บทที่ 161 อาหลาน
บทที่ 161 อาหลาน
เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของคุณนายหลิน ถังซวงรีบตอบกลับ “คุณย่าหลิน ฉันก็มีความสุขมากที่ได้เจอคุณย่าค่ะ”
คราวแรกโม่เจ๋อหยวนวางแผนที่จะแนะนำอีกฝ่ายเสียอย่างดี แต่เวลานี้คุณย่าของเขาและถังซวงกำลังพูดคุยกันอย่างถูกคอ เขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อแค่ถามไปว่า “คุณย่าครับ แล้วคุณปู่ล่ะ?”
“ปู่ของแกไปหาคนเล่นหมากรุกด้วยน่ะ เดี๋ยวย่าจะโทรตามเขากลับมา”
“ไม่ต้องหรอกครับ เรามาหาคุณลุง”
หลังจากได้ยินแล้ว คุณนายหลินอดไม่ได้ที่จะถาม “อีกสักพักหมิงซู่คงกลับมา เขาออกไปซื้อของให้ย่าเมื่อสักพักนี่เอง รอสักหน่อยเถอะนะ”
สิ้นเสียง หลินหมิงซู่ก็กลับมา ทันทีที่เขาเห็นโม่เจ๋อหยวนและถังซวง เขาถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “ซวงเอ๋อร์ เจ๋อหยวน มาได้ยังไงกัน?”
“หมิงซู่ พวกเขามาหาลูกน่ะ”
คุณนายหลินยังต้องการคุยกับถังซวงต่อ แต่เธอก็กังวลว่าจะทำพวกเขาเสียเวลา เวลานี้เธอเลยเดินไปที่สวนหลังบ้านแทน
หลังจากที่คุณนายหลินจากไปแล้ว ถัวซวงพูดเรื่องการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของบ้าน “ลุงหลินคะ เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ค่ะ ตอนนี้ฉันมีลานบ้านเล็ก ๆ แล้ว แต่ฉันอยากจะซ่อมมันสักหน่อย ไม่รู้ว่าคุณลุงพอจะมีเวลา…”
หลังได้ยินแล้ว หลินหมิงซู่ตอบตกลงทันที
“แน่นอนว่าลุงมีเวลา เดี๋ยวเธอพาลุงไปดูก่อน แล้วค่อยออกแบบกันว่าจะจัดการยังไง”
“อย่างนั้นคงต้องรบกวนลุงหลินแล้วค่ะ”
หลินหมิงซู่โบกมือพร้อมพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก อีกอย่างเจ๋อหยวนต้องกลับไปกับเธอคราวนี้ด้วย ลุงต้องฝากเธอดูแลเขาด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะลุงหลิน พี่โม่ก็เหมือนกับคนในครอบครัวของฉัน”
เมื่อได้ยินแล้ว หลินหมิงซู่หัวเราะแล้วพูดว่า “ลุงไม่ได้กังวลหรอก แต่ปู่กับย่าของเขานั่นแหละที่กังวล”
หลังพูดคุยเสร็จแล้ว หลินหมิงซู่ยืนขึ้นก่อนจะพูดว่า “นี่ก็ยังพอมีเวลา พาฉันไปดูสถานที่ก่อนแล้วเดี๋ยววิธีซ่อมมันค่อยคิดทีหลัง”
“ตกลงค่ะ”
หลังจากกล่าวลาคุณนายหลินแล้ว พวกเขาตรงไปที่กู่โหลว
หลินหมิงซู่มองลานด้านหน้าพร้อมพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า “ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ถึงจะทรุดโทรมไปหน่อยแต่มันก็มีเสน่ห์ตามแบบฉบับโบราณ เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับอยู่อาศัย ถ้าฉันได้ลองออกแบบแล้วต้องสวยมากแน่”
“ลุงหลินคะ อย่างนั้นฉันฝากด้วยนะคะ”
จากนั้นถังซวงก็ส่งมอบกุญแจบ้านให้กับหลินหมิงซู่
“ซวงเอ๋อร์ แล้วเธอมีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหม บางทีฉันอาจจะทำตามที่เธอออกแบบไว้ได้นะ ลองบอกมาสิ”
ถังซวงส่ายหัวแล้วตอบว่า “ไม่มีหรอกค่ะลุงหลิน ลุงทำได้ตามที่เห็นสมควรเลย ยังไงคุณลุงก็คงรู้เรื่องนี้ดีกว่าฉัน มันจะต้องสมบูรณ์แน่นอนค่ะ”
หลังได้ยินแล้ว หลินหมิงซู่หัวเราะแล้วตอบว่า “อ่า งั้นเดี๋ยวฉันออกแบบพิมพ์เขียวก่อน แล้วถ้าเวลานั้นเธอยังไม่ไปจากเมืองหลวง ฉันจะเอาไปให้ดูนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากพูดคุยเสร็จแล้ว ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็กลับไปที่บ้านตระกูลโม่
ส่วนหลินหมิงซู่ก็รวดเร็วมาก ก่อนวันที่ถังซวงและคนอื่น ๆ จะออกจากเมืองหลวง เขาได้วาดพิมพ์เขียวเสร็จแล้ว แม้จะเป็นเพียงคร่าว ๆ แต่ถังซวงก็สามารถเห็นรายละเอียดทั้งหมด
“ลุงหลินคะ มันสวยมากจริง ๆ ฉันเอาแบบนี้เลยค่ะ”
หลินหมิงซู่มีความสุขมากหลังจากเห็นว่าแบบของเขาได้รับการอนุมัติ
ถังซวงมอบเงินที่เตรียมไว้ให้กับหลินหมิงซู่สำหรับปรับปรุงบ้าน “ลุงหลินคะถ้าเงินนี้ไม่พอให้บอกฉันได้เลยนะคะ”
“สำหรับเธอแล้วมันไม่เป็นไรเลย”
หลินหมิงซู่ส่งเงินคืนกลับไป
แต่ถังซวงยังคงหนักแน่น ซึ่งหลินหมิงซู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับมันไว้
หลังจากหลิงหมิงซู่จากไป ถังซวงเริ่มเก็บข้าวของ
วันรุ่งขึ้น จิงเจ้อหรงมาถึง ถังซวง หลี่จงอี้ และโม่เจ๋อหยวนก็ได้เก็บข้าวของเสร็จแล้ว ทุกคนออกจากเมืองหลวงท่ามกลางความไม่ยินดีของบ้านตระกูลโม่
อีกด้าน เมื่อเห็นลูกสาวคนโตกลับมา เฮ่อหลานวิ่งไปต้อนรับด้วยความตื่นเต้น “ซวงเอ๋อร์ ลูกกลับมาแล้ว” จากนั้นเธอหันมองโม่เจ๋อหยวนด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “เจ๋อหยวน ดูท่าทางแล้วเธอสบายดีแล้วสินะ ดีจริง ๆ”
“คุณป้าหลาน คิดถึงป้าจังเลยครับ”
โม่เจ๋อหยวนรู้สึกว่าคราวนี้เขาจากที่นี่ไปเนิ่นนาน เมื่อเห็นเฮ่อหลานกับถังเซวี่ยอีกครั้ง เขาก็รู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูก
“พี่โม่ เราก็คิดถึงพี่เหมือนกันค่ะ”
ถังเซวี่ยก้าวไปด้านหน้าพร้อมส่งยิ้มให้กับโม่เจ๋อหยวน
ส่วนเฮ่อจื่อกุยและเฮ่อจื้อรุ่ยมองถังซวงแล้วถามว่า “ซวงเอ๋อร์ ที่เธอไปเมืองหลวงครั้งนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?”
“คุณลุง เจียรุ่ย ไม่ต้องกังวลค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
หลี่จงอี้ด้านข้างพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ขวางประตูกันอยู่ทำไม รีบเข้าไปข้างในเร็วเข้า”
“ใช่ รีบเข้าบ้านกันเถอะ ฉันรู้ว่าวันนี้พวกคุณจะกลับมา เลยเตรียมมื้อเที่ยงไว้รอแล้ว”
เฮ่อหลานรีบต้อนรับทั้งหมดเข้าบ้าน และเมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงเดินตามมาในตอนท้าย เธอจึงกระซิบว่า “คุณจิง ขอบคุณที่พาลุงหลี่และซวงเอ๋อร์เข้าเมืองหลวงนะคะ”
จิงเจ้อหรงยิ้มเบา ๆ ก่อนตอบว่า “ยินดีครับ มันเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”
เฮ่อหลานเหลือบมองจิงเจ้อหรงแล้วรีบเข้าไปด้านในโดยไม่พูดอะไรต่อ
หลังจากทุกคนนั่งกันพร้อมหน้าแล้ว พวกเขาเริ่มรับประทานอาหารร่วมกันอย่างอบอุ่น
หลังมื้ออาหารเย็น เฮ่อจื่อกุยและลูกชายของเขากลับไปที่หมู่บ้านเถาฮวา ในเวลานี้บ้านของพวกเธอก็ใกล้เสร็จแล้ว อยู่ในขั้นตอนสุดท้าย พวกเขาจึงต้องกลับไปดู
ในขณะที่หลี่จงอี้และโม่เจ๋อหยวนกลับไปพักผ่อนที่บ้าน จิงเจ้อหรงก็ต้องกลับเมืองหลวงเพื่อจัดการเรื่องของตนเอง และคราวนี้เขาคงต้องไปนานพอสมควร
“เฮ่อหลาน ผมคงต้องกลับแล้ว ถ้ามีเวลาผมจะหาโอกาสมาเยี่ยมนะครับ”
เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงกล่าวคำลาด้วยความอาลัย ใบหน้าของเฮ่อหลานก็แดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัวก่อนจะกล่าวเสียงแผ่วเบา “ระ… รีบกลับไปได้แล้วค่ะ”
เมื่อชายหนุ่มเห็นใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อยของเฮ่อหลาน รอยยิ้มสดใสเปล่งประกายเผยในดวงตาของเขา ขณะเดียวกันเขาก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นได้เลยพูดออกไปว่า “สหายเฮ่อหลาน จากนี้ไป… ผมขอเรียกคุณว่าอาหลานได้ไหม?”
“เรื่องนี้…”
เฮ่อหลานตกใจจนใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็ไม่สามารถพูดตอบกลับเขาได้
“อาหลาน…”
แม้เฮ่อหลานจะไม่ตอบรับ แต่จิงเจ้อหรงก็ยังพูดมันออกมา เขามองเฮ่อหลานด้วยดวงตาที่แทบจะลุกไหม้ขณะเรียกชื่อนั้น กลิ่นอายความรักอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากและฟันของเขาอยู่นาน
“จิง… คุณจิง… คุณ… คุณ…”
คราวนี้แม้แต่ใบหูของเฮ่อหลานก็เป็นสีแดง แม้เธอจะต้องการปฏิเสธแต่ว่าไม่สามารถพูดออกไปได้
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานไม่ปฏิเสธ จิงเจ้อหรงเลยพูดออกไปตรง ๆ ว่า “อาหลาน ผมจะเรียกคุณอย่างนี้ และคุณก็สามารถเรียกชื่อผมได้นะครับ”
แน่นอนว่าเฮ่อหลานไม่มีความกล้าที่จะพูดออกมา จิงเจ้อหรงจึงต้องกลับไปด้วยความเสียใจ
หลังจากเฮ่อหลานกลับเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าแดงก่ำ ถังซวงถามด้วยความสงสัย “คุณแม่คะ ข้างนอกอากาศร้อนรึเปล่า? ทำไมหน้าแดงจัง?”
พอเฮ่อหลานได้ยินก็โบกมือเป็นพัลวันพร้อมพูดว่า “ไม่ใช่นะ อาจเป็นเพราะซุปมันร้อนไปต่างหาก”
ถังซวงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เธอเล่าให้แม่กับน้องสาวฟังถึงเหตุการณ์ตอนที่ไปเยี่ยมบ้านตระกูลจิง
เฮ่อหลานก็ประหลาดใจเมื่อได้ยิน
“อะไรนะ… ลูกไปบ้านตระกูลจิงในฐานะแขกงั้นหรือ?”