การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย – บทที่ 259 สองพี่น้องเดินทางสู่เมืองไห่เฉิง

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

บทที่ 259 สองพี่น้องเดินทางสู่เมืองไห่เฉิง

EnjoyBook

บทที่ 259 สองพี่น้องเดินทางสู่เมืองไห่เฉิง

ก่อนที่ถังซวงจะออกจากเมืองหลวง คุณนายจิงได้เชิญทั้งสามแม่ลูกมาที่บ้านตระกูลจิงเพื่อรับประทานอาหารเย็นด้วยกันเป็นการส่งท้าย

เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลาน ถังซวง และถังเซวี่ยกำลังจะจากไป แววตาของคุณนายจิงก็เต็มไปด้วยความเศร้า “อาหลาน ทำไมถึงไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันล่ะจ้ะ? เรายังไม่ได้พูดคุยกันมากเท่าไหร่เลย”

เมื่อเห็นว่าหญิงชราตรงหน้าไม่ต้องการให้เธอกลับ แววตาของเฮ่อหลานก็วูบไหว

ในอดีตเธอเคยอาศัยอยู่กับแม่เฒ่าถังผู้โหดร้ายและยังไร้เหตุผล หล่อนทั้งข่มเหงเธอและลูกสาว ทว่าพอเทียบกับคุณนายจิงที่เอ็นดูทั้งสามแม่ลูกมากซึ่งมันต่างกันราวฟ้ากับเหว เธอถึงได้รู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้รับความรักจากอีกฝ่าย “คุณป้าคะ ถ้าพวกเราว่างเมื่อไหร่ เราจะมาเมืองหลวงทันทีค่ะ”

ส่วนจิงเจ้อหรงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “ใช่ครับแม่ คราวนี้ผมต้องกลับแล้วเหมือนกัน เพราะวันหยุดผมมีน้อยมาก ส่วนอาหลานและลูก ๆ จะกลับไปกับผมครับ ถ้าเรามีวันหยุดอีก ผมจะพาทั้งสามมาหาแม่กับพ่อแน่”

เมื่อคุณนายจิงได้ยินอย่างนั้น เธอหันมองลูกชายคนเล็กอย่างขุ่นเคือง “เป็นเพราะลูกนี่เองที่ยุ่งอยู่กับงานตลอดเวลาจนอาหลานและคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ต่อ”

“ครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง”

เป็นเรื่องยากที่จิงเจ้อหรงจะเอาชนะคุณนายจิงได้ เขาจึงยินยอมรับความผิดทั้งหมด “อาหลานเองก็อยากอยู่ต่ออีกสองสามวัน แต่น่าเสียดายที่ผมต้องกลับไปเมืองเวิงชานเพื่อทำงานที่ค้างไว้ให้หมด เพราะยังมีเรื่องที่พวกเขาต้องรอผมตัดสินใจอยู่ครับ”

หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว คุณนายจิงถอนหายใจแล้วพูดว่า “เฮ้อ พวกลูกสามพี่น้องนี้ไม่แตกต่างกันเลย มีแต่คนยุ่งอยู่กับงานทั้งนั้น เอาเถอะ วันนี้อยู่กินมื้อเย็นด้วยกันแล้วพรุ่งนี้เช้าพวกเราจะไปส่ง”

ก่อนจิงเจ้อหรงจะพูดต่อ เฮ่อหลานโบกมือแล้วพูดว่า “คุณป้าคะ พวกเราไปเองดีกว่าค่ะ ไม่ต้องไปส่งพวกเราหรอก” แน่นอนว่าเธอไม่กล้าให้ผู้อาวุโสทั้งสองลำบากไปส่งแน่

จิงเจ้อหรงเองก็พยายามเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “ใช่ครับแม่ ผมจะพาอาหลานกับพวกลูก ๆกลับเมืองเวิงชานเอง แล้วผมจะโทรหาหลังจากที่ถึงแล้วนะครับ พ่อกับแม่ไม่ต้องไปส่งหรอก”

เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานยืนกรานอย่างนั้น คุณนายจิงจึงไม่พูดอะไรต่อ

ตอนเที่ยง คุณชายจิงและจิงไค่หรง รวมถึงครอบครัวของจิงซิวหรงต่างก็มาร่วมรับประทานอาหารกันอย่างคึกคัก เพราะนี่เป็นการเลี้ยงส่งจิงเจ้อหรงด้วย

หลังรับประทานอาหาร คุณนายจิงพูดคุยกับเฮ่อหลานครู่หนึ่ง ขณะเดียวกันเธอยื่นกล่องผ้าที่เตรียมไว้มอบให้กับเฮ่อหลาน “อาหลาน นี่คือเรือนหอที่ตาเฒ่ากับฉันมอบให้เธอกับอาเจ้อ พวกเธอสองคนย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นได้ทันทีหลังจากแต่งงานเลยนะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานผลักกล่องผ้ากลับ

“คุณป้าคะ มันมากเกินไปแล้วค่ะ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก”

ทว่าคุณนายจิงกอบกุมมือเฮ่อหลานไว้แล้วพูดว่า “ไร้สาระน่า ทำไมจะรับไว้ไม่ได้ ฉันควรจะมอบมันตั้งแต่ที่เธอเดินเข้าประตูมาแล้วด้วยซ้ำ มาให้ตอนนี้ยังถือว่าช้าเกินไป” เพราะเมื่อพวกเขามาเยี่ยมในครั้งแรก วันแต่งงานยังไม่ถูกกำหนดชัดเจน ผู้อาวุโสทั้งสองจึงยังไม่ได้คิดเรื่องเรือนหอ แล้วก็ลากยาวมาจนถึงวันนี้

“คุณป้าคะ วันที่ฉันมาที่นี่ครั้งนั้น คุณก็มอบของขวัญให้กับฉันแล้วค่ะ”

เมื่อพวกเขากลับไป คุณนายจิงไม่เพียงแต่มอบของขวัญให้เธอเท่านั้น แม้แต่ถังซวงและถังเซวี่ยก็ได้เช่นกัน เพราะนี่เป็นครั้งที่สองที่ถังซวงมาที่บ้าน ซึ่งเธอก็ได้รับของขวัญต้อนรับตั้งแต่คราวก่อนแล้ว และในครั้งนี้ตระกูลจิงก็ยังคงมอบของขวัญให้ถังซวงจนเธอต้องยอมรับมันไว้

เมื่อคุณนายจิงได้ยินสิ่งที่เฮ่อหลานพูด เธอรีบกล่าวแทรกทันทีว่า “ก่อนหน้านี้เป็นเพียงของขวัญต้อนรับ แต่คราวนี้คือการมอบของขวัญให้กับเธอและอาเจ้อ มันคือเรือนหอไว้เริ่มต้นชีวิตคู่ต่างหาก รับมันไว้เถอะ ไม่อย่างนั้นอาเจ้อจะคิดน้อยใจว่าฉันเอาใจสะใภ้ใหญ่กับสะใภ้รองมากกว่านะ”

เมื่อเห็นคุณนายจิงพูดออกมาอย่างนั้น เฮ่อหลานจึงต้องยอมรับมัน

“คุณป้าคะ อย่างนั้นฉันขอรับไว้ค่ะ”

เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานยอมรับกล่องผ้านี้แล้ว ใบหน้าของคุณนายจิงก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหล่อนพาเฮ่อหลาน ถังซวง และถังเซวี่ยไปยังห้องพักเพื่อให้ทุกคนพักผ่อนหลังรับประทานมื้อเย็นเสร็จ และจิงเจ้อหรงจะไปส่งสามแม่ลูกในภายหลัง

วันรุ่งขึ้น จิงเจ้อหรงมาถึงกู่โหลวตั้งแต่เช้าตรู่

“อาหลาน ไปกันเถอะครับ”

เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานและคนอื่น ๆ เตรียมตัวพร้อมแล้ว จิงเจ้อหรงก็ช่วยขนของทั้งหมดแล้วมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟ

บนรถไฟขากลับ จิงเจ้อหรงยังคงเลือกเป็นตู้นอนเช่นเคยและทั้งสี่ก็อยู่ด้วยกัน

พวกเขามาถึงเมืองเวิงชานในช่วงบ่าย ตอนนี้สามแม่ลูกพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนหนึ่งคืน และค่อยกลับไปหมู่บ้านเถาฮวาในวันรุ่งขึ้นโดยที่จิงเจ้อหรงไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย

คราวนี้พวกเขาใช้เวลาเดินทางไปค่อนข้างมาก และหลังจากกลับมาถึงหมู่บ้านเถาฮวา เฮ่อหลานก็คิดจะไปที่โรงงานเย็บปักทันที

ขณะรับประทานอาหาร ถังซวงกล่าวขึ้นมาว่า “แม่คะ อีกสองวันหนูจะไปเยี่ยมพี่โม่ที่เมืองไห่เฉิง จะไม่อยู่บ้านสักพักนะคะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง เฮ่อหลานรู้สึกกังวลเล็กน้อย

“ซวงเอ๋อร์ ลูกจะไปที่นั่นคนเดียวหรือ?”

