ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง – ตอนที่ 625 สายธารดวงดาว

ตอนที่ 625 สายธารดวงดาว

ดวงตาที่เดิมทีมีแต่ความเย็นชาดุจท่อนไม้ พอได้มองเห็นตู๋กูซิงหลันก็เหมือนได้เห็นสมุนไพรชุบชีวิต ในแววตาแต่ละดวงต่างก็เปล่งประกายขึ้นมา

ทุกตัวต่างก็โค้งศีรษะก้มลงไป หนวดมังกรลู่ลงมา นั่นเป็นวิธีแสดงความเคารพของเผ่ามังกร

มีแต่ยามที่แสดงความเคารพต่อประมุขผู้สูงส่งของเผ่ามังกร จึงจะแสดงออกเช่นนี้

แต่ว่าพวกมันต่างก็ไม่กล้าหยุดยั้ง ได้แต่แสดงความเคารพอย่างหยาบๆ คงจะเป็นเพราะเกรงว่าจะเป็นการเปิดเผยฐานะของนางออกมากระมัง

ตู๋กูซิงหลันถอยหลบไปด้านข้างก้าวหนึ่ง ในใจมีแต่ความปวดร้าว

นางไม่เพียงแต่เป็นฮ่องเต้หญิงของแผ่นดินโบราณ แต่ยังเป็นประมุขของเผ่ามังกรอีกด้วย

ผู้คนในแผ่นดินโบราณล้วนเป็นราษฎรของนาง ประชากรในเผ่ามังกรก็เช่นกัน

แต่ว่ายามนี้นางกลับต้องมาทนดูประชากรของตนเองรับโทษทัณฑ์

แม่งเอ้ย!

ตู๋กูซิงหลันถึงกับเกิดความตั้งใจจะรื้อถอนตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยนขึ้นมาเลยทีเดียว

นางต้องสูดลมหายใจลึกๆเข้าไปติดๆกัน ถึงจะสามารถสยบหัวใจที่พลุ่งพล่านลงไปได้

เหล่าเทพที่บ่นพึมพำอยู่ด้านข้างเมื่อครู่ พอได้เห็นท่าทีที่ดูแปลกๆของพวกมังกรหยกเหล่านั้น จึงหันมาสังเกตเห็นนาง

พวกเขาต่างเข้าใจไปว่า พวกมังกรหยกเหล่านั้นกำลังแสดงความเคารพต่อเยี่ยเฉิน

“หืม? นั่นคือเจ้าลูกผสมที่เทพสงครามนำกลับมาจากพิภพเบื้องล่างมิใช่หรือ?”

ประโยคนั้น กระตุ้นความสนใจของเทพองค์อื่นๆขึ้นมา

พวกเขาพากันหันมามองดูตู๋กูซิงหลันด้วยสายตาที่เกียจคร้าน

ในแดนสวรรค์นี้ เรื่องที่เทพสงครามนำลูกผสมผู้หนึ่งกลับมา กลายเป็นความลับที่ใครต่อใครต่างก็รู้กันไปทั่ว

ก็จะมิใช่ลูกผสมได้หรือ?

บุตรที่เกิดจากเชื้อสายของกบฏในแดนสวรรค์กับเผ่ามังกรทมิฬที่สกปรกโสโครก ย่อมจะต้องเป็นตัวโสโครกจนไม่อาจจะโสโครกไปกว่านี้อยู่แล้ว

ตอนนี้แค่เขามาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เหล่าเทพทั้งหลายต่างก็เกิดความรู้สึกว่าบรรยากาศเป็นมลพิษเสียแล้ว

“นับๆดูแล้ว ตั้งแต่ที่เผ่ามังกรทมิฬต่อต้านแดนสวรรค์ ก็เหมือนจะพึ่งผ่านไปเพียงหนึ่งหมื่นปีเท่านั้นเอง”

“ก็แค่พวกมังกรต่ำต้อย ไหนเลยจะสามารถเป็นศัตรูกับแดนสวรรค์ได้กัน”

“ต้องถือว่าเทพสงครามมีเมตตาปรานี ถึงได้มอบทางรอดชีวิตสายหนึ่งให้กับเจ้าลูกผสมนั่น ชักนำเขามายังแดนสวรรค์ กลายเป็นนักรบสวรรค์ไป”

“จากนี้พวกเผ่ามังกร สมควรยอมศิโรราบทั้งกายและใจ สำนึกในมหากรุณาของสวรรค์จึงจะถูก”

เทพทั้งหลายต่างก็พากันส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามออกมาไม่ยอมหยุด ต่างก็รอให้นางอดรนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายเปิดฉากลงมือก่อน พวกเขาจะได้สบโอกาสลงมือกับนางได้อย่างเต็มที่

เพราะอย่างไรคนก็เป็นเทพสงครามเป็นผู้นำมันตัวขึ้นมามิใช่หรือ? ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มตบตีคนก่อน

เพียงแต่ว่าเมื่อได้เห็นเจ้าลูกผสมอยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกเกะกะสายตา หากไม่ได้อัดมันสักรอบหนึ่ง ก็ยากที่จะระบายความอึดอัดออกไป

ตอนนั้นเพราะเผ่ามังกรทมิฬ ทำให้พวกเขาต้องสูญเสียนักรบสวรรค์ไปตั้งมากมายถึงเพียงไหน?

สงครามในครั้งนั้น ทำให้พวกเขาสะเทือนถึงแก่นแท้ กลายเป็นเหตุให้เกิดสงครามระหว่างเทพภูติในภายหลัง

ใช่แล้ว เดิมทีหากมิใช่เพราะฝีมือของพวกเผ่ามังกรทมิฬ พวกเขาย่อมสามารถกำราบพวกภูติให้ราบคาบได้อย่างง่ายดายกว่านี้มาก

บนแดนสวรรค์ ไม่มีเทพองค์ใดที่ไม่เกลียดชังเผ่ามังกรทมิฬและเผ่าภูติ

ในสายตาของพวกเขา เผ่าพันธุ์ทั้งสองคือตัวชั่วร้ายอย่างที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น มารดาของเยี่ยเฉินก็ยังเป็นลูกหลานของพวกกบฏ นี่จึงยิ่งทำให้พวกเขาเกลียดขี้หน้าไอ้ลูกผสมนี้ยิ่งกว่าเดิม

แต่เพราะว่า ตู๋กูซิงหลันเอาแต่สงบนิ่ง ทำให้พวกเขาได้แต่คันปากยิบๆ

ถึงแม้ว่านางจะแข็งแกร่ง แต่ก่อนที่จะรู้ถึงตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่าย ก็ไม่คิดจะลงมืออย่างวู่วาม

ก่อนที่จะขึ้นมาแดนสวรรค์ในครั้งนี้ นางได้ตั้งกฎให้กับตนเองเอาไว้ หากสามารถไม่ต้องลงมือ ก็จะไม่ยอมลงมือ

นางจะต้องรอดกลับไป

วิญญาณทมิฬบอกเอาไว้แล้ว ว่าจีเฉวียนกำลังจะกลับมาหานาง

นางเป็นคนที่รักษาคำพูดเสมอ ยอมไม่มีทางปล่อยให้จีเฉวียนที่กลับมาด้วยความยากลำบาก ไม่ได้พบเจอกับนางอีก

เมื่อพวกนางได้พบกันอีกครั้ง ก็จะไม่แยกจากกันอีกแล้ว

นางจะจูงมือเขาเอาไว้ จูบริมฝีปากของเขา กระทำเรื่องที่คู่รักชายหญิงต่างกระทำร่วมกัน รวมไปถึงทำเรื่องต่างๆที่ยังไม่เคยได้ทำทั้งหมดอีกด้วย

ความคิดถึงคนึงหาช่างปวดร้าว

“เศษสวะย่อมเป็นเศษสวะ ไม่มีเลือดที่ร้อนระอุเลยสักนิด ถูกด่าถึงเพียงนี้ ยังไม่คิดจะลงมือ?”

พวกเทพทั้งหลายเห็นนางยืนอยู่ในที่เดิม โดยไม่กล้าแสดงความขุ่นเคืองออกมาสักนิดเดียว

ก็พลันรู้สึกว่าช่างน่าเบื่อหน่าย

คิดๆดูแล้ว พวกเผ่ามังกรทมิฬในสมัยก่อนจะพอจะความฮึกเหิมอยู่บ้าง แต่พอมาถึงเจ้าสวะผู้นี้กลับไม่มีความกล้าแม้แต่น้อย

แต่ก็ใช่อยู่ ที่นี่คือแดนสวรรค์ ต่อให้เขาโกรธแค้น หรือยังจะกล้าแสดงความแข็งข้อออกมา?

เหล่าเทพต่างก็คิดกันไปเรื่อยๆ จนชักจะเกิดความเข้าใจในจุดประสงค์ของเทพสงครามขึ้นมา

ที่พามันขึ้นมาก็เพื่อเหยียดหยามมิใช่หรือ?

วันเวลาในแดนสวรรค์ช่างน่าเบื่อหน่าย เมื่อมีเจ้าตัวตลกอยู่เช่นนี้ก็พอจะคลายเบื่อไปได้

ดังนั้นพวกเขาจึงพากันด่าทอออกมาอีกชุดหนึ่ง พอเห็น ‘เยี่ยเฉิน’ ยังคงไม่ตอบโต้ ก็คล่อยๆสลายตัวแยกย้ายกันไป

ตู๋กูซิงหลันแอบจดจำรูปลักษณ์ของเทพเหล่านั้นเอาไว้ ภายหน้าวันใดที่ได้ขึ้นมาฆ่าล้างแดนสวรรค์ ก็จะเชือดฆ่าเจ้าพวกปากเน่าพวกนี้เสียก่อน

ทั้งๆที่เป็นเทพ แต่ว่าปากยังเหม็นเน่ายิ่งกว่าส้วมเสียอีก เช่นนั้นก็เฉือนทิ้งไปเสียเถอะ

ตู๋กูซิงหลันมีแค้นกับเยี่ยเฉิน แต่ว่านางไม่ได้มีความแค้นกับเผ่ามังกรทมิฬ

นางเป็นประมุขของเผ่ามังกรทั้งหมด ย่อมต้องอยากปกป้องเผ่าของตนเอง

แต่ว่าวันนี้นางต้องประหลาดใจแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ ตู๋กูซิงหลันยังไม่เคยเห็นเรื่องที่เยี่ยเฉินถูกดูหมิ่นเหยียดหยามจากความทรงจำในจิตมังกรของเขามาก่อนเลย

อืม นับว่าเขาก็มีศักดิ์ศรีของตนเองอยู่เหมือนกัน

จึงไม่ยินยอมให้ตู๋กูซิงหลันได้เห็นสภาพยามตกต่ำจนน่าอนาถของเขา

ถึงแม้ว่าเผ่ามังกรทมิฬจะถูกเหล่าเทพในแดนสวรรค์กักขังเอาไว้ในใต้ทะเลลึกมาเนิ่นนานหลายปี แต่ว่าเยี่ยเฉินจะอย่างไรก็เป็นถึงไท่จื่อของเผ่ามังกรทมิฬ เติบโตขึ้นมาด้วยการเลี้ยงดูที่มีแต่ถูกคนเคารพยอย่อง

มิว่าจะไปยังแห่งหนใด เผ่ามังกรทั้งหลายมีแต่ต้องนอบน้อม

แต่เมื่ออยู่ในแดนสวรรค์ เขากลับมิใช่อะไรทั้งสิ้น ทั้งยังเป็นสวะที่ผู้คนต่างนำมาล้อเลียน

ความแตกต่างกันราวฟ้าและดินเช่นนี้ หากว่าเปลี่ยนเป็นผู้อื่น คงต้องเสียสติไปแล้ว

พอถูกด่าทอเข้ารอบหนึ่ง จิตมังกรของเยี่ยเฉินก็พลุ่งพล่านด้วยความโกรธแค้น

ตู๋กูซิงหลันต้องออกแรงใช้พลังวิญญาณควบคุมเอาไว้

เมื่อเหล่าเทพพากันจากไป นางก็มิได้รั้งอยู่อีก หากแต่มุ่งไปทางสายธารดวงดาวที่อยู่ทางตะวันตก

พอออกมาจากอาณาเขตของตำหนักหลิงเซียวเป่าเตี้ยน อารมณ์ของตู๋กูซิงหลันก็ขุ่นข้องเช่นกัน

เมื่อผ่านตำหนักหลังอื่นๆนางย่อมไม่มีอารมณ์จะชื่นชมอีกต่อไป เพียงแต่จดจำอย่างเงียบๆ จนกลายเป็นภาพแผนที่อยู่ในส่วนลึกของสมอง

แดนสวรรค์กว้างใหญ่ไพศาล กวาดตามองไปอย่างไรก็ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด

จากเขตตะวันออกถึงเขตตะวันตก ถึงตู๋กูซิงหลันใช้วิธีเหาะไปเรื่อยๆ ก็ต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งค่อนวัน

แน่นอนว่า นางใช้ความเร็วในระดับของนักรบเทพเหาะไป

หากว่าใช้ความเร็วของตนเอง ย่อมไวกว่านี้มาก

สายธารดวงดาว เป็นจุดที่มีแสงดาวเปล่งประกายงดงามที่สุดในแดนสวรรค์

สายธารสีเงินยวงที่ส่องประกายระยิบพริบพราว เลื่อนไหลลงมาจากสุดปลายฟากฟ้า กลายเป็นธารน้ำที่คดเคี้ยวสายหนึ่ง

ภาพตรงหน้าช่างงดงามน่าประทับใจ จนตู๋กูซิงหลันถึงกับไร้คำพูดจะมาอธิบาย

ไม่มีสิ่งก่อสร้างวิจิตรงดงาม ไม่มีช่อฟ้าสลักทองระยิบระยับ

มีเพียงสายธารบริสุทธิ์จากธรรมชาติที่ไหลลงมาจากฟากฟ้าทอดตัวยาวออกไปไม่มีที่สิ้นสุด

สายน้ำทอประกายระยิบระยับวับวาวราวกับภาพในความฝัน

ริมฝั่งน้ำมองไปมีแต่ดวงดาว แสงดาวก็สะท้อนภาพลงมาในสายน้ำ ทำให้คนแยกไม่ออกว่าที่ใดคือสายน้ำ ที่ใดคือดวงดาวกันแน่

ตู๋กูซิงหลันเดินมาจนถึงริมน้ำ เงาในสายน้ำสะท้อนภาพของเยี่ยเฉินขึ้นมา

เมื่อมองลงไป กลับไม่อาจมองเห็นก้นบึ้งของสายธารได้เลย

หากยึดเอาตามที่สองนักรบเทพนั่นพูด ปลามังกรที่ใช้เลี้ยงดูเจ้านกยักษ์ สมควรจะแหวกว่ายอยู่ในนี้

ตู๋กูซิงหลันยืนอยู่ที่ริมฝั่งน้ำครู่หนึ่ง พอมองดูอย่างละเอียดค่อยสังเกตเห็นว่าในสายน้ำมีความเคลื่อนไหว

ต้องจ้องมองอยู่เนิ่นนาน ถึงได้เห็นปลามังกรสีทองตัวหนึ่งแวกว่ายไปมา

นางกระชับหอกในมือ กำลังเตรียมจะเขวี้ยงออกไป หอกในมือก็ถูกฝ่ามือใหญ่โตข้างหนึ่งรั้งเอาไว้

………………………

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Status: Ongoing

ตู๋กูซิงหลัน ปรมาจารย์ไสยศาสตร์ลับผู้เลอโฉมแห่งต้าโจวต้องกลายเป็นไทเฮาแม่ม่ายด้วยวัยเพียงสิบห้าปี และถูกคุมขังอยู่ในตำหนักเย็นด้วยข้อหา ‘งดงามจนทำให้อดีตฮ่องเต้ตกพระทัยตาย’ ด้วยเหตุนี้นางจึงตกเป็นที่รังเกียจของ จีเฉวียน ฮ่องเต้องค์ใหม่และเหล่าสนมทั้งสามพันนางของเขา ขณะกำลังคิดหาหนทางประจบฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อให้ชีวิตของนางได้อยู่สุขสบายขึ้นมาบ้าง บรรดาลูกสะใภ้ที่หวั่นใจกลัวว่าแม่เลี้ยงสาวจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนข้างหมอนก็พากันตบเท้าเข้ามาหาเรื่องนางมิขาดสาย ไหนจะอดีตคนรักอย่าง จีเย่ว์ ที่มาขอคืนดีด้วยอีก คราวนี้ตู๋กูซิงหลันจึงต้องรับศึกหนักทั้งซ้ายและขวา อีกทั้งยังต้องหาทางฟื้นพลังเพื่อตามหาหยกสรรพชีวิตไปด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้นางปีนออกนอกกำแพงวังได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท