ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 458 สรรพสิ่งพินาศ มรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 458 สรรพสิ่งพินาศ มรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

ซูฉีขมวดคิ้ว ทราบดีว่าอริยะมิ่งจีกำลังล่อลวงตนอยู่

แต่เขาก็นึกถึงคำพูดของหานเจวี๋ยขึ้นมา นี่คือกับดัก

ซูฉีกวาดสายตามอง สุดขอบฟ้าดินทั่วสารทิศมีเงาร่างใหญ่ยักษ์โผล่ออกมามายขึ้นเรื่อยๆ เงาร่างเหล่านี้อย่างน้อยๆ ก็เป็นตัวตนในระดับเทพทั้งสิ้น

วินาทีนี้ ซูฉีรู้สึกเศร้าหมอง

ผู้อื่นเข้าร่วมการต่อสู้เป็นกลุ่มเสมอ มีเพียงตัวเขาที่ไม่ว่าจะต่อสู้เพื่อตัวเองหรือต่อสู้เพื่อวังสวรรค์ก็ตัวคนเดียวเสมอมา

ซูฉีนึกถึงวิชาอัญเชิญเทพ เขาสามารถเชิญหานเจวี๋ยมาช่วยเหลือได้

ถึงหานเจวี๋ยจะบอกว่าไม่สนใจพวกเขา แต่เขาเชื่อว่าหากเขาสำแดงวิชาอัญเชิญเทพ หานเจวี๋ยจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือแน่นอน

ไม่ได้!

ข้ามีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร

‘อาจารย์ช่วยเหลือข้ามากมายยิ่งนักแล้ว ข้าจะลากเขาเข้าสู่เคราะห์ได้อย่างไร’

แววตาของซูฉีทวีความดุร้ายยิ่งขึ้น

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็มีแต่ต้องสู้ตายแล้ว!

อย่างมากก็แค่ตาย!

ชาตินี้ข้าใช้ชีวิตมาพอแล้ว!

ซูฉีชูมือขวาของตนขึ้น ยิ้มอย่างบ้าคลั่งแล้วกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งโอหัง “วันนี้ข้าจะดูสิว่าผู้ใดในหมู่พวกเจ้าจะสามารถสังหารข้าได้!”

เมื่อวาจานี้ถูกกล่าวออกมา สรรพสิ่งทั้งหมดในโลกล้วนระเบิดโทสะออกมา พุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง

ภาพเหตุการณ์หยุดนิ่ง ซูฉีที่ถูกสรรพสิ่งในโลกาปิดล้อมโจมตีกลายเป็นจุดเล็กจิ๋ว เสมือนกรวดก้อนหนึ่งในป่าเขาพงพณา จากนั้นก็ถูกสิ่งมีชีวิตมากมายท่วมทับ

….

นับตั้งแต่สังหารอู๋เต้า ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปอีกสี่สิบปีแล้ว

วันนี้ จิตใจของหานเจวี๋ยกระวนกระวาย

เขาอยู่ในระดับต้าหลัว ไม่มีทางบังเกิดอารมณ์ขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เขาเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจสอบดูทันที

[ซูฉีลูกศิษย์ของท่านสำแดงพลังวิเศษทลายมรรคา ดวงชะตาตกต่ำ]

[โม่ฟู่โฉวสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ตัวตายมรรคผลสลาย]

[ซูจินซิงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ตัวตายมรรคผลสลาย]

[เซวียนฉิงจวินคู่บำเพ็ญเพียรของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ เคราะห์ดีได้รับการปกปักจากดวงชะตาเผ่าสวรรค์]

[มหาจักรพรรดิเหยียนจวินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ตัวตายมรรคผลสลาย]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ เคราะห์ดีได้รับการปกปักจากดวงชะตาเผ่าสวรรค์]

[หานมิ่งสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ตัวตายมรรคผลสลาย]

[หานมิ่งสหายของท่านได้รับความช่วยเหลือจากอริยะ คืนชีพให้แก่เสี้ยววิญญาณสุดท้าย]

….

เมื่อไล่ดูลงไป มีผู้ที่ตัวตายมรรคผลสลายมากมายนัก!

สหายทางฝั่งวังสวรรค์ล้มตายกันแทบจะหมดแล้ว

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เหตุใดซูฉียังคงสำแดงพลังวิเศษทลายมรรคาออกมาอีกเล่า

หานเจวี๋ยสอบถาม ‘ปวงสวรรค์หมื่นโลกามีสรรพสิ่งมากน้อยเพียงใดที่สิ้นชีพเพราะซูฉี’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการ!

