ตอนที่ 683 ไอสังหาร ความหนาวเย็น ที่ซ่านเข้าไปในแก่นกระดูกและหัวใจ
ท่ามกลางหมอกสีดำ จีเฉวียนยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ปลายนิ้วที่เรียวยาววางอยู่บนพิณอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นสายพิณก็ถูกดีดขึ้นมา
“ติ้ง….” เสียงพิณสะท้อนออกไป หมอกสีดำที่กระจายครอบคลุมแผ่นฟ้าด้านหลังของเขาพลันกลายเป็นแท่งน้ำแข็งสีดำอีกครั้ง
น้ำแข็งแต่ละแท่งทั้งหนาและใหญ่ขนาดเสารอบนอกของพระที่นั่งหลิงเซียวเป่าเตี้ยน
ปลายแหลมบนขอบน้ำแข็ง เรืองประกายแสงที่หนาวเย็นออกมา
และพุ่งออกไปด้วยความเร็วและน้ำหนักที่มหาศาล
ตี้เสียลอยกระเด็นออกไปไกลหลายร้อยเมตร พระองค์ยังมิทันจะประทับยืนได้อย่างมั่นคง ก็ทรงเห็นแท่งน้ำแข็งเหล่านั้นพุ่งเข้ามาหา
สีพระพักตร์ของพระองค์ต้องเปลี่ยนไป ทรงขับพลังวิญญาณในร่างออกมา ขณะเดียวกันก็กระชับดาบอาทิตย์เทพในพระหัตถ์ คิดจะตัดแท่งน้ำแข็งสีดำเหล่านั้นให้หมดสิ้น
เสาน้ำแข็งเหล่านั้น ยังใหญ่โตกว่าเงาดาบเทพของพระองค์หลายต่อหลายเท่า ไอหนาวเย็นกำจายออกมา ยามที่พุ่งผ่านอากาศแม้แต่ประกายไฟที่มันวิ่งผ่านก็ถูกดับจนหมดสิ้น ความว่างเปล่าที่ฉีกขาดก็ถูกควบแน่นจนกลายเป็นหมอกสีดำ
ภาพที่ได้เห็นจึงทำให้ผู้คนตื่นตระหนกขึ้นมา
ตี้เสียสะบัดดาบออกไป ได้ยินเสียงกึกก้องดังขึ้นมา คมดาบฟันใส่เสาน้ำแข็งแท่งนั้น จนเกิดการกระทบกันของระหว่างเปลวไฟและน้ำแข็ง
แต่ว่าครั้งนี้ เรื่องราวกลับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพระองค์ไปแล้ว
เสาน้ำแข็งสีดำแท่งนั้น แม้แต่ดาบอาทิตย์เทพของพระองค์ก็ไม่อาจหลอมละลายได้หรือนี่?
คมดาบที่สะบัดออกไป เพียงผ่าเสาน้ำแข็งออกไปเป็นสองส่วน แท่งน้ำแข็งที่คมกริบแท่งนั้นมีได้ถูกหยุดไว้ หากแต่ยังคงพุ่งเข้าใส่พระองค์ดังเดิม
ปลายแหลมเฉียดผ่านพระฉวีของพระองค์ไป ผิวชั้นนอกที่สัมผัสโดนเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ตี้เสียยกดาบขึ้นมา เฉือนเนื้อหนังส่วนที่โดนสัมผัสทิ้งไปทั้งทีโดยไม่แม้แต่จะทรงหยุดคิด
เสาน้ำแข็งอื่นๆที่ลอยเกลื่อนทั่วท้องฟ้าก็มิได้หยุดนิ่งเช่นกัน ทั้งหมดยังคงพุ่งลงมายังเบื้องล่างราวกับโปรยทานลงไป
ทั้งๆที่เห็นอยู่ว่าพวกมันพุ่งออกมาจากเบื้องหลังของจีเฉวียน แต่ว่าตอนนี้มันกลับร่วงลงมาราวกับพลังจากภายนอกที่ถล่มใส่แดนสวรรค์
ในบรรดาเสาน้ำแข็งเหล่านั้นมีอยู่สองแท่งที่พุ่งข้ามไป พวกมันพุ่งเข้าใส่เจดีย์กำราบเทพมาร ทะลวงจนเกิดเป็นโพรงขนาดใหญ่สองโพรง
เจ้านกยักษ์อยากจะร้องไห้ออกมา สัตว์อสูรตัวอื่นๆต่างก็หลบหนีกันไปหมดแล้ว พวกมันพากันถอยออกไปจากศูนย์กลางของสนามรบนี้จนไกลพ้น ….แต่ว่ามันกลับหนีไปไหนไม่ได้
เพราะกรงเล็บของมันติดอยู่ในซอกตรงนี้….
แท่งน้ำแข็งขนาดมหึมานั่น แม้แต่เจดีย์กำราบเทพมารยังทะลุเป็นรูโบ๋ ร่างกายของมันแม้จะแข็งแกร่งเพียงไหนก็มีหวังกลายเป็นรูได้เหมือนกัน
ดวงตาที่โตปานระฆังทองแดงของมันมีน้ำตาคลอ มันหันกลับไปมองดูทิศทางที่จีเฉวียนอยู่แวบหนึ่ง
พอกวาดตามองไป วิญญาณก็แทบจะหลุดออกจากร่าง
นัยตาที่มีประกายสีม่วงเข้มนั่น ……
ทำให้มันต้องตัวสั่นสะท้าน!
มันนึกย้อนกลับไปถึงบุรุษผู้นั้น…. บุรุษที่แสนจะน่าสะพรึงกลัวของยุคบรรพกาล บุรุษที่ภูติผีเห็นภูติผีผวา สัตว์อสูรเห็นก็ต้องร่ำไห้ออกมา…..
เขา…เขาสาปสูญอย่างตลอดกาลไปแล้วมิใช่หรือ?
……………..
ในอ้อมอกของจีเฉวียน ตู๋กูซิงหลันลืมตาขึ้นมา นางมองผ่านแถบผ้าถูกผมสีม่วงออกมา ผ้าผูกผมเส้นนี้เป็นผ้าโปร่งสีม่วง ย่อมสามารถมองเห็นภายนอกได้
นางไม่เชื่อฟังเขา แอบหรี่ตามองดูจีเฉวียนแวบหนึ่ง
ทันทีที่มองไป แม้ว่าจะมีผ้าถูกผมขวางไว้ นางก็ยังสามารถมองเห็นลวดลายสีดำบนข้างแก้มของเขาได้อยู่ ทั้งยังเห็นนัยตาที่ทั้งงดงามโหดเหี้ยมคู่นั้น เส้มผมยาวสลวยของเขาพลิ้วไหว บรรยากาศที่น่าอันตรายแผ่ขยายออกมา
นี่คือจีเฉวียนที่นางไม่เคยได้เห็นมาก่อน
ดวงหน้ายังคงเป็นดวงหน้านั้น แต่ว่าบรรยายกาศรอบกายกลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ไอสังหาร ที่เย็นยะเยือก แผ่ซ่านออกมาจนแทรกซึมเข้าไปในกระดูกและหัวใจ
ปลายนิ้วของเขาเคลื่อนไหว เกิดเป็นเสียงของเพลงพิณที่มีอานุภาพทำลายล้างพิภพ
ยามนี้ตู๋กูซิงหลันถึงได้พึ่งจะเข้าใจ ว่าความอบอุ่นอ่อนโยนและความรักที่เขามี ทั้งหมดนั้นทุมเทให้กับนางเพียงผู้เดียว
เกือบจะครบปีแล้ว ตลอดชั่วเวลาหนึ่งปีที่ผ่าน เขาต้องผ่านประสบการณ์เช่นใดมาบ้าง….
ตู๋กูซิงหลันปวดใจด้วยความสงสาร
ยิ่งปวดใจก็ยิ่งกอดเขาให้แน่นกว่าเดิม จนกลายเป็นปลาหมึกยักษ์ที่แกะไม่ออกไปแล้ว
พอรู้สึกถึงปฏิกริยาของนาง จีเฉวียนที่เมื่อครู่ยังลงมือโหดเหี้ยมอยู่ ก็หันมากอดนางเอาไว้ในทันที
ความเย็นชาเปลี่ยนเป็นอบอุ่นอ่อนหวานในชั่วพริบตา “อย่ากลัว ข้าอยู่นี่ อีกเดี๋ยวก็จะพาเจ้ากลับบ้านแล้ว”
…………………………..
ตอนที่ 684-1 ตู๋กูซิงหลันขอแต่งงาน
ขณะที่เอ่ยประโยคนั้นออกมา แขนเสื้อของเขาก็เลื่อนมาบังใบหน้าของนางเอาไว้
เขาไม่ต้องการให้นางเห็นตนเองในสภาพเช่นนี้ ไม่ต้องการให้นางเห็นตนเองเปิดฉากฆ่าฟันสังหารใหญ่โต
กลัว….จะทำให้นางตกใจ
แต่ตู๋กูซิงหลันกลับมิได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย ศีรษะเล็กๆซุกเข้าไปในอ้อมอกของเขาพลางหัวเราะฮิฮะออกมา
“ข้าเก็บเอาสมบัติล้ำค่ามาได้จริงๆนะเนี่ย…”
แม้ว่าจะมีแขนเสื้อปิดอยู่ ก็ยังรู้สึกได้ว่านางกำลังหัวเราะจนตัวสั่น
โอ้ ดูท่าทางที่ทำเป็นโหดเหี้ยมจนถมึงทึงนั่นสิ ช่างน่ารักแทบตายแล้วง่ะ!
แล้วยังลวดลายสีดำบนข้างแก้มนั่นอีก….จุ๊ๆๆ นี่มันจะเรียกว่าอย่างไรดี เท่แบบโหดๆ ร้ายสุดๆ!
นัยตาคู่นั้น ต่อให้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลกหล้า ก็ยังไม่อาจเปรียบเทียบกับดวงตาของเขาได้เลย….
ตู๋กูซิงหลันหัวเราะอย่างเริงร่าอยู่ในใจ ใบหน้าประดับรอยยิ้มดุจดอกเก็กฮวย
พอคิดๆดูแล้ว นางก็ซุกศีรษะเข้าไปอีกนิด แนบใบหน้ากับแขนเสื้อของเขา ป้องคำพูดใส่ริมใบหูของเขาไปว่า “กลับบ้านแล้ว เจ้าก็แต่งงานกับข้าเถอะนะ”