บทที่ 239 เสียใจ
บทที่ 239 เสียใจ
บนรถไฟที่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง ชายและหญิงคู่หนึ่งนั่งเคียงข้างกัน ใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวมีกระเล็กน้อยทำให้รูปลักษณ์ดูธรรมดาไม่โดดเด่น แต่แววตาของเธอกลับสดใสทำให้ใบหน้านั้นชวนมองขึ้นมาเล็กน้อย
ผู้ชายด้านข้างก็ดูธรรมดาเช่นกัน เขาเป็นบุคคลที่จะถูกลืมทันทีหากยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน
“เฮ้… พี่ชาย พวกคุณกำลังจะไปหางานทำที่เมืองหลวงหรือ? บ้านเกิดอยู่ที่ไหนกันหรือคะ?”
สาวใหญ่ฝั่งตรงข้ามเห็นชายหญิงคู่นี้จึงอดไม่ได้ที่จะชวนคุย
ผู้หญิงพูดขึ้นอย่างเขินอายหลังได้ยินอย่างนั้น “บ้านเกิดของพวกเราอยู่ในกุ้ยโจวค่ะ ไม่เหลือญาติที่ไหนแล้ว เราเลยจะเข้าเมืองหลวงไปหาลุงน่ะค่ะ”
ฟังจากสำเนียงของหญิงสาวตรงหน้า สาวใหญ่คนนั้นก็เผยแววตาเหยียดหยาม เธอไม่คิดว่าคนจนทั้งสองนี้จะมีญาติในเมืองหลวงด้วย เวลาที่ครอบครัวอยู่ในช่วงเวลาที่ดี ก็คงไม่มีใครคิดไปหาญาติกันหรอก
“โอ้ เธอกำลังจะไปขออาศัยอยู่กับญาติงั้นหรือ ฉันขอให้พวกเธอสองคนพบเจอญาติของตัวเองโดยเร็วนะจ๊ะ”
หลังพูดอย่างนั้น สาวใหญ่จึงไม่กล่าวอะไรต่ออีก
หญิงสาวคนนั้นยังคงเขินอาย หลังกล่าวขอบคุณ เธอก็เงียบไปด้วยเช่นกัน
ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างมองผู้หญิงข้างกายเขาด้วยรอยยิ้ม รูปลักษณ์ของพวกเขาทั้งสองยิ่งดูน่ามองมากขึ้น เดิมทีพวกเขาทั้งสองคือถังซวงกับโม่เจ๋อหยวน ที่ปลอมตัวก่อนที่จะออกเดินทาง และสร้างตัวตนอื่นขึ้นมาไว้นานแล้ว แม้แต่คนที่รู้จักกันก็คงไม่สามารถจดจำได้
ความจริงแล้ว แม้แต่โม่เจ๋อหยวนก็ไม่ได้คาดหวังว่าทักษะการแต่งหน้าของถังซวงจะเก่งกาจขนาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขก็คือการเล่นเป็นคู่รักหนุ่มสาว ชายหนุ่มลอบมีความสุขตลอดทาง เพราะการได้แสดงบทบาทนี้ทำให้มุมปากของเขายกยิ้มตลอด และไม่เคยหุบลงแม้แต่วินาทีเดียว
“เสี่ยวฮวา ยังเหลือเวลาอีกเจ็ดถึงแปดชั่วโมงกว่าจะถึงเมืองหลวง เธอควรจะพักสายตาสักหน่อยนะ”
“อืม…”
เสี่ยวฮวาก็คือชื่อของถังซวง พอได้ยินอย่างนั้นเธอหลับตาลงพักผ่อนทันที
เมื่อรถไฟมาถึงเมืองหลวง ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนลงจากรถไฟพร้อมกระเป๋าเดินทาง พวกเขาเดินผ่านผู้คนพลุกพล่าน เดิมทีโม่เจ๋อหยวนคิดพาถังซวงไปที่บ้านพักก่อน แต่ถังซวงในร่างของเสี่ยวฮวาคล้ายกระวนกระวายเมื่อมองไปรอบ ๆ และสีหน้าของเธอไม่ค่อยสู้ดีนัก
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว โม่เจ๋อหยวนปรับอารมณ์ทันที สีหน้าของเขาเผยความกังวลด้วยเช่นกัน ทั้งสองออกจากสถานีรถไฟ หลังสอบถามผู้คนมากมายแล้ว พวกเขาจึงพบบ้านพักห่างไกลที่เหมาะสมที่จะเข้าพัก
หลังถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเข้ามาในห้องพักแล้ว ทั้งสองตรวจสอบโดยรอบ ก่อนจะผ่อนคลายแล้วนั่งลงบนเก้าอี้
“ไม่ง่ายเลยนะคะ ที่จะเล่นละครเป็นสาวชนบท”
โม่เจ๋อหยวนหัวเราะหลังได้ยินประโยคนั้น “ฉันคิดว่าเธอจะคุ้นเคยกับการแสดงซะอีก เธอแสดงได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่มีใครจำเธอได้เลย”
“พี่โม่ก็เหมือนกันค่ะ”
ถังซวงไม่ลังเลเลยที่จะชมอีกฝ่าย เธอหันมองโม่เจ๋อหยวนด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวพักสักหน่อยแล้วค่อยออกไปกินข้าวกัน”
“อืม”
โม่เจ๋อหยวนไม่คัดค้าน
หลังทั้งสองพักผ่อนได้ครู่หนึ่ง พวกเขาก็เดินออกไปกินข้าว พร้อมกับตรงไปที่บ้านของตระกูลเหม่ย
“ซวงเอ๋อร์ เดี๋ยวฉันจะดูทางด้านนี้เอง ฉันรู้จักทุกคนในตระกูลเหม่ยดี มันคงสะดวกถ้าหากฉันรอดูอยู่ตรงนี้ เธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านพักก่อนก็ได้”
ถังซวงพยักหน้า แล้วพูดต่อว่า “ค่ะ งั้นพี่โม่คอยดูทางนี้ก่อน แล้วฉันจะไปตรวจสอบตระกูลเหม่ยเอง”
“อืม”
ทั้งสองแยกย้ายกัน
กลางดึก เมื่อทั้งสองมาพบกันที่บ้านพัก พวกเขาบอกข้อมูลที่ตนเองได้รับมา
“ซวงเอ๋อร์ เหม่ยหยิงตงกับลูกสาวของหล่อนกลับมาที่เมืองหลวงเมื่อคืนก่อน และวันนี้ทั้งคู่ไม่ได้ออกไปไหน แต่ตระกูลเหม่ยที่เหลือออกไป อืม…”
ในตอนท้ายโม่เจ๋อหยวนดูงุนงงเล็กน้อย “มีคนจากตระกูลจูมาที่ประตู ตระกูลจูกับตระกูลเหม่ยไม่เคยมีความสัมพันธ์ต่อกันมาก่อน ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาจึงมาพบกับตระกูลเหม่ยได้”
หลังได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของถังซวงกลายเป็นกังวล
“ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันได้ยินมาจะเป็นความจริง ตระกูลเหม่ยวางแผนจะแต่งงานกับตระกูลจู”
โม่เจ๋อหยวนยังคงสงสัย “แต่คนจากตระกูลเหม่ยแต่งงานกันหมดแล้ว ส่วนผู้หญิง… ก็มีแค่หลี่ว์ตานเท่านั้นที่แต่งงานได้ แต่เท่าที่ฉันรู้ไม่มีชายหนุ่มตระกูลจูที่อายุไล่เลี่ยกับหลี่ว์ตานเลย”
สีหน้าของถังซวงกลายเป็นขบขัน
“พี่ลืมคิดถึงอีกคนหนึ่งไปหรือเปล่า? ถ้าเป็นเหม่ยหยิงตงกับคุณชายสามของตระกูลจู มันค่อนข้างสมเหตุสมผล คนหนึ่งสามีตาย อีกคนหนึ่งภรรยาตาย พวกเขาอายุไล่เลี่ยกันด้วย เหมาะสมกันอยู่นะ”
“อะไรนะ… สองคนนั้นหรือ”
โม่เจ๋อหยวนไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าจะเป็นสองคนนี้ ตอนนี้เขาเห็นนิสัยที่แท้จริงของเหม่ยหยิงตงแล้ว และรู้สึกสงสารคุณชายสามของตระกูลจูขึ้นมาเล็กน้อย
“แม้คุณชายสามของตระกูลจูจะมีอายุแล้ว แต่เขาก็ยังดูดี อีกทั้งฐานะของเขาก็ค่อนข้างดี นิสัยก็ไม่ได้แย่ หากเขาต้องการแต่งงานกับเหม่ยหยิงตงจริง ๆ ฉันก็แอบสงสารอยู่หน่อย ๆ”
เมื่อถังซวงได้ทราบเรื่องนี้แล้ว เธอสอบถามเรื่องราวคุณชายสามของตระกูลจูอย่างละเอียด และรู้ว่าสิ่งที่โม่เจ๋อหยวนพูดนั้นเป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้นอำนาจของตระกูลจูไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร การที่ให้เหม่ยหยิงตงแต่งงานกับคุณชายสามตระกูลจูนับว่าเป็นเกียรติสำหรับเธอมากแล้ว
ทว่าน่าเสียดายที่แม้คุณชายสามของตระกูลจูจะน่าประทับใจ แต่เหม่ยหยิงตงยังไม่พอใจและไปที่มณฑลเจียงเพื่อตามตอแยกับจิงเจ้อหรง เห็นได้ชัดว่าความทะเยอทะยานของเธอยังไม่หมดไป
เพราะเมื่อเทียบกับตระกูลจิงแล้ว ตระกูลจูยังด้อยกว่า
เวลานี้แม้จะเป็นตระกูลจู ถังซวงก็ไม่ต้องการให้เหม่ยหยิงตงได้มีชีวิตที่สวยงาม
“ใช่ คุณชายสามของตระกูลจูน่าสงสาร ถ้าเขาต้องแต่งงานกับเหม่ยหยิงตง อย่างนั้น… เราต้องช่วยเขา”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง โม่เจ๋อหยวนอุทานขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ เธอจะทำอะไร?”
“แน่นอนว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง”
ในตอนท้าย แววตาของถังซวงเผยความเย็นชา
เพราะเหม่ยหยิงตงสามารถคิดแผนการทำลายเฮ่อหลานได้ ดังนั้นเธอก็จะใช้วิธีเดียวกันเพื่อให้เหม่ยหยิงตงได้ลิ้มรสความอัปยศนั้น
“ซวงเอ๋อร์ ถ้าอย่างนั้นเมื่อถึงเวลาเราจะลงมือด้วยกัน”
“อืม”
ถังซวงยกยิ้ม เธออดไม่ได้ที่จะหันมองโม่เจ๋อหยวนอย่างหยอกเย้า “พี่โม่ ถึงเวลานั้นพี่จะมาว่าฉันไม่ได้นะว่าพาพี่ทำเรื่องเลวร้าย”
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงกัน ซวงเอ๋อร์ของฉันทั้งใจดีและน่ารัก จะชักจูงคนอื่นทำเรื่องไม่ดีได้ยังไง”
“ฮ่า ๆ ๆ …”
ถังซวงไม่คิดมาก่อนว่าโม่เจ๋อหยวนจะช่างพูดขนาดนี้ ในใจของเธอรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไร มันก็ไม่ได้ดูแย่ในสายตาของโม่เจ๋อหยวนเลย
หลังตัดสินใจร่วมกันแล้ว ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพักผ่อน
เช้าตรู่ของวันถัดมา ถังซวงพาโม่เจ๋อหยวนออกไปรับประทานมื้อเช้า ก่อนจะตระเตรียมอุปกรณ์ เธอจะทำให้เหม่ยหยิงตงได้มีค่ำคืนที่น่าจดจำอย่างแน่นอน
“เสร็จแล้วค่ะพี่โม่ ทุกอย่างพร้อมหมดแล้วเหลือแค่รอเหม่ยหยิงตงเท่านั้น”
ทว่าโม่เจ๋อหยวนกลับถามอย่างไม่มั่นใจ “แล้วเหม่ยหยิงตงจะมาที่นี่จริง ๆ หรือ?”