[สิ่งมีชีวิตเก้าสิบเปอร์เซ็นต์สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ ยากจะคำนวณปริมาณที่แน่นอนได้]

หานเจวี๋ยเงียบไป

มากขนาดนี้เชียว

หานเจวี๋ยตรวจสอบตบะของซูฉี ยังคงเป็นตบะระดับจักรพรรดิเซียนหนึ่งวัฏ แต่หลังจากสำแดงพลังวิเศษทลายมรรคาออกมาก็ลดฮวบลงไปหนึ่งระดับ กล่าวอีกนัยคือก่อนหน้านี้ซูฉีบรรลุถึงระดับเทพแล้ว

โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว

นี่ก็คือพลังวิเศษทลายมรรคาอย่างนั้นหรือ

หากผู้สำแดงพลังคืออริยะ เช่นนั้นสิ่งมีชีวิตใต้ร่มเงามรรคาสวรรค์มิสิ้นชีพกันหมดเลยหรือ

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

[ฉิวซีไหลต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

….

เรื่องนี้เร่งด่วนจนไม่อาจรอได้แม้เพียงชั่วครู่จริงๆ

ยอมรับ!

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยเข้าสู่แดนความฝัน

ยังคงเป็นห้องโถงใหญ่ที่คุ้นเคย พระพุทธรูปทองคำที่คุ้นตา

ฉิวซีไหลเอ่ยเสียงขรึม “ซูฉีศิษย์ของเจ้าสำแดงพลังวิเศษทลายมรรคา กวาดล้างสรรพสิ่ง ฝืนบังคับมหาเคราะห์ให้ปิดฉากลง”

หานเจวี๋ยตกตะลึง เอ่ยถามว่า “พลังวิเศษทลายมรรคราหรือ นั่นคือสิ่งใด เขามีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไร”

เขาแสดงท่าทางหวาดผวาอย่างเกินจริง ราวกับได้ยินข่าวร้ายแรงยิ่งยวด

ฉิวซีไหลถอนหายใจพลางกล่าวว่า “มิใช่แค่แดนเซียนเท่านั้น โลกอื่นๆ ก็เป็นเช่นนี้ ล้มตายกันเป็นเบือ ศิษย์เจ้าสิ้นชีพอย่างแน่นอนแล้ว ข้าก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

ฉิวซีไหลเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เอ่ยขึ้นมา “เขาจำเป็นต้องตาย มิเช่นนั้นก็ยากจะบรรเทาเพลิงโทสะของอริยะท่านอื่นๆ ได้ และไม่สามารถให้คำอธิบายต่อมรรคาสวรรค์ได้ ข้าทำได้เพียงช่วยเก็บวิญญาณเสี้ยวหนึ่งของเขาไว้ จะส่งมอบให้เจ้าในภายหน้า นับจากนี้ไป เขาต้องไม่ปรากฏตัวขึ้นในขอบเขตมรรคาสวรรค์อีก มิเช่นนั้นจะต้องร่างสิ้นจิตมลาย”

หานเจวี๋ยทราบดีว่านี่คือฉากจบที่ดีที่สุดแล้ว

เขารีบคารวะขอบคุณฉิวซีไหล พลางถามด้วยความสงสัยว่า “พลังวิเศษที่ร้ายกาจเช่นนี้ ศิษย์ของข้าไปเรียนรู้มาจากที่ใดกัน”

ฉิวซีไหลถอนหายใจพลางตอบ “พลังวิเศษทลายมรรคาเป็นสิ่งที่บรรพชนเต๋าถ่ายทอดให้แก่อริยะ คาดว่าศิษย์ของเจ้าก็คงถูกอริยะสักคนหลอกใช้ ส่วนจะเป็นผู้ใดนั้นขณะนี้ยังบอกเจ้าไม่ได้ ผลกรรมของอริยะ ตัวเจ้าในตอนนี้ยังไม่อาจรับไหว ข้าทำไปเพราะหวังดีต่อเจ้า”

หานเจวี๋ยเงียบไป

ดูมีความเป็นไปได้ที่ฉิวซีไหลและอริยะมิ่งจีจะสมรู้ร่วมคิดกัน

กลับไปแล้วค่อยวิวัฒนาการดูแล้วกัน

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้ไว้ใจฉิวซีไหลและเจ้าแม่หนี่ว์วาไปเสียทั้งหมด แต่เป็นเพราะยังแข็งแกร่งไม่พอ จึงทำได้เพียงแสร้งว่าไว้เนื้อเชื่อใจ

“มหาเคราะห์นับว่าสิ้นสุดลงแล้ว ภายในสิบปีนี้ เหล่าอริยชนจะขจัดแรงกรรมแห่งฟ้าดิน หลังจากนั้นเจ้าก็สามารถกลับไปยังแดนเซียนได้ทุกเมื่อ” ฉิวซีไหลกล่าวต่อไป

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “ยามใดถึงจะเติมเต็มสิ่งมีชีวิตในแดนเซียนได้”

ฉิวซีไหลตอบว่า “ด้วยการหล่อเลี้ยงของฟ้าดิน ท้ายที่สุดแล้วจะก่อกำเนิดสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าพันธุ์ขึ้น เจ้าก็สามารถอาศัยโอกาสนี้ก่อตั้งสำนักขึ้นได้ หลังจากผ่านไปอีกหลายพันปี เจ้าจะกลายเป็นผู้ทรงพลังที่สรรพสิ่งในโลกเคารพบูชา เช่นเดียวกับบรรพชนพุทธ จักรพรรดิเซียนและจักรพรรดิปีศาจในกาลก่อน”

หานเจวี๋ยถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง

มหาเคราะห์ เคราะห์แห่งความตาย!

มีคนเพียงส่วนน้อยที่สามารถรอดพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ไปได้!

สิ่งมีชีวิตที่รอดมาได้ต้องสงบใจบำเพ็ญ เมื่อเวลาผันผ่านไป จะยืนอยู่เหนือสรรพสิ่งทั้งปวงไม่ช้าก็เร็ว

เท่ากับมีเวลาบำเพ็ญล่วงหน้าก่อนสิ่งมีชีวิตยุคใหม่มากมายหลายพันปี ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตธรรมดาสามัญ ก็สามารถสำเร็จเป็นผู้ทรงพลังได้

“หลังจากมหาเคราะห์สิ้นสุดลง อริยะจะไม่สามารถสอดมือเข้ายุ่งกับเรื่องภายใต้มรรคาสวรรค์ได้อีกต่อไป ในจุดนี้ เจ้าวางใจเถอะ ผู้ที่กำกับดูแลสรรพสิ่งคือเผ่าสวรรค์ หัวหน้าเผ่าคือสหายเก่าคนหนึ่งของเจ้า วันหน้าเจ้าจะได้รู้เอง กล่าวโดยสรุปคือ เจ้ากลับไปอย่างสบายใจได้เลย ไม่มีอันตรายอีกแล้ว”

เมื่อฉิวซีไหลกล่าวจบ แดนความฝันก็พังทลายลง

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับสู่ความเป็นจริง เขาถามทันที ‘คำพูดทั้งหมดของฉิวซีไหลเป็นความจริงหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[เป็นความจริง]

หานเจวี๋ยถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างไรก็ตามพอถึงเวลาที่เขาจะกลับแดนเซียนจริงๆ ค่อยวิวัฒนาการดูอีกครั้ง

หานเจวี๋ยถามต่อ ‘ความสัมพันธ์ระหว่างฉิวซีไหลและอริยะมิ่งจีเป็นอย่างไร’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสี่พันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[วัดจากค่าความประทับใจ พวกเขามีความประทับใจต่อกันในระดับ 3 ดาว]

สามดาว!

กล่าวอีกนัยคือ แม้ตอนนี้พวกเขาจะสมคบคิดกัน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะแตกหักกัน!

ไม่สามารถไว้ใจฉิวซีไหลอย่างสมบูรณ์ได้จริงๆ

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เมื่อคิดว่ามหาเคราะห์สิ้นสุดลง มรรคาสวรรค์เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในใจหานเจวี๋ยรู้สึกปลดปลงอย่างยิ่ง

โชคดีที่เขาย้ายโลกเขย่าพิภพออกมาก่อน มิเช่นนั้นโลกเขย่าพิภพก็คงไม่เหลือเช่นกัน

ช้าก่อน!

กล่าวเช่นนี้คือ โลกเขย่าพิภพมิใช่โลกที่อยู่ภายใต้มรรคาสวรรค์เพียงอย่างเดียวแล้วใช่หรือไม่

ถ้าหากเร่งการพัฒนาอีกนิด…

หานเจวี๋ยใจเต้นแรงขึ้นมา ไม่กล้าคิดต่อแล้ว

เขามองเห็นอำนาจและผลประโยชน์ที่จะหลั่งไหลเข้ามาหาตนอย่างไร้ที่สิ้นสุด

ขอเพียงเขามุมานะสักหน่อย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังสูงสุดรองลงมาจากอริยะก็เป็นได้!

อาจจะแข็งแกร่งกว่าวีรชนอย่างจักรพรรดิสวรรค์ จู่ถูรวมถึงบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ในกาลก่อนก็เป็นได้!

‘ไม่ถูกแล้ว! นี่คือกับดัก!’

‘หากต้องการทำลายคนผู้หนึ่ง ก็ต้องทำให้บ้าคลั่งในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสียก่อน!’

“อริยะต้องการทำร้ายข้า!”

“ข้าไม่อาจปรากฏตัวอย่างเปิดเผยได้ ทว่าสามารถสนับสนุนเหล่าศิษย์ได้…ในมหาเคราะห์ครั้งถัดไป หากข้าพิสูจน์มรรคสำเร็จเป็นอริยะ อริยะมรรคาสวรรค์คนอื่นๆ จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าอีก และหากกลุ่มอิทธิพลทั้งหมดที่อยู่ภายใต้มรรคาสวรรค์ล้วนเป็นสาขาย่อยของสำนักซ่อนเร้น เช่นนั้นมิใช่ว่า…”

ถูกอริยะควบคุมมานานถึงเพียงนี้ เขาก็ควรผงาดขึ้นมาได้แล้ว!

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท