บทที่ 183 ทำตัวเอง
บทที่ 183 ทำตัวเอง
ซูยี่ไม่คาดคิดว่าถังซวงจะเคลื่อนไหวโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาจึงรีบป้องกันแล้วโต้ตอบทันที หมัดถูกปล่อยออกใส่ใบหน้าของถังซวง
“หืม… ไม่แปลกเลยที่คุณกล้าอวดดี มีฝีมือนี่”
ถังซวงและซูยี่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ผ่านไปกว่าสิบอึดใจพวกเขาถอยออกจากกัน สายตาของเธอยังจับจ้องที่ซูยี่ “ก็แค่การอุ่นเครื่อง แต่ครั้งต่อไปคุณระวังตัวด้วยล่ะ” สิ้นเสียง ถังซวงกระโดดเข้าหาอีกฝ่ายทันที
เมื่อถังซวงเริ่มโจมตีหนักหน่วงขึ้น หัวใจของซูยี่เต้นระรัวอย่างเคร่งเครียด
ตอนนี้เขาใช้พละกำลังทั้งหมดแล้ว แต่ถังซวงยังหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังมีแรงที่จะโจมตีต่อด้วย แม้จะผ่านไปกว่าสิบกระบวนท่า เขากลับรู้สึกว่ามันกินเวลาไปเนิ่นนาน
ไม่… ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาจะต้องแพ้แน่
ซูยี่ไม่คิดสนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกแล้ว เขาตะโกนเรียกอู๋โจวและคนอื่น ๆ ที่ด้านหลัง “เข้ามาสิวะ ถ้าวันนี้จับยัยนี่ไม่ได้ พวกเราได้ขายขี้หน้ากันหมดแน่”
“เฮ้อ… ฉันก็นึกว่าพวกเราจะไม่ได้แสดงฝีมือซะแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูยี่ เฟ่ยไห่ชางหัวเราะด้วยความสมเพช ก่อนจะหันไปพูดกับเฝิงอิงและคนอื่น ๆ ว่า “ซูยี่นั่นยกให้นายหญิง พวกเราดูแลส่วนที่เหลือแล้วกัน”
“ครับ”
เฝิงอิงนำพวกของตนพุ่งเข้าหาอู๋โจวและคนอื่น ๆ โดยไม่เปิดโอกาสให้เข้าใกล้ถังซวง
เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของซูยี่ยิ่งบิดเบี้ยว
“คุณชายซู ฉันขอเตือนว่าอย่าเสียสมาธิในการต่อสู้เลยค่ะ” ถังซวงยิ้มแล้วเตะซูยี่ล้มลงกับพื้น ก่อนที่จะกระทืบเท้าตามลงไป
ในที่สุดซูยี่ก็กลับมารู้สึกตัว เขากลิ้งหลบไปด้านข้างและสามารถหลบฝ่าเท้าของถังซวง แต่เวลานี้เขายิ่งอับอาย ถังซวงคนนี้ไม่มีความอ่อนโยนและงดงามอีกต่อไป
แต่ไม่ว่ายังไง ถังซวงก็ไม่เปิดโอกาสให้ซูยี่ตอบโต้เลย หลังจากเห็นว่าเขาหลบได้ เธอรีบไล่ตามทันที
ครั้งนี้ถังซวงไม่รอช้า และการเคลื่อนไหวของเธอก็ยิ่งรุนแรงเรื่อย ๆ
“หยุด… หยุดก่อน…”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์พลิกผันแบบนี้ ซูยี่รีบตะโกนทันที เขาตกตะลึงกับทักษะการต่อสู้ของถังซวงมาก แต่ในใจก็ยิ่งแค้นเคืองอย่างถึงที่สุด นับตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยต้องอับอายมากขนาดนี้มาก่อน และถังซวงเป็นคนแรกที่ทำให้เป็นแบบนี้
แต่ไม่ว่าจะโกรธหรือหงุดหงิดมากแค่ไหน เขาก็ต้องรู้ว่าอีกไม่กี่อึดใจ ถ้าเขาหยุดมือ เขาต้องแพ้อย่างหมดท่าแน่
ถังซวงไม่หยุดมือ แถมยังหัวเราะ “หึ… เลิกพล่ามได้หรือยังคะ? นี่คุณคิดทำตัวไร้เดียงสาไปถึงเมื่อไหร่?” ตอนท้าย ถังซวงเหยียบผนังด้านข้างก่อนจะทะยานเข้าหาซูยี่ เธอชกซูยี่จนร่วงลงไปกองบนพื้น และเวลานี้อีกฝ่ายไม่มีโอกาสได้หลบอีก เขาถูกเธอเหยียบเอาไว้จนขยับไม่ได้
“คุณชายซู เมื่อกี้ฉันบอกให้คุณหักแขนตัวเองซะ แต่คุณกลับยืนกรานที่จะให้ฉันทำมัน อ่า… อย่างนั้นอย่าว่าฉันใจร้ายเลยนะคะ” ถังซวงมองมือซ้ายของซูยี่
“นี่เธอกล้า…”
ซูยี่มองถังซวงด้วยความไม่เชื่อ ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วแน่ ๆ
อีกด้านหนึ่ง อู๋โจวและคนอื่น ๆ ที่ถูกจัดการโดยคนของเฝิงอิง พวกเขาทั้งหมดรีบตะโกนเสียงดัง “หยุด นังบ้า หยุดนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณชายซู แกต้องเห็นดีแน่!”
เฟ่ยไห่ชางหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้น “เออ แล้วพวกเราจะรอ ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าตระกูลซูจะทำอะไรพวกเราได้”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน ถังซวงจัดการมือซ้ายของซูยี่ทันที ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ… อ๊า… อ๊ากกก…”
ซูยี่ไม่สามารถอดทนได้ เขากรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในทันที และเวลานี้มือซ้ายของเขาบิดจนผิดรูป
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว อู๋โจวและคนอื่น ๆ ถึงกับตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าถังซวงจะกล้าทำ
หลังจากที่เธอหักแขนของซูยี่ เธอก็ปล่อยเขาไปแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่อย่างนั้นมันจะไม่จบง่าย ๆ เหมือนวันนี้”
สิ้นเสียง ถังซวงหันหลังและเดินออกไป
เฟ่ยไห่ชาง เฝิงอิง และคนอื่น ๆ ติดตามเธอไปอย่างรวดเร็ว
“อ๊าก… ถังซวง…”
ซูยี่คำรามเสียงต่ำจากด้านหลัง ไม่มีความเสน่หาในแววตาของเขาอีกต่อไป เหลือเพียงความโกรธแค้น
และถังซวงที่มีสายตาและหูที่ฉับไว แน่นอนว่าเธอได้ยินเสียงที่อัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังของซูยี่ แต่เธอไม่ได้สนใจ การที่เธอทำร้ายซูยี่วันนี้ เธอย่อมคาดเดาผลลัพธ์ทั้งหมดที่จะตามมาได้ แต่ถังซวงคิดว่าตนเองสามารถรับมือได้
“ลุงไห่ ยังไงวันนี้ฉันขอบคุณมากนะคะ”
“นายหญิง คุณคือผู้นำโถงยี่ชีแล้ว หากคุณถูกรังแกอีก พวกเราไม่มีทางลังเลแน่นอนครับ วันนี้เราเมตตาเกินไปด้วยซ้ำ ความจริงแล้วซูยี่จะต้องชดใช้มากกว่านี้”
ถังซวงยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แขนของซูยี่คงไม่สามารถใช้งานได้ตลอดชีวิต”
หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว เฟ่ยไห่ชางนึกถึงสิ่งที่ถังซวงทำไปเมื่อกี้ก่อนจะหัวเราะออกมา “ครับ ดีครับ แต่แขนแค่ข้างเดียวถือว่าเบาไปหน่อย แต่ยังไงซะก็ถือว่าเห็นแก่หน้าของตระกูลซูแล้วกันครับ”
“เหมือนลุงไห่จะคุ้นเคยกับพ่อของซูยี่นะคะ?”
เฟ่ยไห่ชางส่ายหัวอย่างไม่ค่อยยอมรับ “ผมก็ไม่ได้คุ้นเคยกับเขาหรอก แค่เคยคุยกับเขาไม่กี่ครั้งตอนที่เราทำธุรกิจร่วมกับซูเต๋อเซิง แต่เขาไม่มีนิสัยเหมือนคุณชายซูเลย เขาเป็นคนตระหนี่ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะคบค้าสมาคมด้วยน่ะครับ”
หลังได้ยินเฟ่ยไห่ชางพูดถึงตระกูลซู ถังซวงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดว่า “อย่างนั้นหรือคะ ไม่แปลกใจเลยที่ซูยี่จะเกลียดเขา”
“ใช่ครับ พ่อลูกคู่นี้น่ารำคาญพอ ๆ กัน”
หลังจากคุยกันอีกสองสามคำ ถังซวงคิดจะกลับไปพักผ่อน “ลุงไห่คะ วันนี้ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ แล้วเราค่อยพบกันใหม่”
“ครับ นายหญิงกลับดี ๆ นะครับ”
ถังซวงไม่คิดแก้ไขสรรพนามที่เฟ่ยไห่ชางเรียกตนอีก เธอคิดว่าควรกลับไปคุยกับผู้เฒ่าฉีด้วยตัวเองจะดีกว่า
หลังจากถังซวงกลับไปแล้ว เฟ่ยไห่ชางหันมาหาเฝิงอิงแล้วพูดว่า “โทรเรียกพวกเรามาเพิ่มหน่อย เราจะไปที่บ้านตระกูลซูกัน”
“ครับ”
ถังซวงไม่รู้ว่าเฟ่ยไห่ชางคิดทำอะไร เธอแค่วางแผนจะกลับไปพร้อมกับของที่ถูกไหว้วานมา แต่เธอมองเห็นร้านค้าตรงหน้า เลยเดินตรงเข้าไปว่าจะซื้อเค้กสักหน่อย นับตั้งแต่ที่แม่และถังเซวี่ยได้กินครีมเค้กนี้ ทั้งคู่ก็ชอบมันมาก และเมื่อเธอได้เห็นมันอีกครั้ง เธอเลยคิดจะซื้อกลับไปด้วย
ถังซวงออกมาพร้อมกับเค้ก แต่เธอก็ต้องขมวดคิ้วและมองร่างที่กำลังถูกลากออกไปต่อหน้าต่อตา
“จูรุ่ย?”
เธอคิดว่าถังเซวี่ยมีนัดกับจูรุ่ยในวันนี้ซะอีก ถ้าเธอมองไม่ผิด บุคคลที่กำลังถูกคนมากมายลากออกมาเป็นจูรุ่ยไม่ผิดแน่
เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ถังซวงออกวิ่งอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในตรอก เธอจึงโยนของทุกอย่างลงพื้นก่อนจะไล่ตามร่างที่อยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
“เร็ว… เร็ว… ทางนี้”
ถังซวงวิ่งเร็วมาก เธอเริ่มเข้าใกล้ถนนตรงหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงบางอย่างอย่างชัดเจน
หลังจากที่เธอติดตามมาทัน เธอเห็นคนคนหนึ่งเปิดประตูด้านหน้า และอีกสองคนก็พาจูรุ่ยเข้าไปในบ้านหลังเล็กที่ค่อนข้างทรุดโทรมนั่น