ซูเหนียนอวิ๋นและเกอชิงเหม่ยที่ไม่รู้จักซวงเอ๋อร์ดีนัก แต่พวกเขาก็เคยเห็นเธอตั้งแต่ยังตัวเล็กนิดเดียว เวลานี้หญิงสาวกำลังจะออกเดินทางคนเดียว ทำให้ทั้งหมดรู้สึกกังวลใจ “ซวงเอ๋อร์จะไปเมืองไห่เฉิงจริง ๆ หรือ? ถึงมันจะอยู่ไม่ไกลนัก แต่มันก็ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงที่จะเดินทางเพียงลำพังนะ”

เมื่อเห็นแม่ของตนและซูเหนียนอวิ๋นเป็นกังวล ถังซวงอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มแล้วตอบว่า “ฉันไปคนเดียวได้ค่ะ” หลังจากนั้นเธอเหลือบมองถังเซวี่ยแล้วถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย เรายังอยู่ในช่วงวันหยุด เธออยากไปเมืองไห่เฉิงด้วยกันไหม? ฉันจะพาไป”

ถังเซวี่ยรู้สึกสนใจและดีใจมาก หลังใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ตอบตกลงทันที “ค่ะ ฉันจะไปด้วย” จากนั้นเธอหันมองเฮ่อหลานแล้วพูดว่า “แม่คะ หนูจะไปกับพี่เองค่ะ แม่สบายใจได้เลย”

แม้ลูกสาวคนโตและลูกสาวคนเล็กจะไปที่นั่นด้วยกัน ทว่าเฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล

“แม่คะ หนูจะดูแลเสี่ยวเซวี่ยอย่างดีเลย”

หลี่จงอี้ที่อยู่ด้านข้างยกยิ้มแล้วพูดว่า “อาหลาน ชิงเหม่ย ไม่ต้องกังวลหรอก ซวงเอ๋อร์ทำได้อยู่แล้ว ให้เด็กสองคนออกไปท่องโลกสักครั้งเถอะ”

เฮ่อหลานรู้ดีว่าลูกสาวคนโตเก่งมากอยู่แล้ว เธอจึงไม่พูดอะไรมากและกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “อย่างนั้นก็ดูแลตัวเองให้ดีนะจ๊ะ”

ซูเหนียนอวิ๋นและเกอชิงเหม่ยหันมองหลี่จงอี้ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นหันมองถังซวงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานไม่พูดอะไร พวกเธอจึงไม่คัดค้านเช่นกัน

ตอนนี้ทั้งสองตัดสินใจจะเข้าเมืองไห่เฉิง ถังซวงและถังเซวี่ยจึงเตรียมเก็บข้าวของ และมุ่งหน้าสู่ท่ารถตั้งแต่เช้าตรู่

แต่กว่ารถจะเดินทางมาถึงเมืองไห่เฉิงก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว

“เสี่ยวเซวี่ย เดี๋ยวเราเข้าที่พักกันก่อนนะ”

“ค่ะ”

เมื่อมีถังซวงอยู่ใกล้ ๆ ถังเซวี่ยก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร เธอเดินตามพี่สาวเข้าที่พัก หลังจากจองห้องพักและเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว พวกเธอก็ตรงไปยังภัตตาคารตะวันตกทันที

“พี่คะ ฉันดีใจนะที่ได้ออกมากับพี่ ทุกอย่างเตรียมการไว้เรียบร้อยหมดเลย”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ในอนาคตเราคงได้ไปไหนด้วยกันบ่อยขึ้น”

“ค่ะ ดีจังเลย”

ถังเซวี่ยตอบกลับอย่างรีบร้อน พลางนั่งลงข้างถังซวง ไม่นานหลังจากนั่งลงบนเก้าอี้ เธอเห็นคนคุ้นเคยกำลังเปิดประตูเดินเข้ามาด้านใน

“อ้ะ…”

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย

Status: Ongoing
การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยเธอตื่นขึ้นมาในร่าง ‘ถังชวง’ เด็กสาวในยุค 70 ที่มีชีวิตแสนลำบากในตระกูลที่กขี่ทั้งเธอ แม่กับน้องสาว… แต่จากนี้เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอจะเป็นเศรษฐีนี่ให้ได้เลย! นิยายแปลเรื่อง การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนี่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย [重返七零之空间小辣]ผู้แต่ง:钰儿เรื่องย่อ: เธอเกิดใหม่มาในร่งของ ถังซวง’ เด็กสาวที่ถูกกใน ยุค 70!! แถมยังต้องมาเจอกับพ่อใจร้ายที่วัน ๆ เาแต่ทุบตี เธอเลยต้องวางแผนให้แม่หย่ากับพ่อเฮงซวยแบบนี้แล้วพาแม่กับน้องสาว ออกไปจากตระกูลปรสิตนี่ และหลังออกจากระกูล เธอก็มุ่งมั่นตั้งใจพาครอบครัวไปสู่เส้นทางเศรษฐีนี่ให้ได้ในสักวัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท