ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 223 จอมเทพอู่เต๋อ มู่หรงฉี่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 223 จอมเทพอู่เต๋อ มู่หรงฉี่สำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์

หลังจากได้รู้ความจริง หานเจวี๋ยก็รีบใช้ป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ติดต่อกับตี้ไท่ไป๋

ไม่นาน พลังจิตก็เชื่อมต่อสำเร็จ

“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดวังสวรรค์ถึงมีคนจงใจเพิ่มระดับดวงชะตาโลกเมฆาแดงของข้า” หานเจวี๋ยซักถาม

เขาชักเริ่มโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ

เมื่อตี้ไท่ไป๋ได้ยิน ก็อดจนคำพูดไม่ได้

‘ช่วยเจ้ายังไม่ดีอีกหรือ’

ตี้ไท่ไป๋กล่าวว่า “ยิ่งโลกเมฆาแดงแข็งแกร่งเพียงใด สำหรับเจ้าแล้ว ผลประโยชน์ก็ยิ่งมากขึ้น ดวงชะตายิ่งแข็งแกร่ง โอกาสเผชิญกับการโจมตีจากมารในใจก็ยิ่งน้อยลง อีกอย่าง บรรดาศิษย์ลูกศิษย์หลานของเจ้าก็สามารถติดตามเจ้าไปได้ตลอด นี่ก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอกรึ”

หานเจวี๋ยกล่าว “ข้ากลัวความวุ่นวาย ยิ่งโลกเมฆาแดงแข็งแกร่ง ย่อมต้องถูกศัตรูจับจ้องมากขึ้นกว่าเดิม”

“นั่นก็จริง เพราะอย่างนั้นแล้ว ต้องทำให้บรรดาศิษย์ของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็ว ต่อไปจะได้แนะนำให้เข้าสู่วังสวรรค์”

“ให้ตายเถอะ รอข้าอยู่ที่นี่เองหรือ”

“อย่าใส่ใจไปเลย เจ้าอยากบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียนก็ต้องได้รับดวงชะตา ไม่ว่าวิชายุทธ์อะไร ล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งนั้น ไม่นานเจ้าก็จะเข้าใจเอง ไม่ต่อสู้แย่งชิงกับผู้อื่น ก็ต้องได้รับตำแหน่งเทพ”

“จริงหรือ”

“ข้าโกหกเจ้าได้หรือ”

หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ

เขาไม่ถอดใจ กล่าวว่า “เช่นนั้นท่านต้องเกณฑ์ผู้แข็งแกร่งมาเฝ้าห้วงอากาศว่างเปล่าของโลกเมฆาแดง ไม่เช่นนั้นข้าคงกลัวตาย”

“ตอนนี้มีสักกี่คนกันที่สามารถฆ่าเจ้าได้” ตี้ไท่ไป๋กล่าวอย่างจนปัญญา

หลังจากได้รู้ว่าหานเจวี๋ยเป็นเซียนทอง เขาก็เข้าใจว่าตนอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหานเจวี๋ยอีกแล้ว

สิ่งแรกสุดของหานเจวี๋ยที่ดึงดูดวังสวรรค์นั้นก็คือพลังต่อสู้

ต่อสู้ข้ามขอบเขตพลัง!

หานเจวี๋ยกล่าว “เพิ่มมาอีกสักคนข้าจะได้เบาใจ”

“เอาเถิด เรื่องนี้ข้าจะทูลขอกับฝ่าบาท”

“ช่วงนี้ฝ่าบาทจักรพรรดิสวรรค์เป็นอย่างไรบ้าง”

“ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งสยบกำราบจักรพรรดิเซียนท่านหนึ่ง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงฝ่าบาท ผู้แข็งแกร่งที่สุดของวังสวรรค์ก็คือฝ่าบาท”

“เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว”

หลังจากตัดการติดต่อทางพลังจิต หานเจวี๋ยก็บ่นอุบด้วยความแปลกใจ

‘คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิสวรรค์จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของวังสวรรค์

หรือว่าตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ต้องอาศัยหมัดมวยแย่งชิงมา

รอให้เขาเหนือกว่าจักรพรรดิสวรรค์ ก็สามารถเป็นจักรพรรดิสวรรค์ได้เหมือนกันใช่หรือไม่

ช่างเถอะ!

วุ่นวาย!

อีกอย่างจักรพรรดิสวรรค์ก็มีบุญคุณต่อเขา เขาไม่มีทางทรยศหักหลังจักรพรรดิสวรรค์แน่’

หานเจวี๋ยไม่ไปคิดวุ่นวายเรื่องของโลกมนุษย์อีก ฝึกบำเพ็ญต่อไป

หลังจากนั้นช่วงหนึ่ง พลังวิญญาณของทั่วทั้งโลกมนุษย์ล้วนเพิ่มระดับขึ้น เรียกเสียงฮือฮาจากสิ่งมีชีวิตทั้งปวง

สำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ก็ตกใจมากเช่นเดียวกัน เหล่าผู้บำเพ็ญยังคิดว่าเป็นผู้อาวุโสสังหารเทพที่อวดอุตริ

บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน ไม่รู้ว่าฉู่ซื่อเหรินถูกอะไรกระตุ้น เริ่มมุมานะบำเพ็ญตบะ ระดับความเร็วของการทะลวงขอบเขตของเขาก็กระตุ้นคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

ในที่สุดโจวหมิงเยวี่ยก็เริ่มสำแดงพรสวรรค์ของตนออกมาแล้วเช่นกัน

ผ่านไปสี่สิบปี

ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ทะลวงถึงระดับเซียนทองวัฏจักรระยะกลาง น้ำตาแทบหลั่งริน

หลังจากทะลวงขั้นแล้ว เขาก็รีบเพิ่มระดับให้พลังวิเศษของตนทันที

สามปีต่อมา ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มระดับรอบด้านจนถึงขีดจำกัดในปัจจุบัน

หานเจวี๋ยเริ่มทำแบบจำลองการทดสอบ โจมตีเจียงอี้

เวลาช่วงหนึ่งก้านธูปผ่านไป

เขาลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วน้อยๆ

สังหารเจียงอี้ต้องใช้เวลานานเพียงนี้ เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งจนผิดมนุษย์มนาจริงๆ!

ผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้ ความแข็งแกร่งของเจียงอี้ย่อมต้องแกร่งยิ่งกว่าในแบบจำลองการทดสอบเป็นแน่

‘เฮ้อ เหนือคนยังมียอดคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า ข้ายังต้องเร่งทำเวลาฝึกบำเพ็ญเสียแล้ว’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ ในใจมีความรู้สึกร้อนรน

ไม่อาจปล่อยให้เจียงอี้เหนือชั้นกว่าได้อีกต่อไป!

การต่อสู้ครั้งหน้า เขาจะต้องมีความสามารถในการปลิดชีพเจียงอี้ในฉับพลันให้ได้!

แววตาของหานเจวี๋ยฉายความมุ่งมั่น

“นายท่าน ลี่เหยาออกจากโลกมนุษย์ที่นางอาศัยอยู่แล้ว แต่นางกำลังหลงทาง ควรชี้แนะสักหน่อยดีหรือไม่” อู้เต้าเจี้ยนเห็นหานเจวี๋ยลืมตา จึงอดเอ่ยถามขึ้นไม่ได้

ในกาลเวลายาวนาน การเฝ้ามองประสบการณ์ชีวิตของลี่เหยากลายเป็นความสนใจที่สำคัญของนางไปเสียแล้ว

ยามที่ลี่เหยาได้รับบาดเจ็บ นางก็จะอนาทรร้อนใจ ยามเมื่อลี่เหยาบุกฝ่าวงล้อมแน่นหนาออกมาได้ นางก็จะดีอกดีใจ

หานเจวี๋ยรู้สึกโชคดีที่นางไม่ได้อยู่ในสังคมสมัยใหม่ของโลก ไม่อย่างนั้นต้องจบเห่แน่ๆ วันๆ เอาแต่หมกตัวดูละครอยู่ในบ้าน

“ไม่เป็นไร ขอเพียงผ่านประสบการณ์พันทุกข์หมื่นอันตราย ถึงจะรู้คุณค่า” หานเจวี๋ยกล่าวตอบกลับ

จากอุปนิสัยรอบคอบระมัดระวังของลี่เหยา ยากที่จะตายระหว่างทาง

อู้เต้าเจี้ยนกล่าวทอดถอนใจ “หวังว่านางจะสามารถประคับประคองต่อไปได้”

มองดูลี่เหยามานานเพียงนี้ ทำให้อู้เต้าเจี้ยนรู้สึกชอบลี่เหยามากยิ่งนัก ที่สำคัญคือลี่เหยาไม่ได้เป็นฝ่ายไปหาเรื่องใครก่อน ไม่เจ้าน้ำตา มักจะแสดงออกได้อย่างหนักแน่น

หานเจวี๋ยเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างวารีทางช้างเผือกสวรรค์เก้าชั้นฟ้า หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา เริ่มสาปแช่งศัตรู

ไม่เจอกันหลายปี ลี่เหยายังคงเป็นเหมือนในคราแรก สวมชุดสีขาว กระจ่างขาวใสราวหิมะ เดินเหินท่ามกลางห้วงอากาศว่างเปล่า สง่างามทว่าลึกลับ เสมือนเทพเซียนที่สัญจรอยู่ในกลียุค ปราศจากจุดมุ่งหมาย

การเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียวก็คือสายตาของนางที่แน่วแน่มากกว่าเดิม

หลายเดือนต่อมา หานเจวี๋ยสาปแช่งเสร็จสิ้น ตรวจดูจดหมายเสียหน่อย แต่กลับไม่เห็นว่าศัตรูใดถูกตนสาปแช่งจนได้รับบาดเจ็บ

น่าเสียดาย!

หานเจวี๋ยบำเพ็ญตบะต่อไป เร่งทำเวลาบรรลุถึงระดับเซียนทองวัฏจักรระยะปลายในเร็ววัน

สิบปีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เตรียมผ่อนคลายสักหน่อย เขาตรวจสอบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกเมฆาแดงตามความเคยชิน

[จอมเทพอู่เต๋อ: ระดับเซียนทองไท่อี่ขั้นสมบูรณ์ แม่ทัพสวรรค์ขั้นสามแห่งวังสวรรค์]

‘ผู้แข็งแกร่งจากวังสวรรค์มาแล้ว!’

มุมปากของหานเจวี๋ยยกโค้ง

จักรพรรดิสวรรค์เชื่อถือได้ทีเดียว

หานเจวี๋ยรีบจำลองการทดสอบทันที

ไม่ได้ปลิดชีพในฉับพลัน!

จอมเทพอู่เต๋อประคองไว้สิบวินาที!

‘ไม่เลวๆ!’

หานเจวี๋ยพึงพอใจกับความแข็งแกร่งของจอมเทพอู่เต๋อเป็นอย่างมาก อย่างไรเสียเขาสู้กับตี้ไท่ไป๋และเสียงหลงฝัวล้วนสามารถปลิดชีพในฉับพลันได้

มีจอมเทพอู่เต๋ออยู่ หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญก็เริ่มมั่นคงแข็งแรงขึ้นแล้ว

“นายท่าน มู่หรงฉี่มาหาท่าน เขาอยากสำเร็จมรรคผลขึ้นสู่สวรรค์”

อู้เต้าเจี้ยนเห็นหานเจวี๋ยลืมตา จึงรีบเอ่ยปากกล่าวทันที

ได้ยินเช่นนี้ หานเจวี๋ยก็อดเลิกคิ้วไม่ได้

“ให้เขาเข้ามาเถิด”

หานเจวี๋ยกล่าวพึมพำ อู้เต้าเจี้ยนพยักหน้าลง หลังจากนั้นก็ออกไปเรียกมู่หรงฉี่เข้ามา

มู่หรงฉี่เข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้าหานเจวี๋ย กล่าวว่า “อาจารย์ปู่ ท่านสามารถทำให้ข้าเข้าสู่วังสวรรค์ได้หรือไม่ มรรคของข้าเป็นมรรคแห่งการต่อสู้ มีเพียงอยู่ในการต่อสู้ข้าถึงจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว”

หานเจวี๋ยกล่าว “ไม่มีปัญหา แต่ว่าทำสิ่งใดต้องระวัง ออกไปข้างนอกจะต้องรอบคอบ วังเทพค้นพบเจ้าแล้ว”

มู่หรงฉี่พยักหน้า เขาครุ่นคิดใคร่ครวญมามากแล้ว อันตรายใดๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นล้วนขบคิดมาหมดแล้ว

หานเจวี๋ยนำป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา ติดต่อกับตี้ไท่ไป๋ต่อหน้ามู่หรงฉี่ทันที

“ข้ามีศิษย์ผู้หนึ่งอยากเข้าสู่วังสวรรค์ เขาอยากต่อสู้ ช่วยจัดการให้สักหน่อยได้หรือไม่” หานเจวี๋ยเอ่ยปากกล่าว

ตี้ไท่ไป๋กล่าวยิ้มๆ “ไม่มีปัญหา ใช่มู่หรงฉี่คนนั้นหรือไม่”

“ดูท่าพวกท่านคงหมายตาเอาไว้แต่แรกแล้ว”

“จักรพรรดิเทพเมี่ยวเจินแห่งวังเทพ พวกเราก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานานแล้ว เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะพยายามให้เขาออกจากวังเทพ สู้ศึกกับวังปีศาจก่อน”

“ดี!”

หานเจวี๋ยตัดการติดต่อ มองไปทางมู่หรงฉี่แล้วกล่าวว่า “เรียบร้อยแล้ว”

หรือจักรพรรดิสวรรค์จอมเจ้าเล่ห์นี่จะรู้แจ้งชัดเจนแม้กระทั่งรากฐานพลังของเขาเพียรบำเพ็ญเซียนแล้ว

ไม่คิดว่าแม้กระทั่งจักรพรรดิเทพเมี่ยวเจินกลับชาติมาเกิดก็ยังรู้แน่ชัด

มู่หรงฉี่เอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “อาจารย์ปู่ ท่านกับวังสวรรค์มีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่”

นี่ไหนเลยจะใช่หน้าป้ายของเทพโลกมนุษย์ มู่หรงฉี่รู้สึกว่าหานเจวี๋ยอาจจะเป็นเทพเซียนขั้นสอง ถึงขั้นอาจจะสูงกว่านี้

หานเจวี๋ยกล่าวยิ้มๆ “อย่างไรวังสวรรค์ก็ปฏิบัติต่อข้าไม่เลว เจ้าสามารถอยู่ที่วังสวรรค์ได้อย่างสบายใจ”

วังสวรรค์ล่วงเกินผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยเพื่อเขา เรื่องมาถึงตอนนี้ หานเจวี๋ยก็เชื่อใจจักรพรรดิสวรรค์แล้ว

มู่หรงฉี่พยักหน้า กล่าวว่า “อาจารย์ปู่ ข้าทิ้งถ้ำเทวาไว้ในโลกเบื้องบน รอให้ข้าหาพบ เมื่อถึงตอนนั้นจะส่งสมบัติจำนวนหนึ่งกลับมา ช่วยเพิ่มพูนพลังวิญญาณให้เขาเพียรบำเพ็ญเซียน ข้ายังมีบริวารอยู่กลุ่มหนึ่ง สามารถมาอารักขาเขาเพียรบำเพ็ญเซียนก็ได้”

บริวาร?

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “พวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด”

“ระดับเซียนทองไท่อี่ รวมทั้งสิ้นเจ็ดสิบสองคน”

คำตอบของมู่หรงฉี่ทำให้หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

มากมายเพียงนี้เชียว

เซียนทองมากมายดุจฝูงสุนัข?

………………………………………………….

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท