ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – ตอนที่ 51 ความหวาดกลัวของหวงจุนเทียน ฉางซานคือสำนักใดกัน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 51 ความหวาดกลัวของหวงจุนเทียน ฉางซานคือสำนักใดกัน

หลังจากร่างของนักพรตเต๋าซั่นขุยไหม้สลายเป็นจุณ จิตดั้งเดิมของเขาลอยออกมา หานเจวี๋ยปรากฏกายขึ้นที่ด้านหน้าของเขา ยกมือขึ้นสำแดงพลังดูดวิญญาณหกสาย ดูดจิตดั้งเดิมเข้ากลางฝ่ามือ

หานเจวี๋ยออกแรงบีบ จิตดั้งเดิมของนักพรตเต๋าซั่นขุยถูกขยี้แหลกสลายในทันที

สังหารอย่างสิ้นซาก!

หวงจุนเทียนตาเบิกโพลง เขาไม่ทันแม้แต่ลงมือช่วย

รวดเร็วเกินไปแล้ว!

หานเจวี๋ยสังหารนักพรตเต๋าซั่นขุย ราวกับเหยียบมดตัวหนึ่งให้ตกตาย ช่างง่ายดายเสียเหลือเกิน

“คิดไว้ไม่มีผิดว่ามีกลลวง!”

หวงจุนเทียนพลิกกายกลับในทันที เลือกที่จะหลบหนี

หานเจวี๋ยกระโจนร่างในทันที เคลื่อนย้ายไปยังด้านหน้าหวงจุนเทียน ขวางเขาเอาไว้

เมฆตีลังกา!

ระยะทางในการเคลื่อนย้ายสัมพันธ์กับจำนวนพลังวิญญาณหกสายที่เขาใช้

การกระโดดหนึ่งแสนแปดพันลี้อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับหานเจวี๋ยแล้วการเคลื่อนย้ายในพื้นที่เล็กๆ นับว่าไม่เท่าไร

หวงเทียนจุนชะงัก มองหานเจวี๋ยด้วยความตกตะลึง

หานเจวี๋ยหยิบกระบี่กิเลนออกมา ปลายกระบี่ชี้ไปที่หวงจุนเทียน

“ช้าก่อน! อย่าเพิ่งลงมือ ข้าสามารถทำให้ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณยุติสงครามได้!” หวงจุนเทียนกล่าวเสียงขรึม เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก

หานเจวี๋ยขมวดคิ้วกล่าว “ถอนต้นก่นราก เข้าใจหรือไม่”

คิดไม่ถึงว่าหวงเทียนจุนจะขี้ขลาดเพียงนี้!

หานเจวี๋ยพลันนึกถึงคำแนะนำตัวของเขา ไม่ชอบการเข่นฆ่าสังหาร…

หรือหวงจุนเทียนไม่ได้อยากโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์?

เพราะเช่นนี้ การเคลื่อนไหวของลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณถึงได้เป็นไปอย่างล่าช้าหรือ

หวงจุนเทียนกล่าวจนใจ “อันที่จริงข้าก็ไม่ได้ต้องการสร้างความขัดแย้งมากมายเช่นนี้ แต่ข้าเป็นผู้นำลัทธิ ข้าต้องแบกรับทั้งลัทธิ หากไม่ใช่เพราะความคิดเห็นของข้า ไม่รู้ว่าศิษย์ของสำนักหยกพิสุทธิ์จะตายไปกี่คนแล้ว ตอนนี้ พวกเขาทุกคนยังมีชีวิตปลอดภัยดี

นี่ก็เป็นความจริง โจวฝานและหยางเทียนตงยังมีชีวิตอยู่

หานเจวี๋ยลังเลว่าจะสังหารเขาดีหรือไม่

หากเป็นจริงตามที่หวงจุนเทียนกล่าว หวงจุนเทียนยังสามารถยับยั้งลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณได้ หากว่าสังหารหวงจุนเทียนไป ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณคงจะคลั่งเป็นแน่ ถึงเวลานั้นคงจะล้างแค้นอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่หานเจวี๋ยไล่สังหารไปทั่วดินแดน

“ขอเพียงเจ้ายอมปล่อยข้า หลังจากข้ากลับไปจะสั่งการลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณให้หยุดโจมตีสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างแน่นอน!” หวงจุนเทียนกล่าวอย่างจริงจัง

เมื่อหานเจวี๋ยได้ฟัง สายตาพลันเป็นประกาย

หวงจุนเทียนลอบถอนหายใจ

ดูเหมือนว่าเจรจาได้!

ในตอนนั้นเอง!

หานเจวี๋ยก็พลันลงมือ ฟันออกไปหนึ่งดาบ

กระบี่ฟ้าสังหารเทพปีศาจ!

หวงจุนเทียนตกตะลึง รีบร้อนยกมือขึ้นกำบัง พลังวิญญาณแกร่งพลุ่งพล่านต้านทานปราณกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัว

แต่เขายังคงถูกฟันจนต้องถอยร่น โลหิตแดงฉานพุ่งทะลักออกมาจากปาก

“สหายเต๋า! เจ้า…”

หวงจุนเทียนหายใจหอบกระชั้น

[หวงจุนเทียนเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 2 ดาว]

หานเจวี๋ยแค่นเสียงเย็น

หวงจุนเทียนอาจจะไม่เต็มใจทำเช่นนี้ แต่หากปล่อยเขาไป เขาจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้จริงหรือ

เขาจะทำให้ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณหยุดลงมือได้หรือ

ก่อนหน้านี้ยังทำไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับภายภาคหน้า

ไม่สู้กำจัดทิ้งไปเสียตอนนี้ สั่นสะเทือนลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ!

เพื่อเลี่ยงไม่ให้ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณสร้างปัญหาอีกต่อไป!

หานเจวี๋ยวาดกระบี่กิเลน ปลายกระบี่ชี้ขึ้นฟ้า

พลังวิญญาณหกสายภายในร่างของเขาระเบิดขึ้น พุ่งทะยานไปบนฟ้า ทันใดนั้นเอง แสงสว่างสีครามก็ปรากฏขึ้นบนนภา ราวกับมหาสมุทรสะท้อนแสงประกายแวววาว เงากระบี่เล่มแล้วเล่มเล่าปรากฏออกมาอย่างรวดเร็วแข็งแกร่ง

หวงจุนเทียนขยับมือทั้งสองร่ายวิชา คทาทั้งสี่ปรากฏขึ้นรอบกาย หมุนรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว

เขามองดูเงากระบี่บนท้องฟ้า ในใจรู้สึกตื่นตระหนก

นี่มันวิชาเวทอะไรกัน

ไม่ใช่สิ!

มันคือพลังวิเศษ!

หานเจวี๋ยสำแดงพลังเทพหมื่นกระบี่ที่แท้จริงออกมา!

เงากระบี่นับพันกวัดแกว่งอยู่เหนือท้องฟ้า ช่างตระการตายิ่งนัก กระบี่ทั้งหมดชี้ตรงไปที่หวงจุนเทียน ทำให้หวงจุนเทียนมือเท้าเย็นเฉียบ

เขารีบสำแดงค่ายกลอย่างรวดเร็ว คทาทั้งสี่พลันแยกตัวออกห่างในทันใด ทั้งสี่มุมส่งพลังวิญญาณ ก่อตัวเป็นค่ายกลรูปสี่เหลี่ยมขนาดยักษ์

หานเจวี๋ยเหวี่ยงกระบี่ เงากระบี่นับหมื่นเล่มพุ่งตรงไปสังหารหวงจุนเทียน

ราวกับฝูงปลาที่ว่ายข้ามนที กองทัพสวรรค์ลงจากฟากฟ้า!

ตู้ม!

พลังเทพหมื่นกระบี่ปะทะเข้ากับค่ายกลของหวงจุนเทียน สั่นสะเทือนเมฆหมอกโดยรอบจนแหลกสลาย

อาภรณ์ของหวงจุนเทียนถูกพัดปลิวกระพืออย่างบ้าคลั่ง เขากัดฟันแน่น ทุ่มพลังทั้งหมดต้านทานไว้

“พลังวิเศษนี่ช่างร้ายกาจนัก”

ภายในใจหวงจุนเทียนเป็นกังวลจนถึงขีดสุด รู้สึกเสียใจจนอยากจะตาย

หากรู้เช่นนี้เขาน่าจะเชื่อใจตนเองตั้งแต่แรก ไม่ควรเชื่อวาจาลวงหลอก ออกมาสังหารสำนักหยกพิสุทธิ์ด้วยตนเอง

คิดไว้แล้วเชียว!

สำนักหยกพิสุทธิ์ไม่เกรงกลัวเพราะมีคนหนุนหลังจริงๆ!

ในขณะที่หวงจุนเทียนกำลังก่นด่าในใจอย่างโกรธเกรี้ยว ค่ายกลของเขาถูกกระแทกจนแหลกละเอียด เงากระบี่คลุ้มคลั่งปะทะกายเนื้อของเขา กระแทกจนกระอักเลือดลอยกระเด็นออกไปไกล

ไม่ได้แหลกละเอียดในทันที

แสดงว่าหวงจุนเทียนยังพอมีความสามารถ

ขณะที่คนผู้นี้ลอยกระเด็นออกไป ได้จังหวะพลิกกลับตัวและเหาะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนเขาก็ใช้พลังวิเศษอะไรบางอย่าง กายเนื้อแปรเปลี่ยนเป็นรุ้งหนึ่งสาย เลือนหายไม่เหลือแม้แต่เงาในชั่วพริบตา

ปล่อยไว้ไม่ได้!

หานเจวี๋ยรีบใช่พลังเมฆตีลังกา ไล่ตามกลิ่นอายพลังไปทันที

ในเมื่อลงมือโจมตีแล้ว ก็ต้องสังหารให้สิ้นซาก!

การเคลื่อนย้ายของหายเจวี๋ยรวดเร็วยิ่งกว่านัก

เขาตีลังกาหนึ่งตลบก็สามารถขวางหน้าหวงจุนเทียนได้

หวงจุนเทียนตกใจแทบตาย รีบสะบัดฝ่ามือในทันที

เวลาเพียงไม่นาน หานเจวี๋ยหยิบระฆังเพลิงอัคคีออกมา ตีใส่หวงจุนเทียนในทันที

เคร้ง!

ฝ่ามือขวาของหวงจุนเทียนค้ำยันอยู่บนระฆังเพลิงอัคคี สั่นสะเทือนจนรู้สึกเวียนศีรษะ

ระฆังเพลิงอัคคีขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว หานเจวี๋ยสะบัดมือขวาเพียงครั้ง ยกระฆังเพลิงขึ้นก่อนจะตีลงหนักๆ กดหวงเทียนจุนให้ล้มลงไป

ลึกเข้าไปในป่า เสียงของระฆังเพลิงอัคคีดังขึ้นไม่ขาดสาย ผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ต่างสั่นไหวสะเทือนสะท้าน

ป่าไม้ในรัศมีหลายร้อยลี้ถูกกดแบนราบติดกับพื้น

กายเนื้อของหวงจุนเทียนแหลกละเอียด จิตดั้งเดิมลอยขึ้นอย่างรวดเร็ว คิดจะหลบหนีอีกครั้ง

แต่กระนั้นระดับความเร็วของเขาในสายตาของหานเจวี๋ยกลับดูไม่มากพอ

หานเจวี๋ยสำแดงพลังดูดวิญญาณหกสาย ดูดดวงจิตของหวงจุนเทียนเข้าสู่กลางฝ่ามือทันที

เรียบร้อย!

เมื่อระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นเก้าเช่นหวงจุนเทียนเผชิญหน้ากับหานเจวี๋ย เสมือนกับต้วนทงเทียนที่ไร้พลังอำนาจเช่นเดียวกัน

บอสใหญ่ถูกข้าโจมตีพ่ายแพ้ไปอีกราย!

ข้าช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!

หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพึงพอใจ หลังจากนั้นหวนกลับไปยังสำนักหยกพิสุทธิ์

สถานที่ต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็ได้ดึงดูดผู้อาวุโสสำนักหยกพิสุทธิ์เข้ามาตรวจสอบดูแล้ว

หานเจวี๋ยใช้วิชาเทพวายุ อ้อมผ่านผู้อาวุโสเหล่านี้กลับไปที่ถ้ำเทวาฟ้าประทานอย่างรวดเร็ว

เมื่อไก่คุกรัตติกาลเห็นเขา ก็รีบร้อนถามขึ้นทันที “นายท่าน สถานการณ์เป็นเช่นไรบ้าง ยังต้องหนีอีกหรือไม่ ข้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว!”

หานเจวี๋ยกลอกตามองมา กล่าวขึ้นว่า “นายท่านเช่นข้าไม่ลงมือง่ายๆ หากว่าลงมือแล้ว ศัตรูต้องตายเรียบอย่างไม่ต้องสงสัย”

ไก่คุกรัตติกาลอึ้งตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงค่อยๆ ล้มตัวลง

หานเจวี๋ยนั่งอยู่บนตั่งไม้เตี้ย

เขายกมือขึ้น นำจิตดั้งเดิมของหวงจุนเทียนออกมา

เมื่อถูกผูกมัดด้วยพลังวิญญาณหกสาย จิตดั้งเดิมของหวงจุนเทียนจึงไม่สามารถหลบหนีออกไปได้

เมื่อเห็นหานเจวี๋ย ใบหน้าของหวงจุนเทียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถามขึ้นด้วยเสียงสั่นเทา “เจ้าเป็นใครกันแน่…”

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

แม้หวงจุนเทียนจะหวาดกลัว แต่ยังคงมีความั่นใจเปี่ยมล้น

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตนเองจะพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเช่นนี้

หานเจวี๋ยกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “จ้าวจื่อหลงแห่งฉางซาน”

สีหน้าไก่คุกรัตติกาลงงงวย

จ้าวจื่อหลงคือผู้ใด

“ฉางซานคือสำนักใดกัน” หวงจุนเทียนสงสัยเช่นเดียวกัน

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณของพวกเจ้าคงไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดอะไรเทือกนี้อยู่สินะ?”

นี่คือเหตุผลว่าทำไมจิตดั้งเดิมของหวงจุนเทียนยังไม่ถูกทำลายเป็นจุล นั่นเพราะว่าเขาจะใช้สืบหาข้อมูล

บัดนี้พลังดูดวิญญาณหกสายของเขาสามารถผนึกกักขังจิตดั้งเดิมและวิญญาณ เพื่อง่ายต่อการเค้นถาม

หวงจุนเทียนลังเล กล่าวขึ้นว่า “มี แต่ออกไปจากต้าเยี่ยนแล้ว ยามนี้ลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณมีเพียงข้าที่เข็งแกร่งที่สุด เจ้าปล่อยข้าไปได้หรือไม่ หากไม่ได้จริงๆ ข้าจะออกจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณ และเข้าเข้าร่วมสำนักหยกพิสุทธิ์!”

เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่รอด เขาสามารถละทิ้งศักดิ์ศรี

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

เจ้าหมอนี่นิสัยเหมือนเขายิ่งนัก!

ช่างทำให้คนรู้สึกดูแคลนเสียจริง!

หานเจวี๋ยแค่นเสียงเอ่ย “ดูพฤติกรรมของเจ้าแล้วกัน”

กล่าวจบ เขากำฝ่ามือขวา โยนจิตดั้งเดิมของหวงจุนเทียนเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณ กักขังเขาเอาไว้ในนั้น

หวงจุนเทียนหายไปแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องลัทธิศักดิ์สิทธิ์อาภรณ์ป้องพิรุณนั่นอีก

สามารถฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจ!

หานเจวี๋ยยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ฝึกบำเพ็ญต่อไป มุ่งสูงระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นสอง

……………………………………………………..

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท