินจิงและถอยกลับไป
ถังซวงจับเหวินจิงเป็นตัวประกัน และเดินออกไปข้างนอกอย่างช้า ๆ
เมื่อทุกคนถอยไปที่ลานหน้าบ้าน ถังซวงเหลือบมองไปที่เหวินจิง และพูดว่า “ให้คนของนายกลับออกไปทั้งหมด”
“ไม่ ถ้าเธอไม่ให้ยาถอนพิษฉันหลังจากที่พวกเขากลับไปล่ะ?”
ถังซวงพูดอย่างเย็นชา “ตอนนี้นายไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะตั้งเงื่อนไขกับฉันได้นะ” ขณะที่พูด เธอก็หักแขนของเหวินจิงทันที
“อ๊ากก…!”
เหวินจิงกรีดร้อง ใบหน้าของเขาซีดเซียว จากนั้นชายหนุ่มก็พูดด้วยความโกรธว่า “เธอ… เธอไม่กลัวรึไงว่าฉันจะให้พวกเขาทั้งหมดเข้ามาจัดการให้มันจบ ๆ ไปซะ?”
“ลองดูก็ได้”
ขณะที่พูด ถังซวงยกแขนอีกข้างที่ยังไม่หักของเหวินจิงอีกครั้ง
“เดี๋ยว ๆ……”
เหวินจิงรีบหยุดและตะโกนใส่คนที่เขาพามา “ไป! พวกแกทุกคนออกไปซะ!”
“พี่เหวิน…!”
คนอื่น ๆ ตะโกนด้วยความไม่พอใจ แต่เหวินจิงยังอยู่ในมือของถังซวง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะผลีผลาม จึงได้แต่ออกไปในท้ายที่สุด
หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว เหวินจิงก็จ้องไปที่ถังซวงและพูดว่า “ตอนนี้ปล่อยฉันไปได้รึยัง? และ… อย่าลืมเรื่องยาด้วย”
ถังซวงมองเขาพร้อมกับเลิกคิ้วและพูดว่า “ใครบอกว่าจะปล่อยนาย?”
“เธอ… เธอโกหกฉัน!”
ดวงตาของเหวินจิงเต็มไปด้วยความโกรธ ผสมกับร่องรอยของความตื่นตระหนก
ถังซวงเพิกเฉยต่อเหวินจิง เธอมองตรงไปที่ผู้เฒ่าฉี และพูดว่า “ผู้เฒ่าฉีคะ คุณจะทำยังไงกับชายคนนี้ คุณยังมีลูกน้องที่จะจัดการกับคนของเขาอีกไหมคะ?”
“ไม่ต้องห่วงคุณถัง ฉันยังมีคนอยู่ และจะไม่ปล่อยให้เหวินจิงหลุดมือไปแน่”
“ดีเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็ไม่กังวลอีกต่อไป
แต่เหวินจิงขมวดคิ้วมองไปที่ผู้เฒ่าฉีอย่างสงสัย “ผู้เฒ่าฉี ใครหน้าไหนอีก? คุณไม่เหลือใครแล้วนี่!”
“หึ… ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก”
ผู้เฒ่าฉีโบกมือให้เฉินกวงหยาง เขาก้มศีรษะและอธิบายคำสองสามคำ แล้วในที่สุดเฉินกวงหยางก็รีบออกไป หลังจากนั้นผู้เฒ่าฉีก็พูดอะไรสองสามคำกับชายวัยกลางคนที่ติดตามเขา และจากนั้นชายคนนั้นก็ออกไปเช่นกัน
หลังจากให้คำแนะนำทั้งหมด ผู้เฒ่าฉีมองไปที่ถังซวงอย่างขอโทษและพูดว่า “ฉันขอโทษนะคุณถัง ที่ทำให้เธอต้องตกใจในวันนี้”
ถังซวงตบหลังคอของเหวินจิงด้วยฝ่ามือของเธอ และผลักเขาออกไป เธอลูบข้อมือและพูดเบา ๆ ว่า “ใช่ค่ะ มันน่าตกใจและน่ากลัวมากเมื่อคนเหล่านี้กำลังพุ่งเข้ามา น่ากลัวจริง ๆ”
ทุกคนที่ได้เห็นทุกอย่างต่างอ้าปากค้าง พวกเขาไม่เห็นเลยว่าถังซวงจะกลัวตรงไหน ความโหดเหี้ยมเมื่อกี้ทำให้พวกเขาตกตะลึง ทุกคนมองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก
เมื่อผู้เฒ่าฉีได้ยินคำพูดของถังซวง เขาก็หัวเราะออกมา
“มันเป็นความผิดของฉันเองคุณถัง ฉันจะให้คนมาจัดการกับเหวินจิงเอง ส่วนเรามาเริ่มฝังเข็มกันเถอะ”
ถังซวงพยักหน้าเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น และเตรียมจะกลับหลังจากที่เธอฝังเข็มให้ผู้เฒ่าฉีเสร็จ “ผู้เฒ่าฉีคะ ฉันกลับก่อนนะคะ ส่วนพี่เฉินรบกวนฝากบอกเขาให้กลับไปทันทีที่เขาเสร็จธุระนะคะ”
“ได้สิ ฉันจะบอกเขาให้”
ผู้เฒ่าฉีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหยุดถังซวงไว้ “คุณถังเดี๋ยวก่อน ฉันยังขอบคุณเธอไม่พอเลยที่ช่วยชีวิตของพวกเราในวันนี้”
“ผู้เฒ่าฉีคะ คนพวกนั้นต้องการจับฉัน ฉันแค่ปกป้องตัวเอง ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ”
ผู้เฒ่าฉีโบกมือและพูดว่า “ไม่ว่ายังไงเธอช่วยพวกเราไว้ ดังนั้นต้องขอบคุณให้ถึงที่สุดสิ”
ในเวลานี้ มีคนเดินมาพร้อมกับกล่องเล็ก ๆ ผู้เฒ่าฉีหยิบมันขึ้นมา เขาส่งให้ถังซวงและพูดว่า “คุณถัง อย่าถือสากันเลย เธอรับไว้เถอะ ถ้าไม่งั้นตาแก่คนนี้ก็ไม่มีหน้าจะเจอใครแล้ว”
เมื่อเห็นว่าถังซวงยังไม่ได้รับของไป ผู้เฒ่าฉีจึงพูดต่อว่า “คุณถัง รับไว้เถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เหวินจิงคงไม่มาที่นี่ ดังนั้นมันจึงเป็นความประมาทเลินเล่อของคนอย่างฉันเอง”
เมื่อเห็นความละอายใจและการตำหนิตัวเองบนใบหน้าของชายชรา ในที่สุดถังซวงก็รับกล่องมา และพูดว่า “ขอบคุณค่ะผู้เฒ่าฉี ถ้าอย่างนั้นฉันจะรับไว้นะคะ”
เมื่อเห็นถังซวงยอมรับกล่องเล็ก ๆ ดวงตาของผู้เฒ่าฉีก็เป็นประกาย โบกมือให้ถังซวง และพูดว่า “คุณถัง ฉันยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการที่นี่ งั้นฉันไม่รั้งเธอไว้แล้วดีกว่า”
“ลาก่อนนะคะผู้เฒ่าฉี”
ถังซวงโบกมือลาและออกจากบ้านของผู้เฒ่าฉีทันที
หลังจากที่ถังซวงจากไป ชายวัยกลางคนที่เพิ่งไปเอากล่องเล็ก ๆ มา มองไปที่ผู้เฒ่าฉี และลังเลที่จะพูด
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้เฒ่าฉีก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เสี่ยวเหริน ถ้านายมีอะไรก็พูดออกมาเถอะ ไม่ต้องลังเลหรอก”
เหรินเทียนพูดอย่างไม่แน่ใจ “ผู้เฒ่าฉีครับ คุณตัดสินใจมอบโถงยี่ชี่ให้คุณถังจริง ๆ หรือครับ เธอ… เป็นแค่เด็กผู้หญิง เธอจะทำได้จริง ๆ หรือครับ?”
“นายไม่เห็นเธอหรือ? แบบนี้ยังไม่สามารถดูแลโถงยี่ชี่ได้อีกงั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหรินเทียนก็หยุดพูด ถังซวงในวันนี้ทรงพลังมากจริง ๆ “แต่… แต่…”
ผู้เฒ่าฉีขัดจังหวะคำพูดของเหรินเทียนทันทีโดยกล่าวว่า “ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก ฉันได้ส่งมอบตราประทับให้กับเธอแล้ว และเธอจะเป็นเจ้าของโถงยี่ชี่คนใหม่นับจากนี้”
เหรินเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และไม่พูดอะไรอีก
เมื่อตอนที่ผู้เฒ่าฉีขอให้เขาเอากล่องมา เขาไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองเลย แต่ผู้เฒ่าฉีกลับมั่นใจอย่างยิ่ง และส่งมอบตราประทับนั่นไป แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้เฒ่าฉีตัดสินใจไปแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
อีกด้านหนึ่ง เมื่อถังซวงกลับมาและเข้ามาในห้อง เธอก็เปิดกล่องดู เมื่อเห็นจี้หยกเล็ก ๆ อยู่ข้างใน เธอก็หยิบมันขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
มันเป็นหยกที่สวยงามชิ้นหนึ่ง ใสราวกับคริสตัล และสามารถบอกได้ว่ามันมีค่ามากแม้จะมองเพียงครู่เดียว หลังจากชื่นชมมันแล้ว ถังซวงก็เก็บไว้ในพื้นที่มิติ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ที่เธอยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง เธอได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในการปรับปรุงยาบำรุงสุขภาพ และตอนนี้มีคนจำนวนมากขึ้นที่ต้องการมัน ดังนั้นเธอจะผลิตเพิ่ม
เมื่อเฉินกวงหยางกลับมาก็เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว เมื่อเห็นว่าไฟในห้องของถังซวงยังคงเปิดอยู่ เขาจึงมาคุยกับเธอทันทีเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เฒ่าฉี
“น้องถังซวงไม่ต้องห่วงนะ ผู้เฒ่าฉียังมีคนในมืออยู่ ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกลัวเรื่องเหวินจิงกับคนของเขาแล้ว”