ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 164 ระดับเซียนพิภพวัฏจักร!

อัสนีสวรรค์ที่มาแบบฉับพลันทำให้ทหารสวรรค์ทั้งกองตกใจ

พวกเขาเข้าใจไปว่าศัตรูเข้าจู่โจม จึงรีบรายงานแม่ทัพสวรรค์ จากนั้นเริ่มไต่สวนว่าอัสนีสวรรค์มาจากที่แห่งใด

ไม่นานนัก แม่ทัพสวรรค์ที่สวมเกราะหนาสีเงินสวมมงกุฎปีกหงส์ฝังมุกก็พาดดาบใหญ่รีบเร่งเข้ามา

แม่ทัพสวรรค์คนนี้ใบหน้าน่ายำเกรง ดวงตาทั้งคู่ดุจคบไฟ แม้ไม่โกรธก็น่าเกรงขาม

“อัสนีสวรรค์เมื่อครู่มาจากที่ใด” แม่ทัพสวรรค์ถามเสียงเข้ม

ทหารสวรรค์คนหนึ่งกล่าวตอบว่า “มาจากโลกมนุษย์จุดหนึ่งขอรับ”

“โลกมนุษย์?”

แม่ทัพสวรรค์เกิดความสนใจ เขาเดินไปข้างหน้าหลายก้าว หยิบกระจกบานหนึ่งออกมาแล้วส่องลงไปเบื้องล่าง มือซ้ายร่ายวิชาอยู่ด้านหลังกระจก

บานกระจกส่งลำแสงออกมา พุ่งทะลุเข้ากลางทะเลเมฆ

ผ่านไปไม่ทันไร ลำแสงเลือนหายไป แม่ทัพสวรรค์ยกกระจกขึ้นมาส่อง ภายในบานกระจกปรากฏภาพฉากที่จี้เซียนเสินกำลังฝ่าด่านเคราะห์

“เอ๋? โลกมนุษย์มีบุตรแห่งสวรรค์ระดับนี้โผล่มาอีกแล้ว ทำให้กฎสวรรค์สั่นสะเทือนได้ น่าทึ่งจริงๆ”

แม่ทัพสวรรค์พึมพำกับตัวเอง ดวงตากำลังเปล่งประกาย

เจ้าเด็กนี่ เขาต้องรับตัวมาให้ได้!

สามสิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยบรรลุไปถึงระดับเซียนอิสระวัฏจักรขั้นสมบูรณ์อย่างราบรื่น

ความเร็วของการทะลวงระดับเช่นนี้ เมื่อเทียบกับระดับเซียนอิสระเมื่อก่อนแล้วก็ช้าไม่มากนัก ถึงขั้นเรียกได้ว่าพอๆ กัน

ก่อนหน้านี้ประมาณร้อยปีก็สามารถทะลวงขอบเขตพลังใหญ่ขอบเขตหนึ่งได้ ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไร

หลังจากบรรลุถึงระดับเซียนอิสระวัฏจักรขั้นสมบูรณ์ หานเจวี๋ยหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา ก่อนเริ่มจัดการภารกิจประจำวัน

ทุกสิบปีเขาจะสาปแช่งหนึ่งรอบ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เหล่าศัตรูอยู่สบายจนเกินไป

เขาสาปแช่งไปพลาง ตรวจสอบกล่องจดหมายไปพลาง

[ถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากสัตว์ปีศาจ] x10489

[ถูหลิงเอ๋อร์ศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากราชาปีศาจ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ช่วงเวลาวิกฤตคับขันกระตุ้นให้ปล่อยพลังวิญญาณมหาเวท]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านหวนคืนโลกมนุษย์อีกครั้ง ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านได้รับวิชาเทพเซียนเข้าฝัน ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านตระหนักรู้พลังวิเศษบรรพกาล พลังมรรคเพิ่มพูน]

[หลิ่วปู๋เมี่ยสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารร้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส]

[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านช่วยเหลือธิดาเทพเผ่าปีศาจที่กลายร่างเป็นปลา ได้ธิดาเทพเผ่าปีศาจอุทิศกายถวายชีวิตให้ ตบะก้าวกระโดด]

……

นี่คือแสงสายัณห์ยามตะวันรอนของมรรคาสวรรค์หรือ

น่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน!

หานเจวี๋ยลอบเหน็บแนมกับตัวเอง

คนมากมายได้รับโอกาสวาสนา!

หานเจวี๋ยตระหนักได้ว่าหลิ่วปู๋เมี่ยถูกมารปีศาจโจมตี หลิ่วปู๋เมี่ยในตอนนี้เป็นถึงผู้อาวุโสคุมกฎของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ สถานะพิเศษ อย่าได้ตายเป็นดีที่สุด

เขาตรวจสอบภาพประจำตัวของหลิ่วปู๋เมี่ย พบว่ายังคงอยู่ นั่นหมายความว่าไม่เป็นอะไร

หานเจวี๋ยจึงสาปแช่งต่อ

ครึ่งเดือนต่อมา

เขาเริ่มฝึกฝนวิชาวัฏจักรหกวิถี เตรียมพร้อมทะลวงระดับเซียนพิภพ!

เขาเอาศิลาแคล้วสวรรค์เหน็บไว้ตรงเอว ศิลาแคล้วสวรรค์อยู่ใกล้เขามากหน่อย เขายิ่งมีความรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

ไม่รู้ว่าศิลาแคล้วสวรรค์จะทำให้เขาอยู่ที่โลกมนุษย์ได้นานแค่ไหน

ไอเซียนของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนเอ่อทะลักมาทางเขานับไม่ถ้วน ก่อตัวเป็นลมหมุนภายในถ้ำเทวา ทำให้อู้เต้าเจี้ยนไม่อาจสงบใจฝึกบำเพ็ญได้

หานเจวี๋ยจึงให้อู้เต้าเจี้ยนออกไปรอข้างนอก

ครั้งนี้ เขาจะต้องบรรลุระดับเซียนพิภพให้ได้!

……

ใต้ฟ้าสีคราม ท้องทะเลกว้างใหญ่

บนหาดทราย ฟางเหลียงนั่งอยู่บนโขดหินพลางทอดสายตามองท้องฟ้าไกล เหม่อลอยอยู่เงียบๆ

เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มในตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว ยามนี้เปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ช่วงไหล่ก็กว้างขึ้นไม่น้อย

หญิงชุดดำท่าทางงดงามเปี่ยมเสน่ห์คนหนึ่งเดินออกมาจากป่าด้านหลังของเขา ใบหน้าของนางสวยสด บนศีรษะมีหูสัตว์คู่หนึ่ง

นางเดินมานั่งลงข้างๆ ฟางเหลียง จากนั้นกล่าวเสียงนุ่มว่า “เหลียง ต่อไปเจ้าวางแผนไว้ว่าอย่างไร”

ฟางเหลียงดึงสติกลับมา ตอบว่า “ข้าอยากกลับไปพบอาจารย์ปู่ของข้า”

“ทำไมกัน ตกลงกันแล้วว่าจะไปพูดเรื่องแต่งงานกับท่านพ่อของข้าไม่ใช่หรือ”

“เรื่องนี้ต้องผ่านความเห็นชอบจากอาจารย์ปู่ของข้า”

“หือ? อาจารย์ปู่เจ้าเลี้ยงดูเจ้ามาหรือ”

“ไม่ใช่หรอก แต่หากไม่มีอาจารย์ปู่ของข้า ก็จะไม่มีข้าในวันนี้”

“ข้าไปกับเจ้าด้วยได้ไหม”

“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ รอให้อาจารย์ปู่ของข้าเห็นด้วยแล้ว ข้าจะรีบไปคุยเรื่องแต่งงานทันที”

“หากอาจารย์ปู่ของเจ้าไม่เห็นด้วยเล่า”

“ไม่หรอก วางใจเถิด อาจารย์ปู่ไม่ชอบยุ่งเรื่องส่วนตัวของพวกเรา ข้าแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องแจ้งให้เขาทราบก่อน นี่คือการเคารพ”

“เอาเถอะ”

หญิงชุดดำมุ่นคิ้ว แต่ก็ยังเห็นด้วยกับฟางเหลียง

ฟางเหลียงหยัดตัวลุกขึ้นตาม กล่าวด้วยว่า “เอาเช่นนี้แล้วกัน คราวหน้าไว้พบกันอีก”

หญิงชุดดำตอบรับครั้งหนึ่ง จากนั้นก็มองส่งฟางเหลียงเดินจากไป

“ฮึ นี่คือไอ้หนูที่เจ้าถูกใจรึ ถึงแม้คุณสมบัติจะไม่เลว แต่โตขนาดนี้แล้วยังต้องฟังคำของอาจารย์ปู่อยู่อีก หรือว่าอาจารย์ปู่เขาเป็นระดับมหายาน”

เสียงที่หยาบกระด้างและน่ายำเกรงดังขึ้นข้างหูของหญิงชุดดำ

หญิงชุดดำเอ่ยอย่างเง้างอด “นี่ไม่ใช่ว่าดียิ่งแล้วหรือ เน้นทั้งคุณธรรมและความรัก”

“ความรักระหว่างมนุษย์กับปีศาจ คนบนโลกยากจะเข้าใจยิ่ง หากอาจารย์ปู่ของเขาคัดค้าน…”

“ไม่มีทาง! เหลียงไม่มีทางทอดทิ้งข้า!”

“เช่นนั้นก็คอยดูไปเถิด”

สองปีต่อมา

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงระดับสำเร็จ!

[ชื่อ: หานเจวี๋ย]

[อายุขัย: 880/5,761,200]

[เผ่าพันธุ์: เซียน]

[ตบะ: ระดับเซียนพิภพวัฏจักรระยะต้น]

…….

ขณะมองหน้าจอแสดงคุณสมบัติของตน หานเจวี๋ยร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

อายุขัยห้าล้านเจ็ดแสนปี!

นี่แหละชีวิตอมตะ!

พลังเวทของหานเจวี๋ยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พลังจิตก็แกร่งขึ้นไม่หยุดเช่นกัน

หลังจากเข้าสู่ระดับเซียนพิภพ ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาล้วนได้รับการแปรสภาพ ฟ้าดินในสายตาของเขาแตกต่างไปจากเดิม

‘ห้ามหลงระเริง ตบะนี่ไม่พอให้ดูสักนิด!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ในใจ

หลังทะลวงระดับได้ เขายังต้องเร่งทำเวลาฝึกบำเพ็ญอีก

ครึ่งปีต่อมา หานเจวี๋ยก็ทำให้พลังเวทของระดับเซียนพิภพมั่นคงอย่างสมบูรณ์

เขาหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาเริ่มสะสางภารกิจประจำวันเพื่อฉลองให้เรื่องนี้

หลังจากสาปแช่งเสร็จสิ้น เขาก็เรียกอู้เต้าเจี้ยนเข้ามา จากนั้นตนเองก็ฝึกบำเพ็ญต่อไป

อู้เต้าเจี้ยนถามอย่างใคร่รู้ว่า “นายท่าน ท่านทะลวงระดับอีกแล้วหรือ”

นางเองก็กำลังแกร่งขึ้นเช่นกัน แต่ในสายตาของนางหานเจวี๋ยกลับยิ่งสูงส่งสุดจะหยั่งเข้าไปทุกที

“ใช่” หานเจวี๋ยตอบรับง่ายๆ เสียงหนึ่ง

อู้เต้าเจี้ยนกล่าวต่อว่า “สวินฉางอันอยากพบท่าน แต่ก็ดันไม่กล้า”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานเจวี๋ยลืมตาขึ้นแล้วจึงถาม “มีเรื่องอะไร”

“เขาอยากไปหาแม่นางเชี่ยนเอ๋อร์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ช่วงนี้เขาไม่ได้ฝึกบำเพ็ญ แต่นั่งอยู่ใต้ต้นฝูซัง เหมือนวิญญาณหลุดลอยไปก็ไม่ปาน”

พออู้เต้าเจี้ยนเอ่ยถึงเรื่องนี้ ก็อดส่ายหน้าไม่ได้

นางไม่อาจเข้าใจท่าทีของสวินฉางอันได้

จำเป็นต้องยึดติดกับคนคนหนึ่งเช่นนี้ด้วยหรือ

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

คำสาปแช่งของพุทธาเทพน่ากลัวขนาดนี้เชียว?

วิชากระบี่บินไร้หัวใจก็ไม่อาจทำให้สวินฉางอันลืมรักได้อย่างสิ้นเชิง

“ช่างเถิด ให้ฉี่เอ๋อร์ไปเป็นเพื่อนอาจารย์เขาเสีย จะได้ฝึกฝนเคี่ยวกรำเขาด้วยพอดี” หานเจวี๋ยเอ่ยปาก

มู่หรงฉี่กลับมาแล้ว กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ใต้ต้นฝูซังนี่เอง

อู้เต้าเจี้ยนลุกขึ้นนำความไปบอกต่อทันที

เมื่อสวินฉางอันที่แต่เดิมใจไม่อยู่กับตัวได้ยิน ก็ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้นทันที ก่อนโขกศีรษะไปทางถ้ำเทวาฟ้าประทาน

มู่หรงฉี่เบ้ปากกล่าว “ให้ข้าเฝ้าคุ้มครองอาจารย์?”

สวินฉางอันถลึงตามองเขาปราดหนึ่ง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ทำไม เจ้าไม่ยอมรับอาจารย์อย่างข้าคนนี้หรือ”

“มิใช่ เพียงแต่รู้สึกว่าท่านผู้เฒ่าอยู่ว่างจนเลอะเลือน ผู้หญิงทั่วหล้ามีตั้งมากมาย กลับไล่ตามคนคนเดียวอยู่ได้”

“เฮอะ เจ้าไม่เข้าใจหรอก บนโลกนี้สิ่งที่จริงใจที่สุด บริสุทธิ์ที่สุด และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือความรัก”

“ความรักทำลายอุปสรรคด้านรูปลักษณ์หน้าตาได้หรือไม่ล่ะ”

“…”

หยางเทียนตงที่อยู่ไม่ไกลมองดูอย่างอิจฉา

ดวงของพระอัปลักษณ์นี่ช่างดีเสียจริง ทั้งยังมีศิษย์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่เคียงข้าง

ถ้าเจ้ามีศิษย์ที่เก่งกาจขนาดนี้อยู่ ไยต้องกังวลอีกว่าจะไม่อาจกลายเป็นราชาปีศาจกุมอำนาจคับฟ้า?

‘พอดีเลย ถ้าเขาออกไป ระยะนี้หากอาจารย์อยากรับศิษย์ใหม่อีก ข้าก็สามารถรับไว้ได้’ หยางเทียนตงคิดไว้อย่างสวยหรู

เขาอยากได้ตัวมู่หรงฉี่กับฟางเหลียงมาเหลือเกิน

พรสวรรค์ของสองคนนี้ช่างสุดแสนจะพิสดาร!

…………………………………………………………………….

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท